“น่าสงสารชีวิตของเธอนะ ป้าว่าการที่เธอสร้างทุกอย่างแล้วต้องปิดบังตัวตนเพื่อรอคนรัก หัวใจของเธอคงไม่มีใครแล้วจริงๆ แต่การที่จะปิดบังตัวตนแบบนี้ เธอคงจะแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว” กุ้ยหนิงพูดตามความคิดของเธอ
“มันก็ยากพอตัวเลยค่ะป้าเหมย ฉันและเสี่ยวหลินเห็นมาตั้งแต่เธอเริ่มสร้างทุกอย่าง มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะมาถึงจุดนี้ได้” อาเหมยเองก็พูดไปตามความเป็นจริง พวกเธอทั้งสองคนกว่าจะสร้างอาณาจักรของนายน้อยหยางได้มันไม่ง่ายเลยทีเดียว
“ช่างมันเถอะครับ ผมขอแค่นายน้อยหยางไม่ใช่ผู้ชายก็พอแล้ว แค่นี้ผมก็สบายใจ” เฟยหลงเขาไม่ใช่คนที่อยากรู้เรื่องของคนอื่น ขอแค่หลินหลินไม่ต้องสนิทกับชายคนไหนก็พอแล้ว
“แหมพี่หยางไม่ค่อยจะหวงเลยนะ ไม่ต้องกลัวหรอกเสี่ยวหลินหากไม่ใช่ลูกน้องหรือคนในครอบครัวถ้าไม่จำเป็น น้องสาวของฉันไม่ค่อยคุยกับคนต่างเพศหรอก และที่สำคัญเสี่ยวหลินยังไม่เคยมีคนรักมาก่อนด้วย คุณลุงคุณป้ายังกลัวว่าลูกสาวคนเดียวจะอยู่เป็นโสดไม่ยอมแต่งงาน”
เฟยหลงได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มแก้มปริ หลินหลินของเขาไม่เคยมีคนรักและไม่เคยรักใคร ถึงแม้ว่าตอนนี้เธออาจจะยังไม่รักเขา แต่เขาจะทำให้หลินหลินรักเขาสุดหัวใจให้ได้ เหมือนกับในตอนนี้ ที่เขานั้นรักเธอมาก
“แต่...คนของฉันและของนายน้อยหยางแจ้งมาว่า มีใครบางคนต้องการที่จะเล่นงานตระกูลจ้าว โดยส่งคนมาให้ตีสนิทกับเสี่ยวหลินเพื่อจะทำให้เธอหลงรัก นี่คือหนึ่งเหตุผลที่เราสองคนมาอยู่ที่นี่ เสี่ยวหลินไม่ได้ป่วยตามที่แจ้ง แต่เพื่อขออนุญาตมาอยู่ในหมู่บ้านนี้เลยต้องบอกแบบนั้น ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานใครคนนั้นคงจะต้องตามมาที่นี่แน่ ฉันดีใจนะที่เสี่ยวหลินจะแต่งงานกับพี่ อย่างน้อยๆ พี่ก็รักน้องสาวฉันจริง ฉันเชื่อว่าพี่จะต้องปกป้องเสี่ยวหลินได้” อาเหมยเลือกที่จะพูด เพราะเธอเชื่อว่าบางทีฝ่ายนั้นอาจจะวางแผนชั่วก็ได้ถ้าเกิดเห็นว่าเสี่ยวหลินไม่เล่นด้วย
“และที่สำคัญบางครั้งเราสองคนหรือตัวฉันเองอาจจะไม่ค่อยได้อยู่ในหมู่บ้านบ่อยๆ เพราะแม่ของเสี่ยวหลินให้ดูกิจการร้านค้าต่างๆ ที่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเธอ ฉันเลือกที่จะบอกเรื่องนี้เพื่อความปลอดภัยของเสี่ยวหลินเองหากวันไหนฉันไม่อยู่ ฉันฝากน้องสาวคนนี้กับพี่และป้ากุ้ยหนิงด้วยนะ” อาเหมยรู้ดีว่าเธอนั้นมีงานต่างๆ มากมายที่ต้องดูแล และต้องไปจัดการ บางทีอาจจะไม่ได้อยู่กับน้องสาวตลอด บอกไปนะดีแล้ว
เฟยหลงพอได้ยินความรู้สึกแรกคือไม่ยินยอม เขาไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายกับคนรักของเขา ในเมื่อตัวเขาเองยังคงต้องทำงานและเข้าป่าล่าสัตว์หาเงิน เขาจะต้องทำยังไงดี
“พี่หยางไม่ต้องกังวลหรอก หนูไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่จะรอให้ใครมารังแกได้ ในเมื่อตอนนี้ความรู้สึกทั้งหมดที่มีหนูให้พี่ไปหมดแล้ว หนูกลัวแค่ว่าหากวันหนึ่งพี่และป้ากุ้ยหนิงรู้ตัวตนว่าหนูไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนหวานหรือเรียบร้อย พี่และป้ากุ้ยหนิงยังจะเอ็นดูและดีกับหนูแบบนี้อีกไหม” หลินหลินพูดเสียงเศร้า นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธออ่อนไหวและอ่อนแอ หากพี่หยางคนรักของเธอรับไม่ได้ เธอจะทำยังไง ใจเธอคงจะแหลกสลายไม่มีชิ้นดี เฟยหลงมองอาการของคนรัก เขาจึงเอ่ยขออนุญาตและขยับตัวเองเข้าไปคว้าตัวเธอมากอดไว้แน่น
“หลินหลินฟังพี่นะ ไม่ว่าตัวตนหนูจะเป็นยังไง พี่ก็ยังคงมีความรู้สึกรักหนูไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พี่ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเป็นแบบพี่ไหม ครั้งแรกที่พี่เห็นหนูพี่รู้สึกหวงแหนและอยากปกป้อง จนพี่มาสะดุดอะไรไม่รู้วันนั้นเลยเข้าไปกอดหนู ทำให้พี่รู้ว่าชีวิตนี้พี่ขาดหนูไม่ได้จริงๆ ถ้าจะบอกว่าเป็นรักแรกพบก็คงไม่ผิด ดังนั้นไม่ว่าหนูจะร้ายยังไงพี่ก็รักหนูนะครับ”
หลินหลินได้ยินดังนั้นความรู้สึกที่มีคืออบอุ่นหวานล้ำในอก พี่หยางเป็นคนแบบนี้ยังไงล่ะเธอจึงเลือกที่จะรักและรอเขามาตลอดสองชาติ ครั้งนี้เธอรักคนไม่ผิดแล้วจริงๆ เธอกระชับอ้อมกอดแน่นเพื่อให้เขารับรู้ว่าเธอเองก็คิดแบบเดียวกับเขา
“ป้าเองก็เหมือนกัน อาหยางรักใครป้าก็รักด้วย ต่อไปนี้ป้าสัญญาว่าจะเลิกกลัว ป้าจะต้องสู้คนเพื่อปกป้องครอบครัวของป้า เพื่อปกป้องลูกสะใภ้เพียงคนเดียวของป้า ป้าขอบใจเสี่ยวหลินมากนะที่ไม่รังเกียจอาหยางและตัวป้า ทั้งๆ ที่หนูสามารถหาคู่ชีวิตที่ดีกว่าและฐานะเทียบเท่ากับครอบครัวของหนูได้” กุ้ยหนิงรู้สึกขอบคุณจริงๆ แม้ว่าฐานะของทั้งสองครอบครัวต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่เสี่ยวหลินและท่านนายพลยังให้โอกาสเพื่อให้อาหยางลูกชายเพียงคนเดียวได้พิสูจน์ตัวเอง
อาเหมยนั่งมองภาพนี้ด้วยรอยยิ้ม นี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการใช้ชีวิต แต่นี่คือการเริ่มต้นสำหรับทุกอย่าง เธอดีใจที่น้องสาวคนนี้พบเจอรักแท้เสียทีแม้จะต้องตามหากันมาสองชาติ นี่สินะที่เขาว่า รักแท้ต่อให้ห่างไกลกันแค่ไหนสักวันก็ต้องเจอกัน มีแต่ตัวเธอนี่แหละไม่รู้ว่าเนื้อคู่เกิดหรือยัง หรือว่าต้องไปหาเด็กแรกเกิดมาเลี้ยงเพื่อเป็นสามีของตัวเองในอนาคต เฮ้อ...หากทำแบบนั้นมีหวัง...ไม่อยากจะคิด
บ้านของหลินหลินนั้นมีแต่ความสุขและความอบอุ่นต่างจากบ้านหวางที่ตอนนี้กลับลุกเป็นไฟ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยินยอมที่จะลงขันจ่ายเงิน
“แม่สามีค่ะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับฉันนะ ทำไมฉันต้องเอาเงินของตัวเองมาจ่ายด้วย อีกทั้งบ้านในอำเภอตอนนี้ก็ขายไปหมดแล้ว หากให้เงินอีก ฉันและครอบครัวจะอยู่ยังไง อย่าคิดว่าฉันจะยอมจ่ายให้” สะใภ้รองพูดอย่างไม่ยินยอม เงินที่ต้องจ่ายตั้งกี่พันหยวน ตอนนี้เงินบ้านหวางก็เหลือไม่เท่าไหร่ ขายบ้านสามหลังไปแล้วได้สองพันหนึ่งร้อยหยวน ยังขาดอีกเยอะ เธอไม่มีทางที่จะให้เงินหรอก
“แล้วแต่เธอนะสะใภ้รอง หากเธออยากจะติดคุกด้วยฉันเองก็ไม่ว่าอะไร ได้ยินสิ่งที่นายอำเภอและเจ้าหน้าที่พูดไม่ใช่เหรอ หากบ้านหวางไม่จ่ายทุกคนก็จะติดคุก” แม่เฒ่าหวางพูดไม่มองหน้า เธอคิดว่าสะใภ้รองช่างเป็นคนเห็นแก่ตัวเหลือเกิน เงินสินสอดสมัยนั้นก็เป็นเงินสินเดิมของกุ้ยหนิง เธอคิดผิดจริงๆ ที่เลือกสะใภ้คนนี้
“คุณแม่สามีจะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะคะ ฉันเป็นแค่สะใภ้ไม่ได้สร้างเรื่องใส่ร้ายใคร ลูกๆ ฉันเองก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ฉันจะฟ้องพ่อเรื่องนี้ พ่อฉันเป็นถึงเลขาผู้ว่าการมณฑล ท่านต้องช่วยฉันได้ ฉันและลูกๆ ไม่มีทางที่จะต้องติดคุกไปกับบ้านหวางแน่ๆ” สะใภ้รองบ้านหวางพูดอย่างถือดี เธอคิดว่ายังไงเธอและลูกๆ ต้องรอด พ่อของเธอไม่มีทางที่จะปล่อยให้ลูกสาวและหลานๆ ต้องติดคุกหรอก พูดยังไม่ทันขาดคำเจ้าหน้าที่ก็เดินเข้ามาบอกว่ามีคนมาขอพบสะใภ้รอง เธอยิ่งย่ามใจเพราะคิดว่าพ่อจะต้องมาช่วย
“เห็นไหมคะคุณแม่สามี พ่อฉันส่งคนมาช่วยแล้ว” เจ้าหน้าที่จึงพาคนเข้ามา แต่สิ่งที่คนของท่านเลขาพูดแทบจะทำให้สะใภ้รองล้มทั้งยืน
“คุณพ่อส่งนายมาช่วยฉันใช่ไหม รีบหน่อยเถอะฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” สะใภ้รองพูดอย่างดีใจโดยที่ลืมคิดไปว่าเธอยังไม่ทันได้ส่งข่าวทำไมคนของพ่อเธอถึงได้มาช่วยเร็วแบบนี้
“เปล่าครับ ตอนนี้ท่านเองแทบเอาตัวไม่รอด ท่านโดนพักงานและถูกตรวจสอบครับ ท่านรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะคุณ ท่านจึงฝากผมมาบอกว่าต่อไปท่านขอตัดขาดจากคุณ เกิดเรื่องอะไรไม่ต้องกลับไปที่บ้านเดิมอีกแล้วครับ” พูดจบเขาจึงเดินจากไปเพราะตอนนี้นายท่านของเขากำลังโดนตรวจสอบ เขาเองต้องวิ่งไปขอความช่วยเหลือคนที่พอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านเลขา แต่คงจะยากในเมื่อลูกสาวของท่านมีเรื่องกับคุณหนูของท่านนายพลจ้าวใครจะกล้ายื่นมือเข้าช่วย
***************