“พี่เหมยทำยังไงดี” หลินหลินกระซิบถามพี่สาวอย่างร้อนใจ อยู่ๆ พ่อเรียกพี่หยางไปคุยแบบนั้น
“ใจเย็นคุณลุงไม่ฆ่าพี่หยางของเธอหรอก รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวสุดสวยอย่างฉันจะไปแอบฟังให้ ตกลงไหมน้องรัก แต่พรุ่งนี้ขอรางวัลเป็นสเต๊กเนื้อแกะตกลงไหม” อาเหมยชอบกินสเต๊กมาก ยิ่งเป็นเนื้อแกะยิ่งน้ำลายสอ
“ตกลง เดี๋ยวเอาออกมาให้กินพรุ่งนี้ พี่รีบเลยอย่าพูดมาก” หลินหลินตอนนี้รับปากทุกอย่าง แค่สเต๊กมันจะยากอะไร ในมิติเธอมีทุกอย่าง อาเหมยพยักหน้าจากนั้นจึงค่อยๆ หายไปจากกลุ่มของชาวบ้าน
“พี่ใหญ่ พี่ดูสิหลานสาวบ้านหวางใช้จักรยานของผู้นำหมู่บ้านตั้งใจชนป้ากุ้ยหนิง แล้วยังด่าว่าน้องยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่น้องสงสัยนะทำไมบ้านหวางจึงได้กล้าทำร้ายคนอื่นแบบนี้ แล้วทำไมชาวบ้านต้องเกรงกลัวผู้นำหมู่บ้านด้วย อ้อ บ้านหวางใช้สิทธิ์ครอบครัวของนายทหารมารังแกน้องด้วยนะ แต่น้องบอกว่าไม่กลัว ต่อให้เป็นครอบครัวของท่านนายพลน้องก็ไม่สนใจเพราะน้องไม่ผิด” หลินหลินรีบฟ้องพี่ชาย เพราะกลัวว่าพี่ใหญ่จะรู้ว่าพี่เหมยนั้นหายไป เธอจึงดึงความสนใจมาทางนี้ก่อน จ้าวหมิงเย่วฟังเสียงน้องสาวเล่าด้วยความคับแค้นใจเขาได้แต่ยิ้มขำ ทำไมเขาจะไม่รู้จักนิสัยน้องของตัวเองว่าแก่นเซี้ยวแค่ไหน ต่อให้หลินหลินของเขาจะพูดจริงบ้างไม่จริงบ้าง แต่พี่ชายเช่นเขาพร้อมที่จะอ้าแขนปกป้องน้องน้อยของเขาคนนี้เสมอ
ผู้นำหมู่บ้านได้ยินที่หลินหลินพูดได้แต่ยืนหน้าซีด วีรกรรมที่เขารังแกชาวบ้านมีน้อยเสียเมื่อไหร่ เขามีนอกมีในกับเจ้าหน้าที่ในคอมมูนเรื่องแบ่งจ่ายอาหารให้กับชาวบ้านมาหลายปีตั้งแต่เขามารับตำแหน่งแทนพ่อที่ตายไป หากโดนรื้อขึ้นมาอย่าหวังว่าจะได้ผุดได้เกิดเลย ยักยอกอาหารของชาวบ้านหากถูกจับได้โทษไม่น้อยเลยทีเดียว ยังมีเรื่องที่เขาแอบเลี้ยงหมูเกินกำหนดของรัฐไว้แอบขายอีก นี่หัวเขาไม่หลุดจากคอเหรอ ไม่น่ามาหาเรื่องหญิงสาวคนนี้เลย ใครจะไปรู้ว่าเธอจะเป็นถึงลูกสาวของท่านนายพล
“เอาอย่างนี้ดีกว่า วันนี้ผมจะพักกับน้องสาวหนึ่งคืน ผมจะให้คนของผมตั้งโต๊ะร้องทุกข์ให้กับชาวบ้าน ใครมีเรื่องคับข้องใจหรือโดนผู้นำหมู่บ้านเอาเปรียบข่มเหงเรื่องอะไรมาแจ้งได้เลยนะครับ ผมจะได้จัดการครั้งเดียวให้จบ และทุกคนไม่ต้องกลัวว่าผู้นำหมู่บ้านจะทำอะไร เพราะผมจะให้ลูกน้องคุมตัวเขาไว้ก่อนจนกว่าผมจะสืบเรื่องทุกอย่างกระจ่าง ผมรับรองด้วยตำแหน่งผู้พันของผมเอง” จ้าวหมิงเย่วพูดให้ชาวบ้านสบายใจว่าไม่มีใครทำอะไรชาวบ้านแน่ๆ ทำให้ชาวบ้านทั้งหลายเบาใจแต่กลับเป็นบ้านหวางที่หน้าซีดแล้วซีดอีก
“ส่วนคนบ้านหวางผมต้องขอให้อยู่แต่ในบ้านนะครับห้ามก้าวเท้าออกไปไหน จนกว่าบทสรุปจะออกมา ส่วนใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครไม่ได้ทำผิดก็ไม่ต้องกลัวนะครับ”
“ถ้าหากผู้นำหมู่บ้านปล่อยเงินกู้เก็บดอกเบี้ยแสนโหด เราสามารถแจ้งได้ไหมครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนกู้เงิน เราจะผิดด้วยไหมครับ” เขาเป็นหนึ่งในคนกู้เงินเหมือนกัน เพราะสี่ถึงห้าปีที่ผ่านมาผลผลิตจากส่วนแบ่งนั้นน้อยเหลือเกินทำให้แต่ละครอบครัวที่ไม่ได้มีเงินเก็บแบบพวกเขาต้องขอกู้เงินจากผู้นำหมู่บ้านด้วยดอกเบี้ยที่แสนจะโหด บางครั้งพวกเขาต้องเข้าป่าล่าสัตว์และเอาสัตว์ที่ล่าได้แอบเข้าไปขายตลาดมืดเพื่อมาจ่ายดอกเบี้ย บางครั้งก็จะโดนยึดส่วนแบ่งอาหารแทนการจ่ายดอกเบี้ยด้วยเหมือนกัน
“ได้ครับ ไม่ต้องกลัวว่ามีความผิด ทางที่ดีหากบอกเหตุผลได้จะดีมากเลยครับ” จ้าวหมิงเย่วพูดด้วยรอยยิ้ม ทำให้ชาวบ้านลดความเกร็งลงไปได้บ้าง
นายพลจ้าวเมื่อเข้ามาในบ้านของลูกสาวเขาก็แต่นั่งจ้องหน้าเฟยหลง เจ้าหนุ่มหน้าเหม็นที่กล้าประกาศต่อหน้าชาวบ้านมากมายว่าจะรับผิดชอบลูกสาวของเขา
“คิดยังไงถึงจะรับผิดชอบเสี่ยวหลิน” จ้าวหยางเฟยถามเสียงเข้ม
“ไม่คิดยังไงครับ รักตั้งแต่แรกพบ และผมก็ทำผิดด้วยการกอดเธอไปแล้วครับ”
“หา! นี่นายกอดเสี่ยวหลินลูกสาวตัวน้อยของฉันแล้วเหรอ ไอ้ ไอ้...” นายพลจ้าวพูดไม่ออก ไอ้หนุ่มนี่หน้ามึนขนาดไหน ถึงกล้าบอกว่ารักลูกสาวตัวน้อยของเขาตั้งแต่แรกเจอ แล้วยังกอดเธอแล้วด้วย โถ่! เสี่ยวหลินของพ่อ
“ผมชื่อเฟยหลงครับ เฟยหลง” เฟยหลงยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้กลัวกับท่าทางของท่านนายนพลเลยด้วยซ้ำ เขากลับชอบใจที่ท่านนายพลหวงลูกสาวจนออกนอกหน้า แต่หลินหลินไม่ใช่ลูกสาวตัวน้อยเสียหน่อย เธอออกจะสมส่วน บางส่วนก็ใหญ่มากด้วย!!
“นั่นแหละ ฉันยังไม่อยากรู้จักนาย เรามาว่าข้อตกลงของฉันดีกว่า” นายพลจ้าวเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงจริงจัง
“ครับ ผมพร้อมรับฟังและยินดีที่จะทำตาม ต่อให้ข้อเสนอนั้นจะยากเย็นแค่ไหนผมก็พร้อมที่จะสู้ครับ” เฟยหลงพูดเสียงหนักแน่น เขาเองไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เขาถึงต้องการดูแลและปกป้องหลินหลินลูกสาวท่านนายพลคนนี้ ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าฐานะอย่างเขาไม่ควรที่จะอาจเอื้อมเลยด้วยซ้ำ เขารู้เพียงว่าเขาโหยหาเธอ อยากให้เธออยู่ในอ้อมกอดของเขาตลอดไปจนแก่เฒ่าเท่านั้นเอง ถ้าจะบอกว่ามันคือความรักก็คงไม่ผิด
“ฉันต้องการสินสอดให้กับเสี่ยวหลินหนึ่งหมื่นหยวน และนายต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ารักเสี่ยวหลินจริงๆ หากทำได้ฉันจะไม่ห้าม ฉันยินดียกลูกสาวตัวน้อยดวงใจของทุกคนในครอบครัวไว้ในมือนาย แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่นายทำให้เธอเสียใจ วันนั้นคือวันที่นายหมดลมหายใจ นายยินดีที่จะรับข้อเสนอไหม” นายพลจ้าวไม่ได้ต้องการเลยเงินหนึ่งหมื่นหยวน เขามีมากพอที่จะเลี้ยงดูลูกสาวทั้งชีวิต แต่การที่เขายื่นข้อเสนอไปแบบนี้เขาอยากจะดูว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะทำยังไง หากไม่ได้ชอบเสี่ยวหลินหรือหวังเพียงต้องการเป็นลูกเขยท่านนายพลคงต้องล่าถอย เพราะเงินหนึ่งหมื่นหยวนชาวบ้านทั่วไปแทบจะหาไม่ได้เลย แต่ถ้าเฟยหลงรักและต้องการดูแลลูกสาวของเขาจริงๆ เฟยหลงก็ต้องพยายามดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อที่จะก้าวผ่านอุปสรรคชิ้นนี้ที่เขาหยิบยื่นให้ได้
“ครับ ผมตกลง ท่านนายพลมีระยะเวลาให้ผมไหมครับ” เฟยหลงไม่ต้องคิด เขาตอบในทันที ต่อให้เงินหนึ่งหมื่นหยวนเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้สำหรับชาวบ้านเช่นเขา แต่เขาต้องพยายามทำให้ได้ต่อให้ยากแค่ไหนก็ตาม ตอนนี้เงินเก็บของเขามีเกือบสองพันหยวน จากการที่เขาปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงอันตราย และเงินที่ได้มาบางส่วนจากการปลดประจำการ เขาต้องหาอีกแปดพันกว่าหยวน ยังไงเขาก็ต้องสู้ สู้เพื่อหลินหลิน
“ฉันให้เวลานายสองปี ภายในสองปีนายต้องทำให้ได้ หากนายทำไม่ได้ฉันจะพาเสี่ยวหลินกลับปักกิ่ง” นายพลจ้าวไม่คิดเช่นกันว่าเฟยหลงจะกล้ารับข้อเสนอด้วยความหนักแน่น ไม่มีแววตาที่กลิ้งกลอกหรือว่าอ่อนไหวเลยสักนิดเดียว ทำให้นายพลจ้าวพอใจในระดับหนึ่ง
“ตกลงครับ แต่ช่วงเวลานี้ท่านจะยังไม่พาหลินหลินกลับไปใช่ไหมครับ” เฟยหลงถามกลับ อย่างน้อยๆ ให้เขาเห็นหน้าเธอทุกวันเพื่อเป็นกำลังใจให้เขาสู้สักหน่อยก็ยังดี แต่เขาสัญญากับตัวเองว่าจะต้องทำให้สำเร็จเร็วกว่ากำหนดเพราะเขาเองไม่อยากแยกจากเธอเช่นกัน
“ฉันเองอยากให้เสี่ยวหลินอยู่ที่นี่สักระยะเหมือนกัน นายรู้ใช่ไหมตำแหน่งท่านนายพลที่กำลังจะเลื่อนเป็นนายพลอาวุโส ยิ่งขึ้นสูงยิ่งหนาว เพื่อความปลอดภัยของเสี่ยวหลินฉันอยากให้เธออยู่ที่นี่สักระยะ หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปฉันฝากดูแลเสี่ยวหลินด้วยแล้วกัน” นายพลจ้าวรู้ดีว่าเขากำลังจะเลื่อนตำแหน่ง ศัตรูที่ไม่เห็นด้วยนั้นมีรอบด้าน เขาเองห่วงความปลอดภัยของลูกสาวด้วยเช่นกัน เพราะเสี่ยวหลินไม่ยอมให้ลูกน้องของเขาต้องคอยดูแล มีครั้งหนึ่งเขาเคยให้ลูกน้องคอยประกบเพราะห่วงความปลอดภัย ลูกสาวตัวดีและสหายอย่างอาเหมยหายตัวไปเป็นเดือนเล่นเอาเขาและทุกคนใจหาย กลัวว่าทั้งสองคนจะเกิดอันตราย
“ซวยแล้วไอ้หลิน หมื่นหยวน แกไม่ต้องรอจนครบสองปีเลยเหรอ ตายแล้วทำไงดี” อาเหมยตกใจในข้อเสนอของคุณลุงท่านนายพล