4 แผนการคุณหนูมาเฟีย

1651 Words
สายของวันต่อมา “อื้อ~” คุณหนูมาเฟียนอนส่งเสียงในลำคอบนเตียงนอนขนาดใหญ่ เปลือกตาที่แนบสนิทเปิดออกปรากฏนัยน์ตาสีสวย มือเรียวคว้าโทรศัพท์มาส่องโซเชียลเหมือนที่ชอบทำเป็นประจำทุกวันหลังตื่นนอน เคยพยายามไม่คว้ามาเล่นหลังตื่นนอนแล้วแต่มันคงยากเกินไปสำหรับคนติดโทรศัพท์อย่างเธอ ติ้ง… พี่คาร์มิน : ตื่นรึยัง คาร์เทียร์ : ตื่นแล้วค่ะ พี่คาร์มิน : พี่จะสั่งอาหารเช้าไปให้ ทานอะไรร้อนๆจะทำให้ดีขึ้น เพราะพี่ชายเธอปราดเปรื่องเรื่องการดื่ม จึงรู้ว่าหลังตื่นนอนแล้วมีอาการแฮงก์ต้องกินอะไรถึงจะช่วยทำให้ดีขึ้น พี่คาร์มิน : อยากได้อะไรเพิ่มเติมไหม คาร์เทียร์ : ชานมสักแก้วใส่ไข่มุกเยอะๆ กาแฟสักแก้ว ชาเขียวด้วยก็ดี พี่คาร์มิน : เอาไว้ค่อยกินหลังจากอาการแฮงก์ดีขึ้น คาร์เทียร์ : ค่าาา ชานม กาแฟ และชาเขียวที่บอกไปแค่พิมพ์สนุกๆปั่นพี่ชายเล่น เพราะรู้อยู่แล้วว่าพี่คาร์มินคงไม่ยอมให้ดื่มอยู่ดีแฮงก์หนักขนาดนี้ แทบไม่อยากลุกออกจากเตียงนอน ปวดหัวจนแทบจะระเบิดออกจากกัน มิหนำซ้ำยังรู้สึกพะอืดพะอมตลอดเวลา ข้อเสียของการดื่มแอลกอฮอล์เยอะเป็นอย่างนี้นี่เอง ฝืนร่างกายที่ไม่ค่อยสู้ดีไปอาบน้ำ หวังให้สายน้ำเย็นๆช่วยปลุกสภาพคนไม่เต็มร้อยให้สดชื่น หลังจากอาบน้ำเสร็จประจวบเหมาะเสียงกริ่งดังขึ้น คนตัวเล็กส่องตาแมวเพื่อดูว่าใคร ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรับอาหารจากคนของพี่ชายที่นำมาให้ เลี้ยงดูปูเสื่อเธอเป็นอย่างดีดุจลูกสาวคนหนึ่งเลยก็ว่าได้… ขณะกำลังนั่งตักข้าวต้มร้อนๆขึ้นมาเป่าแล้วนำเข้าปาก พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขณะที่ตัวเองเมาแล้วอดรู้สึกอายไม่ได้ หากย้อนเวลากลับไปจะไม่ทำตัวขายหน้าอย่างเด็ดขาด พอจำได้คร่าวๆว่าเธอชี้นิ้วใส่ว่าที่สามีแล้วบอกพี่สะใภ้คนโปรดว่า… ‘ไปขอโทษเขาทำไมพี่สะใภ้ นั่นนะ…ว่าที่สามีเทียร์’ อายจนเย็นนี้ไม่กล้าไปดูตัวเลย ยังไม่ทันแต่งงานกันก็ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาแล้ว ไม่รู้ตอนนี้เขาจะมองเธอเป็นแบบไหน แต่ช่างเถอะ… เพราะเธอไม่ได้รักเขา ดีซะอีก ลูกชายตระกูลนั้นจะได้ไม่อยากแต่งงานกับลูกสาวมาเฟียขี้เมาอย่างเธอ จู่ๆในหัวที่กำลังปวดปานจะระเบิดก็มีเสียงดัง ‘ปิ๊ง’ เมื่อคิดแผนการอะไรบางอย่างออก “หึ! ดูซิ ถ้าเห็นเราเป็นแบบนั้น อีตาขี้เก๊กนั่นยังอยากแต่งงานด้วยอยู่ไหม” ขอเรียกอีตาขี้เก๊กแล้วกัน เพราะเมื่อคืนเก๊กใส่เธอซะเหลือเกิน มิหนำซ้ำพี่สะใภ้คนโปรดขอโทษแทนเธอที่เมายังแค่พยักหน้าแล้วเดินออกไป เธอเมาแต่ก็จำรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเรื่องอีตาหัวหน้ามาเฟียขี้เก๊กอะไรนั่น ••• ด้านคิระ มาเฟียหนุ่มมีนัดคุยเรื่องสำคัญกับคนเป็นพ่อจึงเข้ามาที่บ้านในช่วงบ่าย เจ้าของใบหน้าเย็นชาเดินเข้าไปในบ้านโดยมีน้องสาวส่งเสียงร้องดังมาแต่ไกล วิ่งเข้ามาหาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “พี่คิระ!” เขาตั้งตัวรับแรงกระแทกที่ ‘มิวนิค’ ปล่อยเข้ามาในรูปแบบกอดเต็มแรง แรงกอดรัดบ่งบอกถึงความคิดถึง เขาและน้องสาวไม่ได้เจอกันเกือบสองอาทิตย์ได้ มองผิวเผินไม่นานหากแต่สำหรับคนติดพี่ชายอย่างมิวนิคมันไม่ใช่ “คิดถึงจังง” “มาให้เห็นแล้วนี่ไง” “งานเยอะเหรอคะถึงไม่มีเวลากลับมาหามิว” “นิดหน่อย พ่อล่ะ” “จิบชาอยู่สวน” “ไปหาพ่อกับพี่ไหม” มิวนิคสั่นหน้า ก่อนที่ริมฝีปาสีระเรื่อจะขยับพูดบางอย่างกับพี่ชาย “ยังอ่านหนังสือไม่เสร็จ เห็นป้ากั้งบอกว่าพี่คิระมามิวเลยแวะมากอด” คิระยิ้มเบาๆ มือหนายกขึ้นโยกหัวน้องสาวอย่างนึกเอ็นดู “งั้นพี่ขอไปหาพ่อก่อนนะ ไว้จะแวะไปหาอีกที” “ค่ะ” เขาเดินไปหาคนเป็นพ่อที่สวน ระหว่างทางเจอแม่พอดีเลยแวะทักทายสักเล็กน้อย วันนี้มาคุยกับพ่อเรื่องงานสำคัญและเรื่องการดูตัวในตอนเย็นนี้ “มาแล้วเหรอ” ประมุขสูงสุดของบ้านอย่าง ‘ปวริศ’ ทักทายลูกชายด้วยท่าทางสุขุม หากแต่แฝงไปด้วยความใจดี “ภาคินกลับบ้านสักทียังครับ” “คิดถึงพ่อแม่และน้องสาวเมื่อไหร่คงกลับมาเอง” ‘ภาคิน’ คือน้องชายของเขา และเป็นพี่ชายของมิวนิค คิระรับรู้แต่ไม่ได้พูดต่อบทสนทนาเรื่องน้องชาย เข้าประเด็นเรื่องงานกับคนเป็นพ่อ นั่งคุยกันเป็นชั่วโมง บรรยากาศไม่ได้อึดอัดและตึงเครียด เป็นการคุยงานกันแบบสบายๆ “ของที่จะสั่งผลิตล็อตนี้พ่อจะไปดูงานด้วยไหมครับ” “เริ่มผลิตเมื่อไหร่” “วันอังคารนี้ครับ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม” “ครับ แต่ช่วงนี้มีหนอนบ่อนไส้ ผมกำลังสืบอยู่ว่าเป็นใคร” “พ่อเชื่อมือคิระนะ” “ขอบคุณที่เชื่อมือผม” “พ่อเห็นช่วงนี้คิระทำงานหนักมาก หาเวลาพักผ่อนด้วยนะ อย่าหักโหมจนเกินไป” “ครับ” “ตอนเย็นต้องไปดูตัวแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง” “เฉยๆครับ” ปวริศยิ้มมุมปากกับคำตอบของคิระ ท่าทางลูกชายไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับการที่จะต้องไปดูตัวกับลูกสาวอีกตระกูลเท่าไรนัก “ได้ข่าวว่าลูกสาวบ้านนั้นสวยมาก แต่น่าเสียดายที่ไม่ทำให้ลูกชายของพ่อรู้สึกตื่นเต้นในการไปเจอกัน” ลูกสาวตระกูลนั้นเป็นคนไม่ชอบออกงานสังคม ไม่ชอบอยู่ในจุดที่ไฟสปอร์ตไลท์สาดถึง ถึงจะไม่เคยเห็นตัวจริงของว่าที่ลูกสะใภ้มาก่อน แต่เท่าที่ให้คนตามสืบก็พอจะรู้ว่าเป็นคนแบบไหน แม่เหล็กคนละขั้วกับคิระเลยละ… คนแบบนี้สิถึงจะอยู่กับคิระได้ หากคนเหมือนกันอยู่ด้วยกันชีวิตคงมีแต่ความจืดชืดและไร้สีสัน “ผมไม่ได้สนใจเธอ” “พ่อเชื่อ” “ผมต้องแต่งงานกับเธอไปนานแค่ไหน” “คิระอยากแต่งนานแค่ไหนล่ะ” “แล้วแต่พ่อเลย” เขายังไงก็ได้อยู่แล้ว “ใจจริงพ่อกับแม่อยากอุ้มหลานนะ” การแต่งงานของสองตระกูลเกิดขึ้นเพื่อยุติการเกิดสงคราม หากแต่คนเป็นพ่อและแม่ก็ต่างคาดหวังว่าอยากอุ้มหลาน ทว่าไม่รู้ว่าตอนนี้คิระมีความคิดเห็นยังไงเพราะด้วยนิสัยเป็นคนนิ่งขรึมเดาทางยาก ขณะพูดว่าอยากอุ้มหลานลูกชายก็ยังคงนิ่งเงียบ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าการแต่งงานคงแต่งพอเป็นพิธีเท่านั้น พอพ่อพูดว่าอยากอุ้มหลานขึ้นมา เขาเริ่มมองเห็นแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผู้หญิงคนนั้นคงยืนยาวและถาวร “เอาไว้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า” ปวริศพูดต่อ “ถ้าพ่อกับแม่อยากอุ้มหลาน ผมจะทำให้” สีหน้าปวริศเปลี่ยนเป็นแปลกใจ ตอนแรกคิดว่าคิระคงปัดทิ้งไม่ตอบเหมือนที่ผ่านมา แต่ทว่าครั้งนี้กลับผิดคาดโดยสิ้นเชิง “หลังจากดูตัวเสร็จ งานแต่งจะถูกจัดขึ้นเมื่อไหร่ครับ?” “ภายในเดือนนี้” ทุกอย่างถูกเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว แค่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น สำหรับผู้หญิงคนนั้นอาจมองว่าเร็วเกินไป แต่สำหรับคนไม่คิดอะไรอย่างเขารีบแต่งจะได้จบๆ ••• (หวังว่าแกจะไม่หนีการดูตัวหรอกนะยัยเทียร์) “ใครจะกล้าหนีกันเล่า ขืนหนีการดูตัวมีหวังคุณพ่อเชือดฉันตายพอดี” เธอกรอกเสียงตอบกลับคนในสายอย่าง ‘อันดา’ ที่เป็นเพื่อนสนิท (ไม่รู้สิ ฉันได้ยินแกเล่าแผนการประหลาดๆให้ฟังก็คิดว่าจะหนีการดูตัว) “แกเรียกแผนอันชาญฉลาดของฉันว่าแผนการประหลาดๆเหรออันดา” (ก็มันฟังดูประหลาดจริงๆ) “ตาไม่ถึงแกอะ” (ฉันเหลือเวลาพักอีกแค่สิบนาทีนะ) “รู้แล้วๆ แกว่าแผนการของฉันมันจะได้ผลไหม” (อืมมม เท่าที่ฟังมาและก่อนหน้านี้แกบอกว่าเขาเป็นผู้ชายขี้เก๊ก เย็นชาๆ ฉันว่าแผนการนี้น่าจะทำให้เขารำคาญจนไม่อยากแต่งงานกับแกก็ได้นะ) “เหรอ! งั้นฉันเอาแผนนี้” (แกบอกว่าเขาหล่อลากไส้จนสาวๆอยากลากขึ้นเตียง ทำไมแกไม่ลองดูๆไปก่อนละ ไม่แน่นะ… แกอาจจะติดใจเขาก็ได้) “เหอะๆ” เธอหัวเราะในลำคอแบบแหยๆ ติดใจเหรอ? ไม่มีวันหรอก (ลองดูไม่เสียหายนะ มันก็แค่เซ็กซ์) “มีเซ็กซ์กับรูปปั้นเดินได้อะนะ? นกเขาจะขันรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย” เห็นหน้าสวยๆของเธออาจจะไม่ขันเลยก็ได้ (ถึงบอกให้ลองไง) “ถ้าเขาไม่เหมือนรูปปั้นเดินได้ก็อาจจะพอเก็บไว้พิจารณา แต่มันไม่ได้จริงๆอะอันดา เชื่อฉันสิ” (งั้นก็ตามใจแกเลย อีกเดี๋ยวฉันต้องเข้างานแล้วนะ) “งั้นแกไปทำงานเถอะ หลังจากดูตัวเสร็จฉันจะมาเม้าท์ให้แกฟัง” (จัดไป) เธอกดวางสายจากอันดาแล้วเอนตัวนอนแผ่หลาบนเตียงพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ แผนการอันชาญฉลาดของเธอต้องทำให้เขารำคาญจนต้องรีบไปขอยกเลิกการแต่งงานแน่ๆ ดูตัวเย็นนี้เธอจะสวมบทบาท ‘คนน่ารำคาญ’ ให้เขาจำไม่ลืมเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD