#คุณภามคะขา 6
โบกมือลาพี่คุณก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจากบริษัท เมื่อถึงโรงพยาบาลฉันตัดสินใจถือไอแพดตัวเองเดินไปนั่งเล่นรอที่ร้านกาแฟที่อยู่ชั้นหนึ่งของตึกโรงพยาบาล บุคลากรของโรงพยาบาลเดินเข้าออกเรื่อย ๆ รวมถึงบางคนที่นั่งอยู่ตามโต๊ะ ฉันมองหาโต๊ะว่างก่อนจะเดินไปนั่งหลังจากได้ชาเย็นมาหนึ่งแก้วพร้อมกับขนมสองสามอย่างจากนั้นก็นั่งกินและเล่นรอ ฉันส่งข้อความบอกพี่ภามตั้งแต่มาถึงแล้วว่าจะกินขนมรอที่ร้านกาแฟถ้าเขาเสร็จแล้วให้ส่งข้อความบอกเดี๋ยวไปเจอกันที่รถ
ฉันนั่งดูการ์ตูนในไอแพดรอกระทั่งเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนเกือบหกโมงครึ่ง เลยเวลานัดมานานแล้วยังไม่มีวี่แววของพี่ภามที่จะตอบกลับมา แต่ก็ไม่คิดจะเร่งเขาเพราะเข้าใจว่าเขาน่าจะเรียนหรือทำอะไรยังไม่เสร็จ เลยกินขนมรอไปเรื่อย ๆ กระทั่งเห็นร่างสูงของพี่ภามที่เดินเข้ามาภายในร้านด้วยท่าทีเร่งรีบไหนจะการที่เขากำลังกวาดสายตาไปทั่วทั้งร้าน
ไม่อยากจะคิดว่าเขารีบเดินมาหาฉันเลย หากไม่ติดว่ายามเราสบตากันในจังหวะบังเอิญ คนตัวสูงถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเดินตรงมายังโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่
“ขอโทษ รอนานไหม?” พี่ภามหยุดยืนตรงหน้าฉัน หากลองสังเกตดี ๆ อีกฝ่ายยังมีอาการหอบเหนื่อย
“ไม่นานค่ะ กินขนมรอ นั่งพักก่อนไหม?” ฉันเองก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น พี่ภามเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ว่างก่อนจะนั่งลงช้า ๆ ฉันปิดการ์ตูนและเก็บไอแพดใส่กระเป๋าสะพายเตรียมตัวเผื่ออีกฝ่ายจะอยากกลับบ้านในตอนนี้
“พี่ราวด์เสร็จแล้วอาจารย์ให้สรุปให้ฟังเลยช้ากว่าเวลานัด” พี่ภามรีบอธิบายให้ฟัง
“พี่เหนื่อยไหม?”
“นิดหน่อยครับ หิวหรือยัง?”
“หิวแล้วค่ะ พี่ล่ะ”
“หิวแล้ว งั้นเรากลับกันเลยไหมจะได้แวะหาอะไรกินด้วย?” พี่ภามชวน ฉันส่งยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้าตกลง ระหว่างเดินออกจากร้านกาแฟ พี่ภามขยับเข้ามาช่วยถือกระเป๋าให้พร้อมกับชวนเดินออกจากอาคารนี้พร้อมกับเขา หากไม่ติดว่ามีเสียงของคนกลุ่มหนึ่งเอ่ยเรียกชื่อเขาไว้เสียก่อน กลุ่มคนเสื้อกาวน์เดินกึ่งวิ่งเข้ามาใกล้ ลอบมองคนข้าง ๆ ก็พบว่าเขาทำหน้าคล้ายกับหัวเสียอยู่มากเมื่อมีคนมาเจอเขาอยู่กับฉันแบบนี้
“จะรีบไปไหนภาม ชวนไปกินข้าวช่วงนี้ไม่ไปเลย” ว่าที่คุณหมอคนหนึ่งเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้มติดจะกวน ๆ
“ก็บอกว่ามีธุระ” คนข้าง ๆ ฉันเอ่ยตอบเสียงนิ่ง
“อะไรกัน ว่าแต่ สาวน้อยคนนี้...” สายตาเจ้าเล่ห์ถูกมองมาที่ฉัน พี่ภามรีบขยับเข้ายืนแทรกทันที ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะขบขันนั้นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
"วิน เดี๋ยวมึงจะโดน”
“ก็ไม่ยอมชวนมาเปิดตัวสักที หลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ได้มึงน่ะ” เสียงคนที่ส่งสายตามองฉันบอกพี่ภามอย่างเซ็ง ๆ
“จริง พามาเปิดตัวบ้างใครบางคนจะได้รู้ตัวสักที พวกกูเหนื่อยจะช่วยแล้ว”
“เออ รู้แล้ว”
“รู้แล้วก็ไปกินข้าวกับพวกกู ชวนน้องไปด้วย”
“...” พี่ภามหันกลับมามองอย่างขอความคิดเห็น แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร เลยมองเขากลับไปนิ่ง ๆ
“วันนี้ไปกินข้าวกับเพื่อนพี่ไหม? เสร็จแล้วเราค่อยกลับ”
“จะไม่เป็นอะไรเหรอ? ให้หนูไปส่งพี่แล้วค่อยมารับกลับก็ได้นะ” ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันเหมาะสมหรือเปล่าหากจะไปกินข้าวกับพวกเขา เพราะนี่หากนับจริง ๆ เป็นครั้งแรกที่ได้เจอพี่ ๆ เขาเลยนะ
“ไปด้วยกันเถอะน้อง เอ่อ ชื่ออะไรนะ” เพื่อนพี่ภามคนหนึ่งเอ่ยชวนและถามชื่อ
“สวัสดีค่ะ ณมลค่ะ”
“สวัสดีครับพี่ชื่อณอน ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ มันไม่ยอมกินข้าวกับพวกพี่เลย” พี่ที่แนะนำตัวเองว่าชื่อณอนเอ่ยชวนพร้อมกับรอยยิ้มน้อย ๆ แต่ฉันไม่กล้าตอบเลยนี่สิ
“เอ่อ...” สบตามองพี่ภามอย่างต้องการความช่วยเหลือ
“ไปด้วยกันครับ” พี่ภามบอกแค่นั้นก่อนจะหันกลับไปนัดแนะเพื่อนเรื่องร้านอาหารที่จะไป เป็นร้านที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดพี่ภามมากนัก
“คะขา...”
“คะ?” เมื่อเดินใกล้ถึงรถพี่ภามจึงเอ่ยเรียกเสียงนุ่ม ต่างจากน้ำเสียงที่เขาใช้กับเพื่อนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
“เดี๋ยวพี่ขับเอง”
“พี่เหนื่อยนะ เดี๋ยวหนูขับเอง” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะปลดล็อกรถเดินวนไปฝั่งคนขับ พี่ภามพอเห็นว่าฉันไม่ยอมก็เปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับแล้วขึ้นมานั่ง กระเป๋าสะพายฉันและกระเป๋าพี่ภามถูกยกไปวางไว้ที่เบาะด้านหลังรวมถึงเสื้อกาวน์ที่เขาสวมอยู่ถูกถอดออกแล้ววางไว้เบาะด้านหลังเช่นเดียวกัน ตอนนี้บนร่างเขามีเพียงเสื้อยืดสีขาวเท่านั้น พี่ภามยื่นมือไปหยิบกระเป๋าของเขามาถือไว้ก่อนจะรูดซิปเปิดหยิบเสื้อยืดมาหนึ่งตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อยืดสีขาวของเขาออกและสวมเสื้อยืดสีน้ำเงินแทน
อายไหม เปลี่ยนเสื้อต่อหน้าฉันแบบนี้ ภายในรถไม่ได้สว่างอะไรมากมีเพียงแสงส่องเข้ามาเล็กน้อยแต่เรือนร่างที่ขาวจนสะท้อนแสงของอีกฝ่ายทำเอาฉันร้อนวูบไปทั่วทั้งหน้า ไม่อยากจะมองนะแต่มันเห็นเอง แล้วเขาน่ะ เขามีซิกแพ็กด้วย ฮื่อ ฉันเขิน
“หึ ขับไหวไหม?” พี่ภามเอ่ยถามเสียงขบขัน ถ้าตอบตรง ๆ ตอนนี้ก็คง
“ไม่ไหว ฮื่อ!! ทำไมไม่เปลี่ยนก่อนออกมาละคะ” แอบโวยวายไป พี่ภามหัวเราะลั่นอย่างพอใจเมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นจากฉัน ก่อนจะยื่นกระเป๋ากลับไปวางไว้ที่เบาะด้านหลังดังเดิม
“เดี๋ยวพี่ขับเอง เปลี่ยนที่กันมา” พี่ภามเปิดประตูลงจากรถ ฉันเองก็รู้ตัวดีว่าขับไม่ไหวแน่ ๆ เขินจนมือสั่นไปหมดแล้ว พี่ภามรอจนฉันขึ้นไปนั่งบนรถถึงได้เดินกลับไปขึ้นรถฝั่งคนขับ เขายังหัวเราะเมื่อได้ยินฉันบ่นพึมพำเรื่องที่เขาเปลี่ยนเสื้อต่อหน้าต่อตาแบบนี้
“งอแงแล้ว” พี่ภามแซวระหว่างที่ขับรถไปที่ร้านอาหารที่อีกฝ่ายนัดกับเพื่อนไว้
“ก็พี่อะ”
“ฮ่า ๆ ๆ อย่าเพิ่งงอแงเลยนะ พรุ่งนี้ไม่มีเรียนใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ ไปส่งพี่เสร็จก็กลับไปอยู่ห้องยาว ๆ”
“ไหวไหม? ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไปส่ง...”
“ไหวค่ะ สบายมาก” เอ่ยตอบพี่ภาม กระทั่งถึงร้านอาหารพี่ภามพาเดินไปรวมกับกลุ่มเพื่อนเขาที่นั่งรอที่โต๊ะอยู่ประมาณห้าคน รวมเราสองคนก็เป็นเจ็ดคนพอดี เพื่อนพี่ภามแนะนำตัวกันจนครบทุกคนรวมถึงพี่ภามที่แนะนำให้ทั้งฉันและเพื่อนเขารู้จักกัน ระหว่างที่นั่งพี่ภามกับเพื่อนคุยเรื่องเรียนแน่นอนว่าฉันไม่รู้เรื่องและเหมือนพี่ ๆ เขาจะนึกได้และไม่อยากให้ฉันรู้สึกอึดอัดเลยเปลี่ยนเรื่องคุยยกเว้นเพียงคนหนึ่งที่เหมือนยิ่งชอบใจเวลาชวนคุยเรื่องที่พวกเขาเรียนแล้วฉันไม่เข้าใจและเงียบอยู่คนเดียว
“ณมล เรียนปีไหนแล้วนะ” เพื่อนพี่ภามคนหนึ่งเอ่ยถาม พี่คนนี้น่าจะชื่อกันตา ชื่อเหมือนนามสกุลฉันเลย
“ปีสามแล้วค่ะ”
“ใกล้จบแล้วสิ” ระหว่างที่คุยกับพี่กันตาก็รับรู้ถึงสายตาของคนที่นั่งข้าง ๆ อย่างพี่ภามที่มองอย่างเปิดเผยยามคุยกับพี่กันตาสลับกับพี่ณอน ส่วนคนอื่น ๆ จะเปลี่ยนมาคุยกับฉันไม่ได้เลยเพราะพี่ผู้หญิงคนหนึ่งดูไม่เว้นช่องว่างให้พี่คนอื่นได้ข้ามมาคุยฝั่งฉันเลย
กระทั่งอาหารถูกยกมาเสิร์ฟ ฉันกินข้าวเงียบ ๆ พี่ภามเองก็ขยันตักอาหารมาใส่จานให้เรื่อย ๆ ถามอยู่ตลอดว่าอยากกินอะไรอีกไหมจะได้สั่งให้ เขาไม่ยอมแตะกับข้าวที่เพื่อนสาวของเขาตักให้เลยสักนิดเดียว จะกินแค่ที่ตักเองหรือฉันตักให้บางอย่างเท่านั้น
“รู้สึกหน้าชา” เสียงพี่คนหนึ่งดังขึ้น
“มึงก็พูดไปวิน” แม้พี่ณอนจะห้ามเพื่อนแต่เสียงหัวเราะนั้นดูสะใจไม่น้อยเลย
“สั่งเพิ่มไหม?” พี่ภามถามเสียงเบาระหว่างที่เพื่อนเขากำลังหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกด้วยเรื่องอะไรบางอย่าง
“ไม่แล้วค่ะ พี่อิ่มไหม?”
“อิ่มมาก”
“เออ ภาม แซนด์วิชอะมึงซื้อมาจากไหน อร่อยมาก ฝากซื้อหน่อย” พี่กันตาเอ่ยถามพี่ภาม แต่แซนด์วิชที่ว่าคงไม่ใช่ที่ฉันให้พี่ภามเมื่อตอนเช้าหรอกนะ
“พูดแล้วโมโหแม่ง กินของกูหมด กูยังไม่ได้กินสักชิ้น” พี่ภามดุเพื่อนอย่างหัวเสีย แซนด์วิชเมื่อเช้าเขาไม่ได้กินเหรอ?
“กูขอโทษเดี๋ยวพรุ่งนี้กูซื้อคืนไง”
“น้องให้กูแล้วพวกมึงแม่งตระกละกินของกูหมด” พี่ภามดุเพื่อนเสียงเข้ม
“กูก็ว่าทำไมมันโมโหทั้งที่ใครให้อะไรมันก็ให้เรากินหมด”
“เกือบโดนมันฟาดแล้วไหมล่ะพวกเรา” เพื่อนพี่ภามบ่นพร้อมกับทำหน้าหวาดกลัว ส่วนพี่ภามนิ่งไปเลยเมื่อเพื่อนเอ่ยถึงแซนด์วิช
“เดี๋ยวพรุ่งนี้แซนทำมาให้นะคะ” อ๋อ พี่คนนั้นชื่อแซนสินะ
“ไม่เป็นไรครับ” พี่ภามปฏิเสธ
“ไม่ได้กินเลยเหรอ?” เงยหน้าถามพี่ภามที่ตักกุ้งมาใส่จานให้
“ครับ พวกมันแย่งกินหมดเลย”
“ขอโทษนะณมลพวกพี่คิดว่าคงจะเป็นคนที่ชอบมันเอาให้ ปกติมันให้พวกพี่กินหมดเลย” พี่ณอนเล่าให้ฟัง อย่างรู้สึกผิด
“ไม่คิดว่าจะเป็นเราทำให้มัน ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่” ไม่อยากให้พวกพี่เขารู้สึกไม่ดีจริง ๆ นะแต่เหมือนคนข้าง ๆ จะไม่ยอมเลยนี่สิ
“พรุ่งนี้อยากกินไหม เดี๋ยวทำให้ใหม่” ถามพี่ภามเสียงเบา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงต้องถามและอาสาทำให้แบบนี้ ทั้งที่ก็มีคนพร้อมที่จะทำให้เขาเหมือนกัน
“จะเหนื่อยไหม?”
“ไม่หรอกค่ะ พรุ่งนี้ว่างด้วย เดี๋ยวทำให้ใหม่นะคะ”
“ครับ”
“น้องทำให้ใหม่แล้วก็หยุดโกรธพวกกูครับ พรุ่งนี้ติวให้ด้วยจะสอบบ็อกใหม่แล้วครับเพื่อน”
“ยังจะใช้กูอีก” พี่ภามบ่นเพื่อนตัวเอง
ใช้เวลาที่ร้านอาหารอยู่นานกระทั่งแยกกันกลับ พี่ภามขับรถมาส่งฉันที่คอนโดก่อนที่เขาจะนั่งแท็กซี่กลับเอง ไหนบอกจะให้ฉันไปส่งทำไมถึงขับมาที่นี่แล้วที่น่าสงสัยคือเขารู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ ตอนนี้มีแต่คำว่าทำไม ๆ เต็มหัวไปหมด
แล้วทำไมพี่ภามไม่เอาเสื้อกาวน์ตัวเองกลับไปด้วย...