#คุณภามคะขา 5
05.45 น.
จอดรถที่หน้าคอนโดหรูหลังจากที่ส่งข้อความบอกพี่ภามว่ามาถึงและรอจุดไหนฉันก็นั่งเล่นรอไปเรื่อย ๆ เมื่อคืนนอนเร็ววันนี้เลยตื่นเช้าไร้อาการงัวเงียง่วงนอน นึกครึ้มทำแซนด์วิชเยอะมากเดี๋ยวเอาไปฝากพี่ ๆ ที่บริษัทรวมถึงฝากพ่อและพี่คุณด้วย
“รอนานไหม?” พี่ภามเดินมาถึงรถพร้อมกับแขนข้างหนึ่งที่หอบเสื้อและกระเป๋าของเขามาด้วย คนอะไรเช้าขนาดนี้ยังหล่อ เหลือจะเชื่อจริง ๆ
“ไม่ค่ะ วันนี้ส่งไหนดีคะ?” เอ่ยถามพี่ภามพร้อมกับค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจากลานจอดหน้าคอนโด
“โรงพยาบาลครับ ยิงยาวถึงเย็นเลย ถ้าพี่เลิกเร็วเย็นนี้ไปกินข้าวกันนะ” คนเรียนเยอะยังเอ่ยนัดไว้ก่อน แต่ตอนเย็นยังไงก็ต้องเจอกันอยู่แล้วนี่นา ทำไมถึงรีบชวนเร็วขนาดนี้ล่ะ
“ตอนเย็นก็เจอ รีบชวนจัง” เอ่ยแซวกลับไปพร้อมกับหัวเราะอีกฝ่าย
“กลัวเรามีนัดไง”
“ไม่มีสักหน่อย วันนี้จะไปหาพ่อกับพี่ชายค่ะตอนเย็นก็มารับพี่กลับ”
“ถือว่าตกลงแล้วนะ” พี่ภามถามย้ำ
“ค่ะ อ้อ หนูทำแซนด์วิชพี่เอาไว้กินรองท้องไหม?”
“ทำเองเลยเหรอ?” พี่ภามหันกลับมามองพร้อมกับหรี่ตามอง
“ทำเองค่ะ เมื่อคืนนอนเร็วตื่นก่อนเวลาตั้งปลุกนานมากเลยทำแซนด์วิช แต่ถ้าไม่อยากกินก็ไม่บังคับนะคะ” ฉันก็ลืมถามว่าเขาอยากกินหรือเปล่า แน่นอนว่าฉันไม่ได้บังคับก็ลองถามดูเผื่อเขาอยากกินแค่นั้นเอง
“อยากกินครับ มีไส้อะไรบ้าง”
“หนูทำแฮมชีส หมูหย็องน้ำสลัดแล้วก็ไส้ผักไข่ต้ม” พร้อมนำเสนอสิ่งที่ทำเช่นเดียวกัน
“ทำมาเยอะเหรอ?”
“เยอะมากค่ะไส้ละสี่ห้าชิ้นนี่แหละ”
“พี่ขอไส้ละชิ้นได้ไหม?” พี่ภามเอ่ยขออย่างเกรงใจ แต่ว่าฉันดีใจมาก ๆ เลยที่มีคนอยากกินของที่ฉันทำ
“ได้เลยค่ะ ถึงแล้ว เช้ามาก”
“เวลาปกติเลย เวลามีราวน์ตอนเช้าน่ะ” ฉันจอดรถที่ลานจอดใกล้ทางขึ้นตึกโรงพยาบาล พร้อมกับพี่ภามที่เก็บของและเปิดประตูรถลงไปยืนข้าง ๆ ฉันลงจากรถก่อนจะเปิดท้ายรถหยิบแซนด์วิชใส่ถุงกระดาษที่มีติดไว้ท้ายรถก่อนจะส่งให้พี่ภามที่ยืนมองพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉันเองก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่ารอยยิ้มและแววตาแบบนี้คือเขากำลังเอ็นดูฉัน
“ขอบคุณครับ ขับรถกลับดี ๆ นะถึงแล้วบอกพี่ด้วย”
“รับทราบค่ะ” พี่ภามยืนรอส่งกระทั่งฉันขับรถออกจากบริเวณนั้นมองจากกระจกหลังถึงได้เห็นว่าเขายืนรอส่งฉันนานหลายนาทีกว่าจะยอมเดินขึ้นไปยังตึก ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงครึ่งฉันควรจะกลับคอนโดก่อนไหมหรือไปรอที่บริษัทพ่อเลย แต่บริษัทพ่อเปิดตอนเก้าโมง
“เอาวะกลับคอนโดก่อนก็แล้วกัน ค่อยออกไปหาพ่อ” บอกกับตัวเองน้ำเสียงจริงจังพอกลับมาถึงคอนโดฉันก็เดินกลับเข้าห้องพักนอนเล่นไปเรื่อยกระทั่งถึงเวลาเก้าโมงก็ออกจากห้องอีกครั้งเพื่อไปหาพี่ชายและพ่อพร้อมกับแซนด์วิชที่ฉันตั้งใจทำ
“พี่คุณ!!”
“เฮ้ย!!” ร่างสูงที่สวมชุด เอ่อ ชุดแบบซินแสที่เคยเห็นเวลามีการสร้างบ้านแบบนั้นเลย เสื้อคลุมสีแดงลายมังกร คือ นั่นพี่ฉันจริง ๆ ใช่ไหม
“มาได้ไง ตกใจหมด” พี่คุณเมื่อเจอฉันทักเสียงดังก็ร้องตกใจสะดุ้งหันมามอง ดวงตาที่คล้ายกับแม่มองฉันก่อนจะทำหน้างอแง หลายอารมณ์เหลือเกิน หรือพี่จะทำงานหนักเกินไป
“คิดถึง ว่างด้วยเลยเข้ามาหาให้พี่เลี้ยงข้าว” ตอบพี่ชายพร้อมกับส่งถุงแซนด์วิชไปให้คนที่ไม่รู้ว่านั่งทำหน้าเครียดหน้าคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ตอนไหน
“คิดถึงเหมือนกัน ช่วงนี้ยุ่งด้วยเลยไม่ได้ไปหา” ปากขยับบอกฉันมือเปิดดูถุงแซนด์วิชที่เพิ่งส่งให้ ก่อนจะชี้นิ้วบอกให้ไปนั่งที่โซฟามุมห้องทำงานของเขา
“พ่อละคะ”
“พ่อบินไปรับแม่ที่ญี่ปุ่นเมื่อวาน ได้เปิดอ่านไลน์ครอบครัวบ้างไหมเนี่ย”
“แฮ่ ลืมค่ะ ไม่ได้ดูอะไรเลย”
“รีบโทรหาพ่อเลย เมื่อวานพ่อบ่นอยู่ว่าติดต่อเราไม่ได้ไม่รู้ทำไม เอาเครื่องดื่มอะไรไหมเดี๋ยวให้เลขาสั่งให้”
“เอาคาราเมลลาเต้ค่ะแบบปั่น”
“ร้านเดิมใช่ไหม?” พี่คุณถามย้ำอีกครั้ง ฉันพยักหน้าให้พี่ชายก่อนจะกดโทรศัพท์โทรหาพ่อที่จู่ ๆ ก็ไปรีบแม่กลับบ้าน ฉันอาจจะผิดเองที่ไม่ได้ดูไลน์กลุ่มครอบครัวเพราะเมื่อวานฉันเหนื่อยและวุ่นวายมากจริง ๆ
(ไง หายไปไหนมาพ่อติดต่อไม่ได้เลย โทรไปก็ไม่รับไม่โทรกลับด้วย) ยังไม่ทันได้เอ่ยทักทายเมื่อสัญญาณถูกเชื่อมต่อพ่อก็รัวคำถามมาอย่างยาว
“ใจเย็นค่ะ ใจเย็น ๆ นะคะพ่อ” เอ่ยอ้อนเสียงหวานพร้อมกับยิ้มนำไปก่อน
(ยังจะมาอ้อน พ่อมารับแม่นะอีกสักสองสามวันค่อยกลับ)
“โอเคค่ะ ขอขนมด้วยนะ”
(ไหนใครอยากได้ขนมกันนะ) เสียงหวานที่ฉันแสนจะคิดถึงเอ่ยแทรกเข้ามา ไม่นานใบหน้าสวยของแม่ก็โน้มเข้ามาจนมองเห็นทั้งทางฉันและทางแม่
“คนสวยหนูคิดถึง พี่คุณครับไม่ดูแลหนูเลย”
“น้อย ๆ หน่อยไอ้ดื้อ พี่เนี่ยนะไม่ดูแลแก” คนที่นั่งทำงานอยู่ร้องโวยวายเมื่อถูกน้องสาวอย่างฉันใส่ร้ายโดยการฟ้องแม่
“แม่ดูสิคะ เนี่ยคุณครับดุหนูขา”
(ตีกันอีกแล้ว พ่อล่ะปวดหัว) พ่อที่นั่งกอดแม่อยู่กุมขมับอย่างปลงตก ส่วนแม่หัวเราะและยิ้มกับเราสองพี่น้องที่ยามมีศึกเราช่วยกันรบ แต่ยามสงบนั้นเรามักจะรบกันเอง แต่ส่วนมากจะตีกันเองนี่แหละ
“คนสวยจะกลับมาอยู่ยาว ๆ เลยใช่ไหมคะ คิดถึง”
(อยู่ยาวค่ะหนูขา เดี๋ยวจะซื้อขนมกลับไปให้เยอะ ๆ เลยเพราะแม่น่าจะไม่ได้มาอีกนานเลยค่ะ)
“ดีใจจัง ถ้ามีวันหยุดหนูจะพาคนสวยไปเที่ยวนะ”
“พาแม่เที่ยวแล้วใครเลี้ยง” พี่คุณถามพร้อมกับวางถุงแซนด์วิชลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาที่ฉันนั่งอยู่
“พี่คุณไงเลี้ยง เนอะคนสวย” เอ่ยตอบพร้อมกับมองแม่อย่างมีความสุข นานแล้วนะที่เราไม่ได้เที่ยวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งสี่คน
(คุณครับจะเลี้ยงแม่เหรอลูก) แม่เองก็คล้อยตามแกล้งพี่คุณ
“โห คนสวยพูดแบบนี้ผมจะไม่เลี้ยงได้ยังไงกัน”
(งั้นแม่ล็อกคิวเลยนะ)
“เย้!! อยากเที่ยวแล้ว”
(ตัวดื้อจริง ๆ เอาละ พ่อว่าจะพักก่อนเพิ่งถึงได้ไม่นานเจอกันที่บ้านนะเด็ก ๆ) ทั้งฉันและพี่คุณโบกมือลาแม่และพ่อก่อนจะวางสายให้ท่านทั้งสองได้พักจากการเดินทาง
รอไม่นานกาแฟที่ฝากพี่เลขาพี่คุณซื้อก็ถูกยกเข้ามาให้ ฉันแบ่งแซนด์วิชให้พี่เลขาและฝากให้พนักงานคนอื่นที่เจอด้วยเพราะพ่อไม่อยู่ขนมเลยเหลือเยอะฉันกับพี่คุณกินคนละสองชิ้นก็อิ่มแล้ว คนอื่นคงกินชิ้นเดียวอิ่มแต่ฉันต้องสองเท่านั้นค่ะ
“แล้วเป็นไงบ้างเรื่องที่ไปทำรถเขาเป็นรอย” จู่ ๆ พี่คุณก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เรื่องราวหลังจากตกลงกับพี่ภามฉันเล่าให้พี่คุณฟังอีกครั้งอย่างใจเย็น เมื่อเห็นว่าคงไม่เป็นอะไรพี่คุณก็ไม่ได้ดุหรือห้าม จากนั้นก็บอกให้ฉันนั่งเล่นนอนเล่นรอเขาเคลียร์งานตอนเช้าเสียก่อน ตอนเที่ยงจะพาออกไปกินข้าวร้านโปรดฉันเองเมื่อพี่ทำงานก็ยอมเป็นเด็กดีนั่งเล่นเกมตลอดทั้งเช้า
เที่ยงตรงพี่คุณพาออกจากบริษัทเพื่อไปกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้า เป็นร้านโปรดเวลาเราสองพี่น้องนัดกันหรือชวนกันกินข้าวในเวลากลางวัน ส่วนมากเราจะมาที่ร้านนี้ แต่ถ้าเบื่อ ๆ ก็จะเลือกไปที่อื่นแล้วแต่ละรอบไป
“กินข้าวเสร็จแล้วขอไปกินขนมด้วยได้ไหม?” เอ่ยถามพี่คุณที่กำลังทำหน้าที่สั่งอาหารมาให้น้องสาวอย่างฉันได้กิน เพราะถ้าหากให้ฉันสั่งเองเกรงว่าโต๊ะที่เรานั่งอยู่อาจจะไม่พอให้วางกับข้าวก็เป็นได้
“ได้ เดี๋ยวพาไป ของใช้ที่ห้องหมดหรือยังจะได้ซื้อเข้าไปด้วยเลย”
“บางอย่างก็หมดแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวเราไปเดินซื้อของด้วย”
“เยี่ยมเลย หนูชอบแบบนี้” ยกนิ้วโป้งให้พี่คุณพร้อมกับรอยยิ้มแสนซน
“เหอะ ให้พูดใหม่ ต้องบอกว่า ชอบเลยชอบของฟรี แบบนี้ถึงจะถูก” ประโยคล้อเลียนพี่คุณดัดเสียงเล็กเสียงน้อยจนฉันหลุดขำ รวมถึงพนักงานที่ยกอาหารมาเสิร์ฟที่แอบกลั้นยิ้มขำกับท่าทีของพี่คุณ ลุคผู้ชายหล่อหมดเลยพี่ฉัน
“อายว่ะ” เมื่อพนักงานเดินทิ้งห่างออกไปพี่คุณที่ทนความเขินอายไม่ไหวถึงกับยกมือป้องปากกระซิบบอกฉัน ถามว่าสงสารไหมก็ไม่ค่ะ ฮ่า ๆ ๆ แกล้งฉันดีนัก ต้องอายแบบนั้นแหละสมควรแล้ว
มื้อเที่ยงระหว่างฉันและพี่คุณผ่านไปอย่างเรียบง่าย รวมถึงการเดินซื้อของเข้าบ้านเสื้อผ้ารองเท้าและขนม คนสนับสนุนฉันอย่างพี่คุณไม่ได้เอ่ยห้ามสักอย่างเมื่อเห็นว่าฉันเลือกซื้อของใช้อย่างสนุกกลับกันพี่คุณเอาแต่ถามว่าพอไหม เอาอีกหรือเปล่า สายเปย์ไหมคะพี่ชายฉัน
“ซื้อขนมกับนมกลับไปที่ออฟฟิศถึงเวลาแล้วค่อยออกไปดีไหม จะได้ไม่ต้องวนไปมาระหว่างห้อง” พี่คุณเสนอเมื่อเรากำลังกลับออกจากห้างสรรพสินค้า
“หรือจะให้พี่พาเอาของไปไว้ที่คอนโดก่อน” พี่คุณยังถามต่อ
“ให้พี่พาเอาของไปเก็บได้ไหม?”
“ได้ งั้นไปคอนโดเราก่อน แล้วค่อยกลับไปออฟฟิศ” พี่คุณสรุป
จากนั้นเราสองพี่น้องก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกลับมาถึงคอนโดฉัน พี่คุณช่วยหิ้วถุงข้าวของลงจากรถพาไปส่งที่ห้องพักรวมถึงรอฉันแยกของใส่ไว้ในตู้เย็น ในส่วนที่เป็นของใช้หรือของที่ไม่ต้องแช่ตู้เย็นฉันยังปล่อยไว้ไม่ได้จัดในตอนนี้
“ไปกันต่อค่ะ”
“ไปครับ” พี่คุณขานรับพร้อมกับพาฉันกลับไปที่ออฟฟิศของเจ้าตัวที่ บ่ายสามเรากลับเข้ามาในออฟฟิศ พี่คุณนั่งเคลียร์งานส่วนฉันหลับอยู่ที่โซฟา นอนเฝ้าพี่ชายที่แสนดีทำงาน ฉันตื่นอีกทีช่วงเวลาห้าโมงเย็นพร้อมกับโทรศัพท์ที่มีข้อความถูกส่งเข้ามาจากพี่ภามบอกว่าวันนี้เขาเลิกหกโมงเย็น ฉันอยากจะนั่งรอถึงเวลาไปรับเขาที่นี่แต่ติดที่ว่าพี่คุณมีนัดคุยงานกับลูกค้าตอนหกโมงเย็นเราเลยต้องแยกกันที่บริษัท
“ไปนั่งเล่นรอที่ร้านกาแฟใต้โรงพยาบาลก็ได้นี่”
“ค่ะ เดี๋ยวไปนั่งเล่นรอที่นั่น พี่เองก็พักบ้างนะคะ” ไม่ลืมเอ่ยบอกพี่คุณที่เดินมาส่งจนถึงรถ
“โอเค ถึงแล้วก็ส่งข้อความบอกพี่ด้วยนะ มีอะไรโทรมาเลย”
“รับทราบ ไปแล้วนะคะ”
“อือ ขับรถดี ๆ”