#คุณภามคะขา 5

2052 Words
#คุณภามคะขา 5 05.45 น. จอดรถที่หน้าคอนโดหรูหลังจากที่ส่งข้อความบอกพี่ภามว่ามาถึงและรอจุดไหนฉันก็นั่งเล่นรอไปเรื่อย ๆ เมื่อคืนนอนเร็ววันนี้เลยตื่นเช้าไร้อาการงัวเงียง่วงนอน นึกครึ้มทำแซนด์วิชเยอะมากเดี๋ยวเอาไปฝากพี่ ๆ ที่บริษัทรวมถึงฝากพ่อและพี่คุณด้วย “รอนานไหม?” พี่ภามเดินมาถึงรถพร้อมกับแขนข้างหนึ่งที่หอบเสื้อและกระเป๋าของเขามาด้วย คนอะไรเช้าขนาดนี้ยังหล่อ เหลือจะเชื่อจริง ๆ “ไม่ค่ะ วันนี้ส่งไหนดีคะ?” เอ่ยถามพี่ภามพร้อมกับค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจากลานจอดหน้าคอนโด “โรงพยาบาลครับ ยิงยาวถึงเย็นเลย ถ้าพี่เลิกเร็วเย็นนี้ไปกินข้าวกันนะ” คนเรียนเยอะยังเอ่ยนัดไว้ก่อน แต่ตอนเย็นยังไงก็ต้องเจอกันอยู่แล้วนี่นา ทำไมถึงรีบชวนเร็วขนาดนี้ล่ะ “ตอนเย็นก็เจอ รีบชวนจัง” เอ่ยแซวกลับไปพร้อมกับหัวเราะอีกฝ่าย “กลัวเรามีนัดไง” “ไม่มีสักหน่อย วันนี้จะไปหาพ่อกับพี่ชายค่ะตอนเย็นก็มารับพี่กลับ” “ถือว่าตกลงแล้วนะ” พี่ภามถามย้ำ “ค่ะ อ้อ หนูทำแซนด์วิชพี่เอาไว้กินรองท้องไหม?” “ทำเองเลยเหรอ?” พี่ภามหันกลับมามองพร้อมกับหรี่ตามอง “ทำเองค่ะ เมื่อคืนนอนเร็วตื่นก่อนเวลาตั้งปลุกนานมากเลยทำแซนด์วิช แต่ถ้าไม่อยากกินก็ไม่บังคับนะคะ” ฉันก็ลืมถามว่าเขาอยากกินหรือเปล่า แน่นอนว่าฉันไม่ได้บังคับก็ลองถามดูเผื่อเขาอยากกินแค่นั้นเอง “อยากกินครับ มีไส้อะไรบ้าง” “หนูทำแฮมชีส หมูหย็องน้ำสลัดแล้วก็ไส้ผักไข่ต้ม” พร้อมนำเสนอสิ่งที่ทำเช่นเดียวกัน “ทำมาเยอะเหรอ?” “เยอะมากค่ะไส้ละสี่ห้าชิ้นนี่แหละ” “พี่ขอไส้ละชิ้นได้ไหม?” พี่ภามเอ่ยขออย่างเกรงใจ แต่ว่าฉันดีใจมาก ๆ เลยที่มีคนอยากกินของที่ฉันทำ “ได้เลยค่ะ ถึงแล้ว เช้ามาก” “เวลาปกติเลย เวลามีราวน์ตอนเช้าน่ะ” ฉันจอดรถที่ลานจอดใกล้ทางขึ้นตึกโรงพยาบาล พร้อมกับพี่ภามที่เก็บของและเปิดประตูรถลงไปยืนข้าง ๆ ฉันลงจากรถก่อนจะเปิดท้ายรถหยิบแซนด์วิชใส่ถุงกระดาษที่มีติดไว้ท้ายรถก่อนจะส่งให้พี่ภามที่ยืนมองพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉันเองก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่ารอยยิ้มและแววตาแบบนี้คือเขากำลังเอ็นดูฉัน “ขอบคุณครับ ขับรถกลับดี ๆ นะถึงแล้วบอกพี่ด้วย” “รับทราบค่ะ” พี่ภามยืนรอส่งกระทั่งฉันขับรถออกจากบริเวณนั้นมองจากกระจกหลังถึงได้เห็นว่าเขายืนรอส่งฉันนานหลายนาทีกว่าจะยอมเดินขึ้นไปยังตึก ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงครึ่งฉันควรจะกลับคอนโดก่อนไหมหรือไปรอที่บริษัทพ่อเลย แต่บริษัทพ่อเปิดตอนเก้าโมง “เอาวะกลับคอนโดก่อนก็แล้วกัน ค่อยออกไปหาพ่อ” บอกกับตัวเองน้ำเสียงจริงจังพอกลับมาถึงคอนโดฉันก็เดินกลับเข้าห้องพักนอนเล่นไปเรื่อยกระทั่งถึงเวลาเก้าโมงก็ออกจากห้องอีกครั้งเพื่อไปหาพี่ชายและพ่อพร้อมกับแซนด์วิชที่ฉันตั้งใจทำ “พี่คุณ!!” “เฮ้ย!!” ร่างสูงที่สวมชุด เอ่อ ชุดแบบซินแสที่เคยเห็นเวลามีการสร้างบ้านแบบนั้นเลย เสื้อคลุมสีแดงลายมังกร คือ นั่นพี่ฉันจริง ๆ ใช่ไหม “มาได้ไง ตกใจหมด” พี่คุณเมื่อเจอฉันทักเสียงดังก็ร้องตกใจสะดุ้งหันมามอง ดวงตาที่คล้ายกับแม่มองฉันก่อนจะทำหน้างอแง หลายอารมณ์เหลือเกิน หรือพี่จะทำงานหนักเกินไป “คิดถึง ว่างด้วยเลยเข้ามาหาให้พี่เลี้ยงข้าว” ตอบพี่ชายพร้อมกับส่งถุงแซนด์วิชไปให้คนที่ไม่รู้ว่านั่งทำหน้าเครียดหน้าคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ตอนไหน “คิดถึงเหมือนกัน ช่วงนี้ยุ่งด้วยเลยไม่ได้ไปหา” ปากขยับบอกฉันมือเปิดดูถุงแซนด์วิชที่เพิ่งส่งให้ ก่อนจะชี้นิ้วบอกให้ไปนั่งที่โซฟามุมห้องทำงานของเขา “พ่อละคะ” “พ่อบินไปรับแม่ที่ญี่ปุ่นเมื่อวาน ได้เปิดอ่านไลน์ครอบครัวบ้างไหมเนี่ย” “แฮ่ ลืมค่ะ ไม่ได้ดูอะไรเลย” “รีบโทรหาพ่อเลย เมื่อวานพ่อบ่นอยู่ว่าติดต่อเราไม่ได้ไม่รู้ทำไม เอาเครื่องดื่มอะไรไหมเดี๋ยวให้เลขาสั่งให้” “เอาคาราเมลลาเต้ค่ะแบบปั่น” “ร้านเดิมใช่ไหม?” พี่คุณถามย้ำอีกครั้ง ฉันพยักหน้าให้พี่ชายก่อนจะกดโทรศัพท์โทรหาพ่อที่จู่ ๆ ก็ไปรีบแม่กลับบ้าน ฉันอาจจะผิดเองที่ไม่ได้ดูไลน์กลุ่มครอบครัวเพราะเมื่อวานฉันเหนื่อยและวุ่นวายมากจริง ๆ (ไง หายไปไหนมาพ่อติดต่อไม่ได้เลย โทรไปก็ไม่รับไม่โทรกลับด้วย) ยังไม่ทันได้เอ่ยทักทายเมื่อสัญญาณถูกเชื่อมต่อพ่อก็รัวคำถามมาอย่างยาว “ใจเย็นค่ะ ใจเย็น ๆ นะคะพ่อ” เอ่ยอ้อนเสียงหวานพร้อมกับยิ้มนำไปก่อน (ยังจะมาอ้อน พ่อมารับแม่นะอีกสักสองสามวันค่อยกลับ) “โอเคค่ะ ขอขนมด้วยนะ” (ไหนใครอยากได้ขนมกันนะ) เสียงหวานที่ฉันแสนจะคิดถึงเอ่ยแทรกเข้ามา ไม่นานใบหน้าสวยของแม่ก็โน้มเข้ามาจนมองเห็นทั้งทางฉันและทางแม่ “คนสวยหนูคิดถึง พี่คุณครับไม่ดูแลหนูเลย” “น้อย ๆ หน่อยไอ้ดื้อ พี่เนี่ยนะไม่ดูแลแก” คนที่นั่งทำงานอยู่ร้องโวยวายเมื่อถูกน้องสาวอย่างฉันใส่ร้ายโดยการฟ้องแม่ “แม่ดูสิคะ เนี่ยคุณครับดุหนูขา” (ตีกันอีกแล้ว พ่อล่ะปวดหัว) พ่อที่นั่งกอดแม่อยู่กุมขมับอย่างปลงตก ส่วนแม่หัวเราะและยิ้มกับเราสองพี่น้องที่ยามมีศึกเราช่วยกันรบ แต่ยามสงบนั้นเรามักจะรบกันเอง แต่ส่วนมากจะตีกันเองนี่แหละ “คนสวยจะกลับมาอยู่ยาว ๆ เลยใช่ไหมคะ คิดถึง” (อยู่ยาวค่ะหนูขา เดี๋ยวจะซื้อขนมกลับไปให้เยอะ ๆ เลยเพราะแม่น่าจะไม่ได้มาอีกนานเลยค่ะ) “ดีใจจัง ถ้ามีวันหยุดหนูจะพาคนสวยไปเที่ยวนะ” “พาแม่เที่ยวแล้วใครเลี้ยง” พี่คุณถามพร้อมกับวางถุงแซนด์วิชลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาที่ฉันนั่งอยู่ “พี่คุณไงเลี้ยง เนอะคนสวย” เอ่ยตอบพร้อมกับมองแม่อย่างมีความสุข นานแล้วนะที่เราไม่ได้เที่ยวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งสี่คน (คุณครับจะเลี้ยงแม่เหรอลูก) แม่เองก็คล้อยตามแกล้งพี่คุณ “โห คนสวยพูดแบบนี้ผมจะไม่เลี้ยงได้ยังไงกัน” (งั้นแม่ล็อกคิวเลยนะ) “เย้!! อยากเที่ยวแล้ว” (ตัวดื้อจริง ๆ เอาละ พ่อว่าจะพักก่อนเพิ่งถึงได้ไม่นานเจอกันที่บ้านนะเด็ก ๆ) ทั้งฉันและพี่คุณโบกมือลาแม่และพ่อก่อนจะวางสายให้ท่านทั้งสองได้พักจากการเดินทาง รอไม่นานกาแฟที่ฝากพี่เลขาพี่คุณซื้อก็ถูกยกเข้ามาให้ ฉันแบ่งแซนด์วิชให้พี่เลขาและฝากให้พนักงานคนอื่นที่เจอด้วยเพราะพ่อไม่อยู่ขนมเลยเหลือเยอะฉันกับพี่คุณกินคนละสองชิ้นก็อิ่มแล้ว คนอื่นคงกินชิ้นเดียวอิ่มแต่ฉันต้องสองเท่านั้นค่ะ “แล้วเป็นไงบ้างเรื่องที่ไปทำรถเขาเป็นรอย” จู่ ๆ พี่คุณก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เรื่องราวหลังจากตกลงกับพี่ภามฉันเล่าให้พี่คุณฟังอีกครั้งอย่างใจเย็น เมื่อเห็นว่าคงไม่เป็นอะไรพี่คุณก็ไม่ได้ดุหรือห้าม จากนั้นก็บอกให้ฉันนั่งเล่นนอนเล่นรอเขาเคลียร์งานตอนเช้าเสียก่อน ตอนเที่ยงจะพาออกไปกินข้าวร้านโปรดฉันเองเมื่อพี่ทำงานก็ยอมเป็นเด็กดีนั่งเล่นเกมตลอดทั้งเช้า เที่ยงตรงพี่คุณพาออกจากบริษัทเพื่อไปกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้า เป็นร้านโปรดเวลาเราสองพี่น้องนัดกันหรือชวนกันกินข้าวในเวลากลางวัน ส่วนมากเราจะมาที่ร้านนี้ แต่ถ้าเบื่อ ๆ ก็จะเลือกไปที่อื่นแล้วแต่ละรอบไป “กินข้าวเสร็จแล้วขอไปกินขนมด้วยได้ไหม?” เอ่ยถามพี่คุณที่กำลังทำหน้าที่สั่งอาหารมาให้น้องสาวอย่างฉันได้กิน เพราะถ้าหากให้ฉันสั่งเองเกรงว่าโต๊ะที่เรานั่งอยู่อาจจะไม่พอให้วางกับข้าวก็เป็นได้ “ได้ เดี๋ยวพาไป ของใช้ที่ห้องหมดหรือยังจะได้ซื้อเข้าไปด้วยเลย” “บางอย่างก็หมดแล้วค่ะ” “เดี๋ยวเราไปเดินซื้อของด้วย” “เยี่ยมเลย หนูชอบแบบนี้” ยกนิ้วโป้งให้พี่คุณพร้อมกับรอยยิ้มแสนซน “เหอะ ให้พูดใหม่ ต้องบอกว่า ชอบเลยชอบของฟรี แบบนี้ถึงจะถูก” ประโยคล้อเลียนพี่คุณดัดเสียงเล็กเสียงน้อยจนฉันหลุดขำ รวมถึงพนักงานที่ยกอาหารมาเสิร์ฟที่แอบกลั้นยิ้มขำกับท่าทีของพี่คุณ ลุคผู้ชายหล่อหมดเลยพี่ฉัน “อายว่ะ” เมื่อพนักงานเดินทิ้งห่างออกไปพี่คุณที่ทนความเขินอายไม่ไหวถึงกับยกมือป้องปากกระซิบบอกฉัน ถามว่าสงสารไหมก็ไม่ค่ะ ฮ่า ๆ ๆ แกล้งฉันดีนัก ต้องอายแบบนั้นแหละสมควรแล้ว มื้อเที่ยงระหว่างฉันและพี่คุณผ่านไปอย่างเรียบง่าย รวมถึงการเดินซื้อของเข้าบ้านเสื้อผ้ารองเท้าและขนม คนสนับสนุนฉันอย่างพี่คุณไม่ได้เอ่ยห้ามสักอย่างเมื่อเห็นว่าฉันเลือกซื้อของใช้อย่างสนุกกลับกันพี่คุณเอาแต่ถามว่าพอไหม เอาอีกหรือเปล่า สายเปย์ไหมคะพี่ชายฉัน “ซื้อขนมกับนมกลับไปที่ออฟฟิศถึงเวลาแล้วค่อยออกไปดีไหม จะได้ไม่ต้องวนไปมาระหว่างห้อง” พี่คุณเสนอเมื่อเรากำลังกลับออกจากห้างสรรพสินค้า “หรือจะให้พี่พาเอาของไปไว้ที่คอนโดก่อน” พี่คุณยังถามต่อ “ให้พี่พาเอาของไปเก็บได้ไหม?” “ได้ งั้นไปคอนโดเราก่อน แล้วค่อยกลับไปออฟฟิศ” พี่คุณสรุป จากนั้นเราสองพี่น้องก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกลับมาถึงคอนโดฉัน พี่คุณช่วยหิ้วถุงข้าวของลงจากรถพาไปส่งที่ห้องพักรวมถึงรอฉันแยกของใส่ไว้ในตู้เย็น ในส่วนที่เป็นของใช้หรือของที่ไม่ต้องแช่ตู้เย็นฉันยังปล่อยไว้ไม่ได้จัดในตอนนี้ “ไปกันต่อค่ะ” “ไปครับ” พี่คุณขานรับพร้อมกับพาฉันกลับไปที่ออฟฟิศของเจ้าตัวที่ บ่ายสามเรากลับเข้ามาในออฟฟิศ พี่คุณนั่งเคลียร์งานส่วนฉันหลับอยู่ที่โซฟา นอนเฝ้าพี่ชายที่แสนดีทำงาน ฉันตื่นอีกทีช่วงเวลาห้าโมงเย็นพร้อมกับโทรศัพท์ที่มีข้อความถูกส่งเข้ามาจากพี่ภามบอกว่าวันนี้เขาเลิกหกโมงเย็น ฉันอยากจะนั่งรอถึงเวลาไปรับเขาที่นี่แต่ติดที่ว่าพี่คุณมีนัดคุยงานกับลูกค้าตอนหกโมงเย็นเราเลยต้องแยกกันที่บริษัท “ไปนั่งเล่นรอที่ร้านกาแฟใต้โรงพยาบาลก็ได้นี่” “ค่ะ เดี๋ยวไปนั่งเล่นรอที่นั่น พี่เองก็พักบ้างนะคะ” ไม่ลืมเอ่ยบอกพี่คุณที่เดินมาส่งจนถึงรถ “โอเค ถึงแล้วก็ส่งข้อความบอกพี่ด้วยนะ มีอะไรโทรมาเลย” “รับทราบ ไปแล้วนะคะ” “อือ ขับรถดี ๆ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD