#คุณภามคะขา 9
ช่วงเวลาห้าโมงเย็นฉันนั่งกินขนมรอพี่ภามที่ร้านกาแฟในโรงพยาบาล ระหว่างรอก็นั่งวาดรูปในไอแพดเล่นไปเรื่อยสลับกับส่งข้อความคุยกับเพื่อน ฉันยังคงทวงขนมจากพ่อที่บอกว่าเลื่อนวันกลับ เพราะแม่มีงานด่วนแทรกเข้ามา ส่วนพี่ชายฉันเงียบไปเลยมีข้อความสั้น ๆ ว่าออกต่างจังหวัดจะกลับเข้ามาอีกทีวันจันทร์ ส่วนพี่ภามหลังจากที่ส่งสติกเกอร์กลับมารับทราบว่าฉันมาถึงแล้วเขาก็เงียบไปเลยเช่นเดียวกัน
วาดรูปไปสักพักก็เริ่มคิดว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี อยากกินทั้งราเมงอยากกินสเต๊กอยากกินขนมปังเนยเสิร์ฟเคียงคู่สเต๊ก ฮื่อ อยากกินทั้งคาวทั้งหวานเลยให้ตายสิ
“น้องณมล”
“คะ?” สะดุ้งตกใจเอนหลังพิงเก้าอี้ที่นั่งอยู่เมื่อพี่เทรย์เอ่ยเรียกชื่อพร้อมกับชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ไม่ให้สุ้มให้เสียง ด้านหลังนั้นมีกลุ่มเพื่อน ๆ ของพี่ภามยืนอยู่ ยกเว้นเพียงพี่ภามที่ไม่อยู่ตรงนั้น
“พวกพี่ราวน์เสร็จแล้ว ไปกินข้าวกัน”
“แต่เราจะไปกินซูชิกันนี่ เขาจะกินเป็นเหรอ? เคยกินไหมคะน้องณมล” เหมือนรูปประโยคนั้นคล้ายกับเป็นห่วง แต่ทั้งน้ำเสียงและแววตาที่จ้องมองมา ฉันเองก็ค่อนข้างที่จะรับรู้ได้ทันทีว่าเธอคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
“อ๋อ ซูชิแบบคอสเหรอคะ?” ฉันแสร้งถามกลับ
“ใช่ มันราคาค่อนข้างสูงพี่ว่าเราไม่ต้องไปก็ได้นะ เก็บเงินไว้เถอะ” พี่คนนั้นยังพูดต่อ และฉันเองก็ไม่คิดจะไว้หน้าใครทั้งนั้น แม้ตอนนี้พี่ภามจะเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเธอคนนั้นแล้วก็ตาม
“กินบ่อยแล้วค่ะ แต่มันไม่อิ่มนี่สิ เชิญพวกพี่เถอะค่ะ แต่ที่บอกว่าเก็บเงินไว้นี่พี่บอกตัวเองเถอะนะคะ” ฉันโค้งขอโทษพี่ ๆ คนอื่นที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจซึ่งฉันคิดว่าน่าจะไม่พอใจฉันนี่แหละ
“นี่เธอ”
“ขอตัวก่อนนะคะ” เอ่ยบอกรวม ๆ เก็บของใส่กระเป๋าตัวเองแล้วขยับลุกขึ้นยืน เดินไปเอาขนมที่ซื้อแล้วฝากไว้ที่ร้าน เตรียมจะออกจากที่นี่แล้วส่วนพี่ภามถ้าจะโกรธหรือไม่พอใจที่ฉันพูดไม่ดีกับเพื่อนเขาก็แล้วแต่เจ้าตัวจะตัดสินใจเลยแล้วกัน เพราะฉันเองก็คงไม่ยอมให้ใครมาว่ามาดูถูกแบบนั้นหรอก
และตอนนี้ฉันเองก็รู้แล้วว่าไม่เหมาะที่จะเจอเพื่อนพี่ภาม เหมือนทุกอย่างแบ่งแยกชัดเจนจริง ๆ
“เก็บของหรือยัง?” พี่ภามไม่สนใจเพื่อนเขาแต่เลือกที่จะเดินเข้ามาถามไถ่ฉัน มือก็ยื่นมาช่วยถือกระเป๋าให้อย่างที่เขาชอบทำเวลาฉันมีสัมภาระอย่างอื่น
“พี่ไปกับเพื่อนพี่เถอะ เดี๋ยวไปส่ง...” ฉันบอกพี่ภามเสียงเรียบ ไม่สบตาใครทั้งนั้น
“ก็บอกแล้วว่าจะกินข้าวด้วย” พี่ภามบอกสั้น ๆ จากนั้นก็หันกลับไปทางเพื่อนเขา
“อย่าคิดว่าไม่ได้ยิน ใครจะแยกไปไหนก็ไป...”
“พวกกูจะไปกับมึงภาม ไปไหนก็ไปไงชวนแล้ว ส่วนใคร...” พี่ณอนเว้นคำพูดสายตาเลื่อนมองพี่คนนั้นที่เพิ่งจะมีปัญหากับฉัน
“จะไปที่ไหนก็ไป แยกกันไป”
“เดี๋ยวกูส่งชื่อร้านให้” พี่ภามบอกแค่นั้นก่อนจะจับมือพาเดินออกจากร้านกาแฟที่ฉันนั่งรออยู่เกือบหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ระหว่างฉันและพี่ภามไม่มีประโยคสนทนากันเลยกระทั่งเราขึ้นมานั่งบนรถและพี่ภามสตาร์ทรถไว้เฉย ๆ ยังไม่ยอมขับออกจากลานจอดรถแห่งนี้
“หนูอยากกินอะไรครับเย็นนี้”
“พี่ภาม...” เอ่ยเรียกคนที่นั่งเบาะข้าง ๆ และตอนนี้เขากำลังมองฉันอยู่เช่นเดียวกัน
“ครับ?”
“พี่ไปกับเพื่อนพี่เถอะ จริง ๆ นะ”
“พี่อยากไปกับหนู อย่าไล่พี่” เพราะน้ำเสียงเข้ม ๆ และฟังดูดุของอีกฝ่ายทำให้ฉันนิ่งด้วยความตกใจ
“...”
“พี่โกรธเหรอ?” ถามพี่ภามที่นั่งเงียบ
“เปล่าครับ อยากกินอะไรไหม?”
“พี่ภาม...” ไม่ชินเอาเสียเลยที่เขานิ่งมากขนาดนี้ เขาโกรธฉันจริง ๆ ใช่ไหม
“หนูขา พี่ไม่ได้โกรธ”
“จริง ๆ นะ” ถามย้ำ
“ครับ เรากินอะไรกันดีพี่หิวแล้ว” พี่ภามค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจากที่จอด
“ราเม็งดีไหมคะ อยากกินอย่างอื่นด้วย” เสนอพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูร้านที่อยากไปกินพร้อมกับบอกพิกัดพี่ภามที่ยังคงทำหน้าที่ขับรถแทนฉันอยู่ ทั้งที่ต้องเป็นฉันสิที่ต้องขับรถให้เขาน่ะ
“คะขา ใช้โทรศัพท์พี่โทรหาณอนให้หน่อย” ขับรถมาสักพักพี่ภามจึงเอ่ยบอก ฉันยังลังเลไม่กล้าหยิบโทรศัพท์เขาที่อยู่ตรงช่องว่างระหว่างเบาะขึ้นมาทำตามที่อีกฝ่ายบอก แต่ยังไม่ทันจะได้โทรหาพี่ณอน พี่ณอนกลับเป็นฝ่ายโทรเข้ามาเสียก่อน
“พี่ณอนโทรมาค่ะ”
“บอกร้านที่เราจะไปกับณอนหน่อยมันโวยวายอยากมากินข้าวกับเราตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว”
“พี่ณอน” ฉันรับสายและเอ่ยทักทายคนที่โทรเข้ามาในตอนนี้
(คะขาไปร้านไหนพี่จะตามไป) เสียงพี่ณอนดังมาตามสาย
“ร้าน xx ค่ะ เป็นราเม็ง”
(ได้ ๆ เจอกัน)
พี่ณอนวางสายไปแล้วและฉันก็เก็บโทรศัพท์พี่ภามไว้ที่เดิมพร้อมกับมองรถด้านนอกที่ขับสวนไปมา ไม่นานเราก็มาถึงร้านราเม็งที่อยากมากิน ทันทีที่ถึงพี่ภามก็เดินจับมือพาเข้าไปในร้าน
นับว่าดีมาก ๆ ที่ภายในร้านมีห้องส่วนตัวพี่ภามรีบจองแล้วพาเข้าไปทันที ไม่นานเพื่อนเขาก็ตามมาทุกคนย้ำว่าทุกคนจริง ๆ ฉันสั่งราเม็งที่อยากกินรวมถึงของกินอย่างอื่นทั้งเกี๊ยว เทมปุระ ยำสาหร่าย พี่ภามที่นั่งข้าง ๆ ตอนเห็นฉันสั่งเขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะสั่งเมนูที่เขาจะกิน รวมถึงเพื่อนของเขา พี่ณอนสั่งเหมือนกันเลยและที่สำคัญที่ณอนนั่งตรงข้ามกับฉันเราจึงคุยกันเรื่องของกินไม่หยุด
“พี่มีร้านสเต๊กร้านโปรดด้วยนะ ชอบกินไหม?” พี่ณอนถาม ฉันเองก็ตั้งใจฟัง มีพี่ณอนนี่แหละที่ไม่อะไรกับฉัน ที่จริงพี่คนอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไรกับฉันนะมีแค่พี่คนนั้นคนเดียวซึ่งเป็นคนที่ฉันไม่อยากจำชื่อด้วย
“หนูชอบ แต่หนูไม่กินเนื้อ”
“ร้านนั้นหมูก็อร่อย เดี๋ยวส่งชื่อร้านให้ไอ้ภามให้มันพาไป” พี่ณอนบอก เรายังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่ออาหารก็ถูกทยอยมาเสิร์ฟจนครบและเราก็เริ่มลงมือกินมื้อเย็นพร้อมกัน คนอื่นไม่รู้ว่ากินแค่ไหนหรือชอบหรือเปล่า แต่ที่รู้แน่ ๆ คือพี่ณอนชอบมากแล้วยังแบ่งของที่สั่งแยกมาให้ฉันด้วย ส่วนฉันก็นั่งกินเรื่อย ๆ เอ็นจอยกับสิ่งที่ตัวเองสั่งมาแบ่งพี่ภามบ้าง แบ่งพี่ณอนบ้างสลับกันไป
“อ้าปากครับ” พี่ภามเอ่ยเรียกหันไปมองก็เห็นว่าคนข้าง ๆ คีบหมูชาชูมาจ่อปาก ฉันอ้าปากรับก่อนจะเคี้ยวด้วยอาการตื่นเต้น สลับกับป้อนเกี๊ยวอีกฝ่าย
“โห เอาซะอิจฉาเลย”
“คิดถูกคิดผิดที่ตามมากินด้วย มันจะหวานจนไม่เกรงใจเพื่อนแล้วนะ”
“ชักจะอยากมีแฟนแล้วสิ”
“เหอะ ทำตัวน่าเกลียด”
“เธอเองก็ทำตัวน่าเกลียดนะ”
เสียงคนค่อนขอดกันดังมาให้ได้ยินแต่ไม่ได้มองว่าใครพูดอะไร และเลือกที่จะสนใจอาหารตรงหน้ามากกว่าเรื่องที่จะทำให้ฉันรู้สึกอารมณ์เสีย
“อร่อยไหม?” พี่ภามที่กินเสร็จก่อนเอ่ยถามขณะนั่งรอ ฉันพยักหน้าเพราะยังเคี้ยวอาหารอยู่ แอบตกใจที่จู่ ๆ พี่ภามก็ยื่นมือมาช่วยรวบผมไปด้านหลังให้ระหว่างที่ฉันก้มหน้ากินราเม็ง ฉันน่ะกินเยอะกินเก่งแต่กินช้า แต่ไม่ได้ช้าจนน่ารำคาญนะแต่ถ้าเทียบกับพี่ภามฉันกินช้าอะ
“ตกลงไปติวบ้านกูนะภามมีห้องว่างให้น้องรอด้วย”
“คนอื่นว่าไงล่ะ” เสียงพี่ภามถามกลับ
“ได้นะ ดีเหมือนกันจะได้ทิ้งตัวนอนเลยตอนติวเสร็จพรุ่งนี้ไม่มีราวน์ไม่มีเรียน”
“งั้นก็ไปบ้านเทรย์”
“จะแวะซื้อขนมเข้าไปให้แล้วกันพวกมึงนำไปก่อนเลย”
ใช้เวลาที่ร้านอาหารสักพักใหญ่พี่ภามก็พากลับ กลับไปที่บ้านเพื่อนเขาสักคน ฉันงอแงจะไปส่งเขาแล้วกลับถ้าเขาจะกลับฉันค่อยมารับแต่เขาไม่ยอม บอกจะพามาด้วยกันและบอกว่ามีห้องนอนรับแขกถ้าไม่อยากอยู่เจอเพื่อนเขา
เราเถียงกันนานพอสมควรไม่สิ ฉันนี่แหละเถียงแต่สุดท้ายก็ยอมตามเขามา และตกลงที่ว่าฉันจะเอาขนมเข้าไปนั่งกินและดูหนังในห้องรับแขก ไม่เข้าห้องนอนส่วนพวกเขาจะติวกันก็ติวไป
ขนมหลายชิ้นถูกจัดใส่ถุงพร้อมกับชานมไข่มุก แต่จะว่าไปช่วงวันหยุดคือฉันกินชานมกินน้ำหวานวันละสองแก้วเลยนะ ไหนจะขนมเค้ก ขนมหวานต่าง ๆ อีก
“ลดปริมาณเครื่องดื่มลงหน่อยนะ กินวันละหลายแก้วเลย” ระหว่างเดินเข้าบ้านพี่ภามเอ่ยเตือนเบา ๆ และตอนนี้เรามาถึงบ้านเพื่อนพี่ภามก่อนที่เพื่อนคนอื่น ๆ ของเขาเลยก็ว่าได้ ดีที่ว่ามีคนเปิดบ้านไว้แล้ว
“ค่ะ”
“ถ้านานเข้ามันจะส่งผลต่อสุขภาพเข้าใจพี่ใช่ไหม?”
“เข้าใจค่ะ แต่วันนี้ขอนะพรุ่งนี้จะลดแล้ว” เอ่ยบอกคนข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“โอเค ถ้าง่วงก็เข้าไปนอนในห้องได้เลยนะ พี่บอกเพื่อนไว้แล้วล่ะ” ระหว่างที่เดินเข้ามาในบ้านพี่ภามก็พาเดินเข้าไปดูห้องนอนที่เขาเอ่ยถึง
ตลอดทั้งคืนพี่ภามนั่งติวกับเพื่อนอย่างเคร่งเครียด ช่วงที่พักฉันจึงเดินเข้าไปกระซิบบอกเขาว่าง่วงแล้ว พี่ภามถึงได้เดินเข้าไปส่งกำชับว่าให้ล็อกห้องดี ๆ เพราะเขากับเพื่อนจะติวกันยาวเลยเพราะใกล้สอบกันแล้ว
ก่อนจะหลับ ฉันตอบข้อความพ่อกับแม่ในไลน์กลุ่มถึงขนมที่อยากได้ หลังจากนั้นไม่กี่นาทีฉันก็หลับบนเตียงนอนหลังใหญ่อย่างง่ายดาย ทั้งที่นี่เป็นครั้งแรกที่มาและเป็นบ้านคนอื่นที่ไม่ใช่โรงแรม
อยากตีตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่กลัวบ้างเลยที่มาที่นี่แบบนี้ มาจนถึงตอนนี้คิดว่าคงมีใครอยากจะตีที่ฉันไม่คิดหน้าคิดหลังเหมือนกัน แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันตีตัวเองให้ค่ะ เพราะน่าตีจริง ๆ ตัวฉันน่ะ