“มาหาใครคะ”
เสียงใสถามผู้ชายสองคนที่ชะเง้อเข้าไปในบ้านหลังเล็ก นิ้วพวกเขากดกริ่งซ้ำ ๆ เพื่อเร่งเร้าให้คนในบ้านออกมา
“มาหาป้าวรรณ น้องรู้จักมั้ย”
พลอยภัทรไม่ตอบ มองรอบ ๆ ว่าพวกเขามีอาวุธร้ายหรือไม่ แต่เมื่อเห็นว่าข้างกายมีเพียงมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก็เบาใจ และคงไม่ได้มาทำเรื่องน่ากลัว แม้จะแต่งตัวมิดชิด หน้าถูกปิดด้วยหมวกกันน็อกก็ตาม
“รู้จักค่ะ แต่น่าจะไม่อยู่บ้าน มีธุระอะไรมั้ยคะ เดี๋ยวบอกให้ค่ะ”
“งั้นบอกแกด้วยว่าเถ้าแก่ให้มาทวงเงิน ค้างดอกเบี้ยมาห้าวันแล้ว พรุ่งนี้พี่จะมาใหม่ บอกแกอย่าหลบหน้า”
“ค่ะ” พลอยภัทรรับปาก ทำเป็นไม่เดือดร้อน แต่ใจแหลกสลายเมื่อรู้ว่าแม่กู้เงินนอกระบบอีกแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่คนทวงหนี้กดกริ่งไม่เลิก เพราะพวกเขารู้ว่าในบ้านมีคนอยู่แน่นอน
“พลอย” รดาวรรณเปิดหน้าต่างเรียกลูกสาว โยนกุญแจบ้านให้ไขแม่กุญแจที่ล็อกจากด้านนอก
เมื่อพลอยภัทรเดินเข้ามารีบปิดประตูกับผ้าม่านจนด้านในมืดมิด ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองและแดดจ้าเหลือเกิน
“แม่กู้เงินอีกแล้วเหรอ” เธอทักทายด้วยคำถาม ไม่สวัสดีหรือสวมกอดแม้จะแวะมาหาเพราะคิดถึงก็ตาม
“แม่จำเป็นน่ะพลอย”
พลอยภัทรเบื่อคำนี้ ความเป็นของแม่คือการเล่นพนัน ทุกอย่างที่เดิมพันผลแพ้ชนะด้วยเงินคือกิจกรรมที่แม่โปรดปราน
“เท่าไหร่”
“อะไรนะพลอย” รดาวรรณไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่นัก สายตากำลังสอดส่องว่าจะมีเจ้าหนี้แวะเวียนมาอีกหรือเปล่า
“แม่กู้เงินมาเท่าไหร่”
“ไม่เยอะหรอกพลอย”
“เท่าไหร่” พลอยภัทรไม่ถามเปล่า เธอยืนมองหน้าจนกว่าแม่จะตอบคำถาม และเป็นตอนนี้เองที่รดาวรรณรู้แล้วว่าสิ่งที่ควรสนใจคืออะไร
“หนึ่ง...”
“หมื่น?”
“แสน แต่... แต่แม่จะไม่กู้แล้วพลอย ใช้หนี้ก้อนนี้หมด แม่จะเลิกแล้วพลอย แม่สัญญา ครั้งสุดท้ายแล้ว แม่จะไม่กู้อีกแล้วพลอย”
พลอยภัทรพยายามใจเย็น เพราะนี่เป็นครั้งสุดท้ายครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“แม่ไปเล่นไพ่ที่ไหน”
“ก็แถวนี้แหละพลอย บ้านคนนั้นที คนโน้นที”
“แม่เข้าบ่อนใช่ไหม” ไม่มีทางที่เล่นพนันกับเพื่อนบ้านจะหมดเงินเป็นแสน
“อย่าบังคับให้แม่ต้องโกหกได้มั้ย”
“แล้วแม่บังคับให้พลอยต้องถามทำไม เมื่อไหร่จะเลิกทำให้พลอยลำบากใจสักที แม่ไม่หาเงินพลอยไม่ว่า แต่อย่าเอาเงินที่พลอยให้ไปเล่นไพ่ได้มั้ย!”
“มึงกล้าพูดกับแม่ขนาดนี้เลยเหรอ!”
รดาวรรณหมดความอดทน อุตส่าห์พูดดีด้วย แต่สุดท้ายลูกก็เหิมเกริม นิ้วชี้ผลักหัวพลอยภัทรเบา ๆ ทว่ายิ่งผลัก ความแรงยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กว่าจะหยุดก็ตอนที่เห็นน้ำตาลูกสาวหยดลงพื้น
“ตอนเด็ก ๆ พลอยไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ถึงบอกว่าพลอยเป็นภาระ ทั้ง ๆ ที่พลอยไม่ได้ขอแม่มาเกิด แต่ตอนนี้พลอยเข้าใจความรู้สึกแม่แล้วล่ะว่าการต้องเลี้ยงดูคนที่เอาแต่ใช้เงินมันเป็นยังไง”
เพี้ยะ!
“อีพลอย!” นิ้วทั้งห้าฟาดลงบนหน้าพลอยภัทร แต่คนถูกกระทำก็ไม่คิดสู้
“มึงปากดีเกินไปแล้วนะพลอย มึงไม่ต้องมาเป็นลูกกูอีก ตัดแม่ตัดลูกกันไปเลย”
พลอยภัทรพยายามกลั้นน้ำตา เจ็บใจที่แม่พูดแบบนี้เป็นครั้งที่ร้อย ยิ่งเห็นสามีใหม่ของแม่เปิดประตูห้องมายืนมองก็ยิ่งช้ำ รังเกียจสายตาที่มองมาอย่างหื่นกาม ไม่เกรงใจคนที่ตัวเองเรียกว่าเมียบ้างเลย
“มึงหาเงินมาใช้หนี้ให้กูแล้วมึงไม่ต้องกลับมาอีก เชิญไปใช้ชีวิตชีวิตดี ๆ ที่มึงฝันคนเดียวเลย เงินหนึ่งแสน ถือว่ามึงได้ตอบแทนที่กูเลี้ยงมึงให้โตมาปากดีแบบนี้แล้วกัน”
“ตกลง” เธอตอบเสียงสั่น กระชับสายกระเป๋าที่ยังไม่ได้วางลงให้มั่นคงบนไหล่ ไม่หันไปมองข้างหลัง เหนื่อยเต็มทนกับการพยายามเป็นลูกที่ดี แต่แม่ไม่เคยเห็นค่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เมื่อน้ำตาเหือดแห้งไปพร้อมกับใจที่เข้มแข็งขึ้น เธอก็ตรงไปยังอาคารพาณิชย์สูงห้าชั้นในซอยแห่งหนึ่งที่ประตูปิดไว้และมีป้ายโฆษณาให้เช่า แต่เธอรู้ว่านี่เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เพราะทำไว้เพื่อไม่ให้คนทั่วไปรู้ว่าด้านในเป็นบ่อนการพนัน หนำซ้ำเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มีอยู่จริง
“เดี๋ยวนี้เด็กมหาลัยเข้าบ่อนกันแล้วเลยเหรอ” ภวิศถามขณะที่นั่งอยู่ในรถตู้ราคาแพง เสียงเครื่องยนต์เงียบสงัดและฟิล์มสีดำรอบคัน ทำให้เขาจ้องมองพลอยภัทรในชุดนักศึกษาที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าวได้ชัดเจน
“ไม่น่าใช่ครับคุณวิศ คงเป็นวัยรุ่นที่อยากสร้างตัว เห็นเจ้าของตึกบอกว่าช่วงนี้นักศึกษาพยายามติดต่อหาเจ้าของบ่อย ๆ ส่วนใหญ่อยากเปิดคาเฟ่ เปิดร้านทำเล็บ ร้านอาหาร เพราะทำเลใกล้มหาลัยครับ”
คณกรบอกเสียงดังฟังชัด ในฐานะเลขา ผู้ช่วยและอื่น ๆ อีกมากมายของภวิศ เขาจำเป็นต้องรู้ข้อมูลหลากหลายไว้คอยรายงาน
เจ้าของบ่อนทำเพียงพยักหน้า ความเงียบทำให้คณกรรู้ว่าภวิศกำลังครุ่นคิดบางอย่างในใจ เลยนั่งเฉย ๆ ไม่รบกวน เมื่อพลอยภัทรเดินออกไปจนพ้นสายตาค่อยเปิดปากอีกที
“ไปที่อื่นต่อเลยลุงสม”
“ครับ”
สมพลค่อย ๆ เหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนไปข้างหน้า ทว่าความคิดของภวิศยังอยู่ที่เดิม เพราะหลังจากนั่งมองพลอยภัทรอยู่หลายนาที เขามั่นใจว่าเธอไม่ได้มีความคิดแบบนั้น
แววตาเธอเศร้าเกินกว่าจะวางแผนทำธุรกิจในหัว ไม่มีประกายความอยากรู้อยากเห็นหรือพยายามโทรศัพท์ติดต่อเบอร์โทรศัพท์ที่เขียนไว้ และบางครั้งมันก็ฉายแววความดื้อรั้นออกมา เธอคงรู้ว่าอาคารเก่าที่เห็นเป็นเพียงฉากหน้าที่สร้างไว้ปิดบังแหล่งอบายมุข
“เชิญครับคุณวิศ”
ผู้จัดการผับหรูก้มหัวอย่างนอบน้อม แทบจะปูพรมแดงให้ภวิศเดินขึ้นไปยังห้องวีไอพีบนชั้นสอง แม้ว่าเขาจะเคยบอกแล้วก็ตามว่าไม่ต้องทำให้เอิกเริกเพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจ
แต่เหตุที่ต้องต้อนรับภวิศดั่งเจ้าชาย ไม่ใช่เพราะมาทุกวันจนกลายเป็นลูกค้าประจำ เขามาที่นี่แค่เดือนละครั้งแต่ใช้จ่ายไม่เคยต่ำกว่าหนึ่งล้านบาทเพื่อซื้อความสุขให้ตัวเองและลูกน้องเกือบร้อยชีวิต
“ขอบใจนะ” ภวิศยิ้มน้อย ๆ พร้อมแตะไหล่จิรภาส ตอบแทนที่เอาอกเอาใจเป็นอย่างดี ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาก็หุบยิ้มเพราะไม่ชอบปั้นหน้า มือรับแก้วเบียร์เย็น ๆ ที่คณกรส่งมาให้
“กร”
“ครับคุณวิศ” คณกรยื่นมือไปหา คิดว่าเจ้านายจะส่งแก้วมาให้เติมเบียร์ แต่เขากลับยื่นเงินให้ก้อนหนึ่ง
“เอาไปสิ วันนี้ตามสบาย ไม่ต้องดูแลฉัน” ภวิศอยากให้คนที่เป็นทั้งเลขา ผู้ช่วย และบางครั้งก็เหมือนน้องชายได้พักผ่อน หลังจากทำงานหนักมาแทบทั้งเดือน เช่นเดียวกับลูกน้องอีกหลายคนที่กำลังสนุกอยู่ชั้นล่างของผับ
“ไม่เป็นไรครับคุณวิศ” คณกรยืนยันที่จะไม่รับเงินเช่นที่ผ่านมา เพราะคำว่าตามสบายที่ว่าคือการเอาไปใช้จ่ายกับผู้หญิง หรืออะไรก็ตามแต่ที่ผับแห่งนี้มีบริการ
“งั้นก็ดื่มด้วยกัน ฉันไม่ใช่เด็กที่ต้องตามดูแลยี่สิบสี่ชั่วโมง”
ภวิศไปเปิดเบียร์ยี่ห้อโปรดให้คนสนิท เหนื่อยมาด้วยกัน ตอนมีความสุขก็อยากให้สุขด้วย และยังลากเก้าอี้มาให้คณกรนั่งข้าง ๆ
“ขอบคุณครับคุณวิศ”
“วันนี้คนเยอะดีนะ”
“ครับ คุณภาสบอกว่าวันนี้มหาลัยปิดเทอมวันแรกด้วย”
คณกรออกความเห็น วันนี้เพิ่งจะวันอังคาร ผู้คนกำลังเต้นอย่างสนุกสนาน แต่เขาไม่รู้ว่าเพลงมีจังหวะแบบไหน เพราะห้องวีไอพีมีไว้ให้ลูกค้าระดับเอลิสต์ใช้แบบส่วนตัว บ้างก็ใช้เพื่อเจรจาธุรกิจ ผนังห้องจึงตัดเสียงรบกวน กระจกบานใหญ่ก็ติดฟิล์มสีดำ ป้องกันการมองเห็นจากด้านนอก
“เต็มที่เลยนะกร” ภวิศหันมาชนแก้ว ส่งยิ้มที่จริงใจกว่าตอนมอบให้ผู้จัดการร้าน
“คืนนี้คุณวิศไม่เลือกเหรอครับ” คนสนิทชวนคุย ปกติเมื่อได้รับข่าวว่ามีสาว ๆ คนใหม่เข้ามาในร้าน รายชื่อและรูปภาพของพวกเธอจะถูกส่งให้ภวิศ และเขาไม่เคยพลาดลิ้มลองของดีก่อนใคร
“เลือกสิ” ภวิศหันมามองคนถามก่อนจะหัวเราะเบา ๆ คณกรเลยยื่นโทรศัพท์เพื่อให้เจ้านายเลือกคู่นอนในคืนนี้
เขาเลื่อนไปเลื่อนมา ทำเอาคนรอสงสัยว่าเลือกไม่ได้เพราะสวยถูกใจทุกคนหรือไม่ถูกใจกันแน่ แต่ผ่านไปไม่นาน ภวิศก็ตัดสินใจได้
“คนนี้แล้วกัน”
“ครับ ผมไปบอกคุณภาสให้นะครับ”
ภวิศทำเพียงพยักหน้าสบาย ๆ เคยชินกับสิ่งที่ทำ เพราะในฐานะคนไม่มีพันธะและไม่ได้บังคับขืนใจใครให้มานอนด้วย การมีสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงคนหนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือร้ายแรงตรงไหน
ด้านจิรภาสที่รู้ว่าแขกวีไอพีต้องการให้ใครไปดูแลเป็นพิเศษก็ตรงไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อบอกเมษาให้เตรียมเด็กให้พร้อม ทว่าคนที่ภวิศต้องการกลับก่อเรื่องซะแล้ว
“พี่บอกแล้วใช่ไหม คนจะทำงานนี้ต้องโสดเท่านั้น!” เมษาหัวเสีย เพราะเด็กในสังกัดบังอาจโกหกว่าไม่มีแฟนเลยรับเข้าทำงานที่ร้าน
“หนูขอโทษค่ะพี่เมษา”
“ขอโทษแล้วได้อะไรขึ้นมา กลับบ้านไปเลยค่ะ”
เธอเบื่อหน่ายกับปัญหานี้เต็มทน โกหกร้าน โกหกแฟน พอถูกแฟนจับได้ แฟนก็มาโวยวาย หนำซ้ำคนก่อเรื่องยังอ้างว่าร้านไม่ได้บอกก่อนว่าต้องโสดเพื่อเอาตัวรอดจากคนรัก
“เดี๋ยวเมย์ เดี๋ยวก่อน” จิรภาสบอกให้เมษาใจเย็น ๆ เพราะไม่อยากทำให้ภวิศขุ่นข้องหมองใจ รีบกระซิบบอกว่าจะปล่อยเด็กคนนี้กลับบ้านไม่ได้เพราะแขกวีไอพีต้องการตัว
“เมย์ก็ไม่อยากให้กลับหรอกนะพี่ภาส แต่ดูสิ แฟนเค้าอยู่หลังร้าน โวยวายไม่หยุดเลย” เธอเปิดคลิปที่พนักงานรักษาความปลอดภัยส่งมาให้ จากอาการที่เห็น มีหวังอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้ลูกค้าในร้านได้
“งั้นส่งเด็กคนอื่นไปแทนแล้วกัน ใครพร้อมบ้าง” จิรภาสมองรอบห้อง ก่อนจะตกใจไม่น้อยที่ทุกคนรีบยกมือเหมือนติดสปริง
พวกเธอตื่นเต้นตั้งแต่รู้ว่าภวิศมาที่นี่ ชื่อเสียงเรียงนามของภวิศ นอกจากจะทิปหนักยังจัดรสรักให้อย่างถึงใจ ใครเคยได้ร่วมเตียงก็อยากเคียงข้างอีกครั้ง ใครยังไม่เคยถูกเลือกก็คาดหวังว่าจะได้เจอกับตัว
“พี่ภาส! ตั้งสติหน่อย คุณวิศเขาไม่ได้โง่นะ เขาดูออกแน่ว่าไม่ใช่คนที่เลือก อย่าส่งคนไปมั่ว ๆ สิ” เมษามีมาตรฐานการทำงานของตัวเอง เธอไม่ชอบหลอกลวงลูกค้า แม้หน้าตาเด็กในสังกัดจะคล้าย ๆ กัน แต่ไม่ได้เหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์สักหน่อย
“ผมคุยกับคุณวิศให้ไหมครับ” คณกรเสนอตัว ไม่อยากให้เจ้านายรอนานและปัญหาที่ยืนฟังอยู่เงียบ ๆ ทั้งสองไม่น่าจะแก้ได้
“จริงเหรอครับคุณกร” จิรภาสแทบจะก้มกราบ ไม่เคยทำให้ภวิศขัดใจ แต่ได้ยินมาเสมอว่าหากมีอะไรไม่ได้ดั่งใจ เขาก็พร้อมพ่นไฟใส่ทุกคน
“ครับ สักครู่นะครับ” คณกรไม่เพียงยืนยันด้วยคำพูด เขายังส่งยิ้มให้ทั้งสองสบายใจ เดินออกไปห่าง ๆ เพื่อรายงานให้เจ้านายทราบ ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็กลับมาบอกข่าว
“คุณวิศบอกว่าไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวจะกลับเลย”
“กลับเลยเหรอครับ!” จิรภาสตกใจ รายได้เดือนนี้ยังไม่เป็นไปตามเป้า ลำพังตำแหน่งผู้จัดการร้านเงินเดือนไม่สูงเลย อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะเงินพิเศษต่างหาก
ถ้าไม่ได้เงินจากภวิศ ค่าคอมมิชชันต้องร่อยหรอเป็นแน่ และหากเจ้านายกลับ ลูกน้องที่ชั้นหนึ่งก็ต้องกลับ เพราะพวกเขาเกรงใจและภักดีกับเจ้านายเป็นไหน ๆ
“เดี๋ยวค่ะคุณกร” เมษารั้งไว้ ช่วงนี้เธอก็ตกที่นั่งลำบาก ต้องการเงินไปใช้จ่ายไม่ต่างกัน เพื่อความอยู่รอดคงต้องทำอะไรที่เสี่ยงดูบ้าง
“ครับ?”
“คือ...” เธอดึงแขนจิรภาศและคณกรออกมาห่าง ๆ จากผู้คน และเสนอเงื่อนไขที่อยากให้ภวิศลองพิจารณาดูก่อน
“คืออย่างนี้ค่ะคุณกร พี่มีเด็กคนหนึ่งที่คิดว่าน่าจะถูกใจคุณวิศ แต่น้องเป็นเด็กเสิร์ฟในร้าน ให้น้องลองเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟคุณวิศได้ไหมคะ ถ้าคุณวิศสนใจ พี่จะจัดการให้ค่ะ”
“น้องรับงานด้วยหรือเปล่าครับ” เขามองหน้าเมษา เพราะไม่ใช่ทุกคนในร้านที่ยินดีทำงานพิเศษนอกเหนือจากการเสิร์ฟอาหาร
“รับค่ะ”
“อายุเท่าไหร่แล้วครับ”
“ยี่สิบแล้วค่ะ”
“สักครู่นะครับ” คณกรปลีกตัวออกไปคุยโทรศัพท์อีกครั้ง และคราวนี้กลับมาพร้อมคำตอบที่ทำให้คนถังแตกยิ้มแก้มปริ
“คุณวิศตกลงครับ ขึ้นไปได้ แต่จะไปต่อด้วยหรือเปล่า เดี๋ยวคุณวิศตัดสินใจอีกทีครับ”
“ค่ะ ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ให้น้องเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟที่ห้องนะคะ”
“ครับ”
“แล้วคุณกรสนใจ...”
“ไม่ครับ ขอตัวนะครับ” เขารีบปฏิเสธเมื่อเมษาจะนำเสนอผู้หญิงให้อย่างมีมารยาท พูดจบก็หันหลังเพราะไม่อยากอยู่ต่อให้เซ้าซี้ แต่ทันทีที่เขาเดินไปไกลมากพอ จิรภาศก็หน้าเปลี่ยนสี
“ใคร! เมย์หมายถึงใคร!”
“ก็เด็กเสิร์ฟคนใหม่ไง คนที่เมย์ชวนมารับแขกแต่น้องเค้าปฏิเสธน่ะพี่ภาส”
“อ้าว! แล้วแบบนี้ก็เท่ากับว่า...”
“เงียบ!” เมษารีบปิดปากก่อนที่เขาจะพูดออกมา “อยากอดตายเหรอ ถ้าคุณวิศไม่สนใจก็ถือว่าได้ลอง”
“แล้วถ้าคุณวิศสนใจล่ะ เมย์พูดเองไม่ใช่เหรอว่าน้องเขาตรงสเปกคุณวิศ”
“เอาน่า เมย์มีวิธีของเมย์แล้วกัน รู้กันสองคนก็พอ”
“เฮ้ย! เดี๋ยวดิ!” จิรภาสจะตามไปห้าม แต่ก็หยุดอยู่กับที่เมื่อเมษาเตือนสติ
“พี่ต้องจ่ายค่าเทอมให้ลูกไม่ใช่เหรอ รถเมย์ก็จะโดนยึดแล้ว ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง เราจะตายกันหมดนะ พี่อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวเมย์จัดการเอง”
“แต่...” จิรภาสจะห้าม แต่ก็ถูกขัดจังหวะเมื่อพนักงานแจ้งว่าลูกค้าต้องการพบ เมษาเลยใช้โอกาสนี้ก้าวฉับ ๆ ไปดักรอเป้าหมายที่หน้าห้องครัว