ตอนที่ 5...

1727 Words
“ขึ้นลิฟต์มาแล้ว! ตั้งใจทำงานกันนะทุกคน” เสียงหัวหน้าแผนกตะโกนบอกน้อง ๆ ในทีม เพราะต่างคนก็ต่างตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เมื่อทราบข่าวว่าคนที่สนใจซื้อบริษัทกำลังจะมาที่แผนกการเงิน “ปกติเราไม่ตั้งใจทำงานเหรอวะพลอย” “ไม่รู้สิ แต่ฉันตั้งใจตลอดนะ” “เหรอ?” นลินดาเลื่อนเก้าอี้มากระซิบถามพลอยภัทร ก่อนจะรีบเลื่อนกลับไปเมื่อเห็นจากไกล ๆ ว่าคนจ่ายเงินเดือนคนใหม่เดินออกจากมาลิฟต์พร้อมผู้ติดตาม ไม่ถึงนาทีเขาก็หยุดยืนที่หน้าแผนก ไม่เข้ามารบกวนการทำงาน ฟังเรื่องดี ๆ ที่เจ้าของคนปัจจุบันเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องรายได้ของบริษัท “ผมขอถามตรง ๆ นะครับ ทำไมถึงขายบริษัท อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณย้ายไปอยู่เมืองนอกครับ” นักลงทุนกระเป๋าหนักต้องการรู้เหตุผล เพราะเท่าที่ศึกษาข้อมูลมาก่อนหน้าและตลอดการเดินทางมาที่นี่ บริษัทรับขนส่งสินค้าแห่งนี้แม้ระบบการทำงานจะล้าหลังไปบ้างแต่ก็ทำกำไรได้ทุกปี “เชิญคุณทางนี้สักครู่นะครับ” เขาพยักหน้าและหันไปมองผู้ติดตามเพื่อบอกว่าไม่ต้องตามมา เมื่อรู้ว่าคู่สนทนาต้องการความเป็นส่วนตัว “สัญญาก่อนได้ไหมครับว่าจะไม่บอกใคร รู้กันแค่คุณกับผม” “ครับ” “ผมจะหย่ากับภรรยาแล้วย้ายไปอยู่กับแฟนครับ” คนฟังใช้เวลาตีความหมายไม่นานก็เข้าใจ แต่ก็ต้องรีบก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเอาไว้เมื่อรู้เหตุผลที่แท้จริงเพราะไม่อยากเสียมารยาท นึกขำในใจว่าความรักทำให้คนเรายอมทิ้งทุกอย่างได้ขนาดนี้เลยเหรอ “รับประกันว่าผมไม่ได้ขายบริษัทที่ข้างนอกดูดี ข้างในเละเทะให้คุณแน่นอนครับ ผมทนไม่ไหวที่ต้องอยู่กับคนที่ถูกบังคับแต่งงานแล้วครับ ผมแค่อยากเอาเงินไปใช้ชีวิตกับคนที่ผมรัก” “ครับ ขอบคุณที่บอกตรง ๆ นะครับ แต่ผมคงต้อง...” เขาหยุดพูด เมื่อหางตาเหลือบไปมองพนักงานในห้องกระจกที่ทำแฟ้มเอกสารกองใหญ่หล่นลงมา “ต้องอะไรเหรอครับ” คนรอฟังใจหายใจคว่ำ ลุ้นจนตัวสั่น ร้อนใจกลัวจะถูกปฏิเสธ แม้จะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่เมื่อเลขาติดต่อมาว่าคนตรงหน้าสนใจและขอข้อมูลของบริษัทไปศึกษา เขาเลยได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นผู้คร่ำวอดในวงการธุรกิจ มีบริษัทมากมายและหลากหลายที่เขาดูแล แต่ธุรกิจด้านการขนส่งยังไม่อยู่ในรายชื่อเหล่านั้น บริษัทขนาดกลางจึงเหมาะกับการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ไม่เล็กจนต้องเสียเวลานั่งเฝ้าและไม่ใหญ่เกินรับมือ “แปดสิบล้าน ถ้าให้ราคานี้ได้ ผมจ่ายเงินสด” “อะไรนะครับ!” เขาตกใจจนเก็บอาการไม่อยู่ สาเหตุหลัก ๆ ก็เป็นเพราะถูกต่อราคาจากหนึ่งร้อยยี่สิบล้านบาท “แปดสิบล้านครับ ถ้าราคาเดิม ผมไม่ซื้อ” คนต่อรองตอบสั้น ๆ แต่ได้ใจความ “ผมขายครับ” “คุยรายละเอียดที่เหลือกับเลขาผมเลยนะครับ” “ครับ ขอบคุณนะครับ” “เช่นกันครับ” เขาจับมือและยิ้มกลับไป เจ้าของโห่ร้องด้วยความดีใจจนพนักงานในแผนกการเงินหันไปมองตามเสียงที่ทะลุผ่านห้องกระจกเข้ามา ทุกคนยิ้มกว้างเพราะรู้ว่าข่าวดีเกิดขึ้นแล้ว ยกเว้นก็แต่พลอยภัทร... ทันทีที่ก้มลงไปช่วยพี่ในแผนกเก็บแฟ้มเสร็จก็มองไปตามเสียงด้านนอก คลี่ยิ้มดีใจที่คำอธิษฐานเมื่อเช้าเป็นจริง แต่พอเห็นด้านหลังของคนที่เจ้านายคนปัจจุบันสวมกอด รอยยิ้มก็ค่อย ๆ จางหายไปเพราะเจ้าของแผ่นหลังนั้นช่างคุ้นตา แต่หลายอย่างที่บดบังการมองเห็นกับระยะทางที่เขาเดินห่างไปเรื่อย ๆ ก็ทำให้ไม่แน่ใจว่าใช่คนที่คิดไว้ไหม “เป็นไรหรือเปล่าพลอย” นลินดาเห็นเพื่อนไม่ดีใจ แถมยังมองไปข้างนอกไม่ละสายตา “ป... เปล่า” พลอยภัทรรีบก้มหน้าทำงานพร้อมใจที่ระส่ำเหมือนจะทะลุออกมา เขาคนนั้น... เหมือนภวิศมากจริง ๆ “วันนี้กินหมูกระทะ! พี่เลี้ยงเอง!” ผู้จัดการแผนกตะโกนบอก งานนี้จะดีใจคนเดียวได้ไง จัดไปให้สาสมกับที่เครียดมาร่วมเดือน พลอยภัทรได้ยินแบบนั้นก็กลับมาอยู่กับปัจจุบัน เธอปรบมือไปพร้อมกับทุกคน บอกตัวเองว่าไม่มีทางที่เจ้าของบริษัทคนใหม่จะเป็นภวิศไปได้หรอก เพราะหลังจากคืนนั้นก็ไม่เคยเจอเขาอีก เขาอาจจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็ได้ เย็นนี้เลยสนุกสนานไปกับเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะเดินแบกพุงกลม ๆ กลับหอพร้อมนลินดา “บายจ้ะพลอยเพื่อนรัก พรุ่งนี้เจอกันที่เก่าเวลาเดิมนะจ๊ะ” “จ้า” เธอกลั้นขำเมื่อนลินดาเมาหน่อย ๆ และเมาทีไรก็ชอบพูดจาตลก ๆ ทุกที เมื่อส่งเพื่อนเข้าห้องอย่างปลอดภัยก็เดินขึ้นบันไดมาอีกชั้น เพื่อเข้าห้องตัวเอง "เดี๋ยวกร” คณกรหยุดรถตามคำสั่ง สงสัยว่าเจ้านายต้องการอะไร แอบตามพลอยภัทรตั้งแต่เธอเลิกงานจนรู้ว่าพักอยู่ที่ไหนยังไม่พออีกเหรอ แต่พอมองตามเจ้านายไปก็เห็นว่าระเบียงห้องบนชั้นห้าที่เคยมืดมิด ตอนนี้สว่างไสวเพราะเธอออกมาเก็บผ้าที่ตากไว้ “กลับ” “ครับ” เลขารับพยักหน้า แอบยิ้มที่วันนี้ได้เดาถูกมาตั้งแต่แรก ว่าภวิศไม่เคยลืมผู้หญิงที่รับลูกกระสุนแทนเขาเมื่อสามปีก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่ตัดสินใจปุบปับซื้อบริษัท เพียงเพราะเห็นหน้าพลอยภัทรแค่ไม่กี่วินาที “โคตรเหนื่อยแต่โคตรสนุกเลยพลอย” นลินดาบอกพลอยภัทรเมื่อกลับมาจากทริปพัทยากับเพื่อนร่วมงาน แต่เพื่อนซี้ไม่ได้ไปด้วยเพราะไม่สบายก่อนวันเดินทาง “ขนาดนั้นเลย?” “เออ ขนาดนี้เลยแหละ อะนี่ ของฝาก” เธอยื่นถุงของฝากให้พลอยภัทรที่บังเอิญเจอกันหน้าหอพักพอดี “ขอบใจมากลิน” “ไม่เป็นไร แต่ฉันไม่ได้ซื้อมาฝากแกหรอก” “อ้าว! แล้วใครฝากมา” “พี่กฤต” นลินดาทำหน้ากรุ้มกริ่ม แต่พอเห็นพลอยภัทรไม่เขินก็ถอนหายใจ “เปิดโอกาสให้เขาจีบหน่อยน่าพลอย ถึงสุดท้ายจะอกหักแต่อย่างน้อยก็ได้รู้จักความรักนะ” “โอ๊ย! จะอ้วก” เธอทำหน้าสะอิดสะเอียด ไม่รู้ว่าของฝากเป็นขนมหรือน้ำเน่ากันแน่ “อ้วกแล้วก็ใจอ่อนหน่อยเถอะ ฉันไปสืบมาแล้วว่าเขาโสด 100%” “ข้อมูลแน่นเนอะ” “แน่นอน ฉันไม่ปล่อยให้คนเจ้าชู้มาจีบแกหรอกพลอย แล้วฉันจะบอกทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แกทดสอบว่าเขาโสดจริงหรือเปล่า สนใจฟังปะ” “จะพูดก็พูด งานถนัดแกไม่ใช่เหรอ พูดเรื่องที่ไม่ได้ถามน่ะ” “โอ้โห! ด่าโดยไม่มีคำหยาบ เหนือชั้นมาก” “ขอบคุณสำหรับของฝากนะ” “เดี๋ยวสิเว้ย!” นลินดารีบไปยืนขวาง รายนี้ชอบเดินหนีอยู่เรื่อย ยังพูดไม่จบเลย “เร็ว ๆ จะพูดก็พูด ฉันป่วยอยู่นะ” “เออ! วิธีจะเช็คเบื้องต้นว่าพี่กฤตโสดจริงมั้ย ถ้าเขาคุยกับแกแค่เวลางาน แต่พอเลิกงานปุ๊บหายไป แล้วกลับมาคุยอีกทีตอนเช้า แบบนี้อะไม่โสดแน่นอน หรืออีกวิธี ลองถือโอกาสขึ้นรถเขาดูนะ ถ้าที่นั่งข้าง ๆ มีของวางเกะกะ นั่นแปลว่าที่ตรงนั้นไม่มีคนนั่ง ไม่มีคนนั่งก็แปลว่าโสด แต่ข้อนี้มันวัดอะไรไม่ค่อยได้ แต่ก็ช่วยสแกนความโสดได้ในระดับนึง” “จบยัง” “จบละ ทักไปขอบคุณพี่กฤตด้วยแล้วกัน แล้วนี่แกดีขึ้นแล้วใช่มั้ย เดินไปซื้อข้าวหรือสั่งมา” “ดีขึ้นแล้ว ฉันสั่งข้าว ลงมาเอาแล้วเจอแกพอดีนี่แหละ” “ดีมาก ถ้าเดินไปซื้อฉันจะตีให้” นลินดาไม่พูดเปล่า ยกมือขึ้นมาขู่ด้วย พลอยภัทรป่วยทีไรก็ชอบบอกว่าไม่เป็นไร แต่สภาพเหมือนคนใกล้ตายทุกที “แปบนึงลิน” พลอยภัทรรับสาย พูดคุยกับปลายสายไม่นานก็คุยกับเพื่อนต่อ “แกขึ้นไปก่อนเลยก็ได้นะ ฉันจะรอเอาพัสดุก่อน” “โอเค งั้นพรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิมเนอะ” “ได้เลย อาบน้ำก่อนนอนด้วยนะแกอะ” “พูดเหมือนรู้ว่าจะไม่อาบ” “ทำไมจะไม่รู้ ฉันรู้จักแกดีกว่าแกรู้จักตัวเองอีกลิน” “เวอร์มาก! ไปละ” “เออ บาย” “บายเว้ย!” นลินดาเดินเข้าหอพัก ชอบที่ได้อยู่ใกล้เพื่อนรัก แต่ก็มีระยะห่างให้กันและกันเพื่อความเป็นส่วนตัวเสมอ พลอยภัทรเมื่อได้รับของก็ตื่นเต้นเพราะของที่สั่งมาถึงเร็วกว่าที่คิด ถึงห้องแล้วก็รีบเปิดกล่อง ดีใจที่อย่างน้อยในวันที่ป่วยยังมีเรื่องให้ยิ้มได้ ต่างจากภวิศที่ปกติไม่ได้ซื้อของออนไลน์แต่มีพัสดุส่งมาให้ “ของฉันเหรอ?” “ครับ นิติคอนโดบอกว่ามีแมสเซนเจอร์เอามาส่งตอนบ่ายครับ” ภวิศรับกล่องขนาดเล็กมาถือไว้ แปลกใจตั้งแต่คณกรกลับขึ้นมาหาบนเพนต์เฮาส์ ทั้ง ๆ ที่บอกว่าวันนี้แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้ว “ขอบใจมากกร” “ครับ ขอตัวก่อนนะครับคุณวิศ” ภวิศพยักหน้า เลขาเดินออกไปก็หมุนกล่องพัสดุอย่างพิจารณา มันเบาหวิวเหมือนไม่มีอะไรอยู่ข้างใน แต่บนกล่องเขียนชื่อภวิศและที่อยู่ชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขาตัดสินใจหยิบคัตเตอร์มากรีดเทปกาวตรงกลางและข้างกล่อง ก่อนจะกำของมีคมไว้แน่นมือเห็นว่าข้างในมีรูปถ่ายของพลอยภัทร ...กำลังเดินออกจากหอพัก ...เดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า …นั่งทำเล็บกับนลินดา ...กินข้าวกับเพื่อนร่วมงานที่ร้านอาหาร ...ซื้อกาแฟที่คาเฟ่ ...และรูปนักสืบที่เขาจ้าง กำลังแอบถ่ายรูปพลอยภัทร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD