เผชิญหน้าสามคน

1709 Words
มารวีนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยแรงโทสะ กำมือเข้าหากันแน่น เมื่อเล่นงานอารยาไม่ได้ คว้าโทรศัพท์มาต่อสายหาเสี่ยขุนทันที เธอต้องรีบหาวิธีเขี่ยยัยนั่นออกไปจากชีวิตเสี่ยให้ได้ [ฉันทำงานอยู่] “แต่คุณขุนค่ะ หนูมีเรื่องด่วน” มารวีทำน้ำเสียงเศร้าสร้อย จนปลายสายถอนหายใจให้ได้ยิน [มีอะไรพูดมาสิ มีเวลาห้านาทีนะ] “โธ่คุณขุนอะ ห้านาทีจะไปพออะไร” [ถ้าอย่างนั้นตอนเย็นค่อยโทรมาใหม่] ตูด! “โธ่เอ้ย! เสี่ยบ้า” ใบหน้าที่แต่งแต้มจนจัดจ้านบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจ ตวัดสายตาไปหาพวกสอดรู้สอดเห็นในแผนกเดียวกัน ก่อนจะยิ้มเยาะ “มีอะไร เสี่ยก็แค่งานยุ่งเหอะ พวกเธอควรจะเอาใจฉันให้มากๆ เพราะอีกไม่นานเสี่ยก็จะแต่งงานกับฉันแล้วย่ะ” มารวีพูดด้วยใบหน้ามั่นอกมั่นใจ คนในแผนกได้แต่ฟังเงียบๆ และก้มหน้าทำงานต่อ ยิ่งนานวันยิ่งรู้สึกว่าเลือกข้างผิด คนที่ประกาศตัวโต้งๆ ว่าเป็นเมียเสี่ย กลับไม่ได้เป็นที่รักของเสี่ย เท่าคนที่ถูกมองว่าเป็นเด็กเสี่ยอย่างอารยาเลยสักนิด ท่าทางของเสี่ยวันนี้ดูรักดูหลงเด็กคนนั้นมากกว่ามารวีคนหน้าบึ้งในห้องนี้ซะอีก 17.30 อารยาเก็บของที่ใช้ทำงานใส่ไว้ในลิ้นชัก ล็อกกุญแจให้เรียบร้อย ก่อนจะเก็บของตัวเองต่อ ปกติเธอเลิกงานตรงเวลา นั้นคือสิบเจ็ดนาฬิกาตามเวลามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด แต่เพราะต้องเร่งส่งงานให้ลูกค้าใหม่หลายราย จึงทำงานเลทเวลาสักหน่อย ทั้งๆ ที่รู้ว่าทำเลยไปกี่นาที ก็ไม่ได้โอทีเหมือนคนอื่น อารยาเดินออกจากบริษัทช้าๆ ไม่จำเป็นต้องรีบกลับบ้านนัก เพราะเวลาเข้าบ้านปกติคือหนึ่งทุ่ม เธอมักจะเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกก่อนเข้าบ้านตลอด แต่ก็กลับบ้านตรงเวลาทุกครั้ง ถ้าวันไหนมีธุระกับเพื่อนสาวทั้งสอง ก็จะโทรไปบอกเสี่ยก่อนเสมอ บรืน! รถยนต์คันหรูที่ไม่ต้องมองป้ายทะเบียนก็รู้ว่าเป็นรถใคร ทำให้อารยาก้าวเท้าเดินหนี เธอมั่นใจว่าไม่ได้ย้อนอดีตหรือเวลากลับมาแก้ไขอะไรทั้งสิ้น แต่ทำไมวันนี้ทั้งวันถึงมีแต่อะไรที่ดูเปลี่ยนไปหมด โดยเฉพาะสามีที่กำลังเดินกึ่งวิ่งตามเธอมาก็ด้วย หรือเขาจะตายแล้วเพิ่งคิดได้ว่าทำผิดกับเธอเลยย้อนเวลากลับมาทำดีกับเธอหรือเปล่า “ไม่เห็นรถของฉันหรือไง” อัครราชคว้าข้อมือเล็กที่กำลังเร่งเท้าหนีได้ทัน ก่อนที่เธอจะเดินออกนอกรั่วของบริษัท “ไอซ์นึกว่าเสี่ยมารับคนอื่น” “ฉันมารับเธอไปกินข้าว” “ไอซ์เพิ่งกินไปค่ะยังไม่หิว” อารยาดึงมือออกช้าๆ เมื่อเห็นว่าด้านหลังของสามีมีใครยืนอยู่ “เสี่ยมารับใครเหรอคะ” มารวียิ้มแย้มทักทาย โชคดีที่เร่งทำงานจนเลิกช้า ถึงได้มีโอกาสเผชิญหน้ากันสามคนแบบนี้สักที อัครราชกดสายตามองคนที่ก้าวมายืนอยู่ข้าง สายตาที่บ่งบอกให้นึกถึงสถานะของตัวเอง ไม่ได้ทำให้มารวีกลัว แต่เป็นเสี่ยต่างหากที่ต้องหวาดกลัวสิ่งที่เธอจะทำ “ไหนๆ ก็คงจะพอรู้อยู่แล้ว ก็ให้เธอรู้ไปเลยสิคะ ว่ามาร์อุ้มท้องลูกของเสี่ย” “ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ ฉันรู้ ฉันไม่ได้โง่” อารยาหันหลังเพื่อเดินหนีจากภาพคนทั้งสอง ผู้ชายก็โง่ ผู้หญิงก็ไร้ยางอาย ทำไมเธอถึงหลงรักผู้ชายแบบเสี่ยได้ก็ไม่รู้ “ไอซ์!” “เสี่ย!” “คุณกลับไปก่อน ผมจะไปคุยด้วยอีกที” อัครราชมองคนที่เกาะแขนเขา อยู่ด้วยสายตาไม่พอใจเป็นครั้งแรก ผู้หญิงคนอื่นไม่เคยมีใครทำเขาขายหน้าเท่ามารวีเลยสักครั้ง พวกเธอเจียมตัวและยอมจบความสัมพันธ์กับเขาง่ายๆ เหมือนตั้งใจมอบกายให้เขาเพื่อแลกเงินเพียงอย่างเดียว ต่างจากมารวีที่ไม่เอาเงิน แต่เรียกร้องให้เขาแต่งงาน และกำลังทำตัวเป็นเจ้าของเขาแบบออกนอกหน้า “เสี่ย! คุณขุน!” มารวีกระทืบเท้าเร่าๆ เมื่อร่างสูงสง่าวิ่งตามอารยาไปอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็จำต้องเดินไปนั่งรถกลับบ้านด้วยความโกรธ ไม่ว่าตอนไหนเสี่ยก็เลือกยัยเด็กนั่นก่อนเธอเสมอ อัครราชวิ่งตามอารยาทันที่ป้ายรถเมล์เลยหน้าบริษัทออกไปไกลโข เดินไปยืนข้างเธอเงียบๆ อย่างคนไม่กล้าพูดอะไร เมื่อเธอเดินขึ้นรถเมล์ไป ก็รีบตามขึ้นไปทันที ร่างสูงเซซ้ายเซขวา เพราะรถเมล์ที่ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว อารยาหันหน้าหนีไปจากภาพนั้น เลือกเดินเบียดคนอื่นๆ ไปยืนเกาะราวอยู่บริเวณท้ายรถ วันนี้คนเยอะจนไม่มีที่นั่ง แต่เธอไม่ซีเรียสนัก เพราะนั่งหรือยืนก็ทำมาหมดจนชินซะแล้ว แต่คนไม่ชินสิน่าสงสาร รถเมล์กับรถที่เสี่ยเคยนั่งต่างกันลิบลับ แต่ถึงอย่างนั้นเสี่ยก็ยังพยายาม จนมายืนเกาะราวเดียวกับเธอได้สำเร็จ “เก่งจังเลยค่ะ” อยากจะโกรธเขานะ แต่ตอนนี้อยากขำมากกว่า ไม่เคยเห็นเสี่ยในมุมนี้มาก่อน ผู้ชายใบหน้าหล่อเหลากับสูทราคาแพง กำลังยืนโหนราวรถเมล์ด้วยสภาพหน้าบอกบุญไม่รับ ทำให้เธอส่งยิ้มไปให้อย่างอารมณ์ดี “คนเยอะ ขยับมานี่” ร่างสูงดึงคนที่อยู่ไม่ไกลเข้ามาชิดตัว ใช้แผ่นหลังบังร่างเธอไว้ ไม่ให้คนอื่นๆ ได้สัมผัสโดนตัวเธอ ก้มลงมองเสี้ยวหน้าที่เอาแต่ยิ้มอย่างไม่ชอบใจ “ยิ้มอะไรนักหนา” “ไม่คิดว่าเสี่ยจะตามขึ้นมา สภาพทุลักทุเลมากเลยค่ะ” “น่าอายเหรอ?” “ปะเปล่าค่ะ น่ารักดี” อารยาก้มหน้าลงต่ำ เขาทำอะไรก็น่ารักไปหมดแหละ ทำอะไรก็ดูดีไปหมด ไม่มีอะไรน่าอายเลยสักนิด อัครราชไม่พูดอะไรต่อ เพราะรู้สึกว่าบรรยากาศตอนนี้มันดีแล้ว ไม่อยากพูดอะไรให้เธอรู้สึกดีหรือรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ ได้แต่ซึบซับความอุ่นนุ่มของกายสาวเงียบๆ “วันนี้มีตลาดนัดด้วย เราลงกันเถอะค่ะ” อารยามองเห็นตลาดนัดที่เดินประจำเปิดขายอยู่ไม่ไกล เพราะยืนใกล้หน้าต่างรถ บอกพร้อมขยับตัว ให้คนตัวโตถอยห่าง บดเบียดร่างสูงใหญ่เดินออกไปทันที ไม่ลืมคว้าข้อมือสามีลงจากรถไปด้วย “เรายังไม่ได้จ่ายค่ารถ!” “รถเมล์ฟรีค่ะ เร็วค่ะเดี๋ยวไม่ทันไฟเขียว” อารยาดึงมือสามีออกวิ่งไปยังทางม้าลายกลางสี่แยก ที่สัญญาณไฟกำลังขึ้นสีเขียวให้คนเดินพอดี วิ่งข้ามถนนมาได้ก็หยุดหอบหายใจก่อน จากนั้นก็จูงมือใหญ่เดินต่อไปยังจุดหมายที่อยู่ไม่ไกลนัก “ทำไมไม่ไปห้าง” “ห้างของแพงค่ะ” อารยาตอบคนที่เดินอยู่ข้างๆ ตั้งแต่แต่งงานกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาเดินแบบนี้ ทุกทีมีแต่เสี่ยจัดการซื้อของเข้าบ้านเอง จัดการให้ทุกอย่าง ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า รวมไปถึงอาการการกิน เรียกได้ว่าดูแลดีทุกอย่าง แต่เธอก็ยังหาเวลาว่างหลังเลิกงานมาเดินดูของพวกนี้เองอยู่ดี “แพงแค่ไหน ถ้าอยากได้ก็ต้องซื้อ” “ไอซ์เงินเดือนสองหมื่น เอ่อ ไอซ์หมายถึงว่าไอซ์ไม่อยากฟุ่มเฟือย” อารยาแก้คำพูดพัลวัน ส่วนคนที่ได้ยินทุกอย่าง ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจเงียบๆ เรื่องของเธอ เหมือนว่ายังมีอะไรที่เขาไม่รู้อีกเพรียบเลย คนทั้งสองเดินเตร็ดเตร่อย่างไม่เร่งรีบ เดินตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด จนตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงดึก อารยารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่สามีเดินตามอย่างไม่อิดออด เขาซอกนั้นออกซอยนี้กับเธอโดยไม่บ่นสักคำ ทั้งที่หน้าตาชุ่มฉ่ำไปด้วยเหงื่อเม็ดโต ทั้งยังช่วยจ่ายทุกอย่างให้เธอแบบไม่อิดออดด้วย “เหมือนเราเป็นแฟนกันเลยค่ะ” อารยายิ้มให้อย่างอ่อนโยน เธอมีเปรมนัสเป็นแฟนคนแรก แต่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน นี่จึงเป็นความประทับใจที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้ “ไม่ใช่! เป็นสามีภรรยาต่างหาก” ใบหน้าหล่อเหลาตอบกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนไม่ต่างกัน ทั้งๆ ที่หน้ามันแผล็บ เหงื่อก็โทรมกายจนรู้สึกอึดอัด แต่เขากลับอารมณ์ดีดีกว่าที่คิดซะอีก “เดี๋ยวเราแยกกันตรงนี้เลยนะคะ เสี่ยคงต้องไปหาเธอแล้ว” อารยาแบมือออกเพื่อขอของที่อยู่ในมือของสามี มารวีคงบังคับให้เขาไปหาแน่ๆ แม้เขาจะไม่พูด แต่ก็มองนาฬิกาอยู่บ่อยๆ ตอนนี้ก็ดึกแล้วด้วย ถ้าไปดึกกว่านี้มันคงไม่ดี “ไม่” “ไปคุยให้เรียบร้อยเถอะค่ะ ถือว่าทำเพื่อเรา ถ้าเสี่ยไม่ได้อยากจะหย่าจริงๆ ไอซ์ขอให้ผู้หญิงคนนี้เป็นคนสุดท้ายนะคะเสี่ย” อารยาถือถุงทุกอย่างไว้ในมือ เขย่งเท้าขึ้นหอมสามีเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างให้ ต่อไปนี้หวังว่าอะไรต่อมิอะไรมันจะชัดเจนขึ้นนะ อัครราชไม่กล้าก้าวขาตามคนตัวเล็กที่หอบหิ้วของเดินไปขึ้นรถแท็กซี่หน้าตลาด เขาจะไม่ทำผิดพลาดอีกแล้ว มือหนาคว้านหาโทรศัพท์มาต่อสายหาเลขา เมื่อพูดธุระเสร็จก็ออกไปยืนรอรถหน้าทางเข้าตลาดเงียบๆ ไม่นานรถยนต์คู่ใจที่มีเลขาเป็นคนขับ ก็เข้ามาจอดเทียบฟุตบาท และเขาก็ก้าวขาขึ้นไปนั่ง ด้วยท่าทีและหัวใจที่มั่นคง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD