ตอนที่ 3

1766 Words
“ผู้หญิงอย่างคุณ... ร่านขนาดนี้ ทำไมจะต้องทำท่าตื่นกลัวด้วย...” คำพูดที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยาม สายตาที่กวาดมองใบหน้าและต่ำลงไปยังเนินอกสาวที่ดันชุดเดรสขึ้นมาด้วยสายตาหยาบคาย หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับ พยายามจะดิ้นรน แต่คนตัวโตก็ไม่เปิดโอกาสให้ เขาใช้มือหนาตรึงมือบางของหล่อนทั้งสองข้างเอาไว้กับผนังห้อง ขณะก้มหน้าต่ำลงมาหา ลมหายใจของเขาทำให้หล่อนหัวใจเต้นแรงเหลือเกิน “ฟาเดล... อย่านะ...” “ทำไมล่ะ ผมรู้ว่าคุณหิว...” เขายิ้มเหยียดหยามขณะหรี่ตามองต่ำลงไปลงจุดกลางลำตัวของหล่อน แม้ความโหยหามืดดำที่หาที่มาที่ไปไม่ได้จะคุกคามหัวใจอย่างรุนแรงแค่ไหน แต่แองเจลล่าไม่ใช่คนใจง่าย หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่คนตัวโตกำลังเข้าใจสักหน่อย นั่นมันก็แค่การแสดงละครเพื่อทำให้องค์ชายบาร์ซาร์อะไรนั่นยกเลิกการอภิเษกสมรสกับหล่อนต่างหากล่ะ มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของหล่อน แต่ใครจะไปเชื่อจริงไหม? “ไอ้คนเลว... ออกไปจากตัวของฉันนะ” “ผมรู้ว่าคุณกำลังต้องการอะไร และผม... ก็คิดว่าตัวเองน่าจะสนองให้กับคุณได้” คนตัวโตปล่อยข้อมือของหล่อนให้เป็นอิสระ ขณะรวบร่างอรชรเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแน่น ปากของเขาก้มต่ำลงมาหา และไม่นานมันก็แตะลงบนแก้มนวลของหล่อน จากนั้นก็เลื่อนเลยลงมายังกลีบปากของหล่อน ฟาเดลขยับปากอย่างเร่าร้อน ลิ้นของเขาบุกรุกเข้าไปสร้างความซาบซ่านรัญจวนในช่องปากของหล่อนอย่างอำมหิต “ฟาเดล...” แองเจลล่าร้องครวญคราง สองมือที่ผลักไสร่างกำยำนั้นเปลี่ยนมาเป็นเกี่ยวกระหวัดรัดแน่นหนาทันที พร้อมกับจูบตอบอย่างเต็มอกเต็มใจ แต่แล้วสวรรค์แสนหวานของหล่อนก็ล่มลงอย่างไม่เป็นท่าเมื่อจู่ๆ คนที่ตะโบมจูบปากของหล่อนอยู่อย่างดุเดือดก็ยุติการกระทำวาบหวามนั้นลงกะทันหัน พร้อมๆ กับถอยออกห่างราวว่าหล่อนนั้นเป็นยิ่งกว่าตัวเชื้อโรคยังไงยังงั้น “คุณร้อนได้ทุกเวลาจริงๆ น่ะแองจี้...” “คนบ้า... นายมัน...” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากบวมช้ำของตัวเองแน่น มองคนตัวโตอย่างอับอาย ขณะที่เขาแสยะยิ้มหยันหยาม มองหล่อนอย่างขยะแขยงเช่นเดิม “หวังว่าคุณจะทำให้แท่นบรรทมขององค์ชายบาร์ซาร์ร้อนแรงแบบนี้ทุกคืน” “ไม่มีทาง ฉันจะไม่มีทางแต่งงานกับองค์ชายบ้าเลือดนั้นเด็ดขาด...” คนฟังไหวไหล่น้อยๆ ขณะขยับกายเดินไปหยุดที่กลางห้องกว้างที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างวิจิตร “บอกแล้วไงว่าคุณหมดสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรเองตั้งแต่เหยียบเท้าลงบนพื้นดินของมหานครการ์ซานแล้วล่ะ ชีวิตของคุณตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ขององค์ชายบาร์ซาร์แต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น” “ไม่...! ฉันไม่ยอม” “นั่นมันคือสิ่งที่คุณคิดได้ แต่กระทำไม่ได้... เอาล่ะพักผ่อนซะ แล้วผมจะให้คนมาเชิญเมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเย็น...” แล้วพ่อคนตัวโตที่พูดเองเออเองก็ก้าวยาวๆ เดินออกไปจากห้องพักที่หล่อนถูกนำมากักขังเอาไว้อย่างไม่แยแสอะไรอีก         แองเจลล่ามองตามไปด้วยสายตาเจ็บปวด ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่านอกจากถูกพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองกักขังแล้วยังต้องมาถูกผู้ชายเถื่อนถ่อยกักขังอีก “ไอ้คนบ้า... คิดหรือว่าฉันจะยอมอยู่ให้องค์ชายของนายเชือดง่ายๆ ฝันไปเถอะ!” หญิงสาวเค้นเสียงขุ่นเคืองออกมา ก่อนจะรีบเดินไปชะโงกหน้าต่างมองลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง สูงมาก... หล่อนคิดในใจ แต่ก็โชคดีนักที่หล่อนไม่ได้เกิดมาพร้อมๆ กับโรคกลัวความสูง รอยยิ้มบางๆ แต้มใบหน้างามเมื่อความคิดบางอย่างผุดพรายขึ้นมาในสมอง หล่อนไม่มีทางยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รักอย่างแน่นอน ไม่มีทาง... ขณะที่แองเจลล่ากำลังมุ่งมั่นที่จะหาทางออกให้กับตัวเองอยู่นั้น ผู้ชายที่หล่อนคิดว่ามีฐานะเป็นแค่บอดี้การ์ดเท่านั้นก็หันมาเอ่ยกับสาวใช้สามคนที่ยืนก้มหน้ารอรับคำสั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงที่ฟังยังไงก็ทรงอำนาจเหลือเกินด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมา “เข้าไปรับใช้คุณแองจี้ เธอต้องการอะไรสรรหามาให้เธอ แต่... สิ่งนั้นจะต้องไม่ขัดคำสั่งของฉัน เข้าใจไหม” “พวกหม่อมฉันเข้าใจดีเพคะฝ่าบาท...” ชายหนุ่มไม่ได้พูดคำใดออกมาอีก นอกเสียจากก้าวยาวๆ เดินออกไปจากตำหนักซ้ายด้วยท่าทางสง่างามเช่นเคย “ฝ่าบาททำเหมือนไม่ใส่ใจองค์สุลตาน่าเลยเนอะ” สาวใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเห็นใจเมื่อองค์เหนือหัวของตนเดินออกห่างไปจนลับตาแล้ว “ก็ฝ่าบาทไม่ได้โปรดจะอภิเษกด้วยสักหน่อย แต่ที่ต้องอภิเษกก็เพราะไม่อยากเสียเพื่อนรักไปเท่านั้นเอง” สาวใช้อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจเจ้าเหนือหัวของตัวเองอย่างสุดซึ้ง ขณะที่สาวใช้อีกคนหนึ่งเองก็มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน “น่าสงสารฝ่าบาทจังนะ แทนที่จะได้อภิเษกกับคู่หมั้นคู่หมายที่สมน้ำสมเนื้อกันอย่างคุณจาเมล่า” “เบาๆ หน่อยบิสมา พูดดังแบบนี้ถ้าใครมาได้ยินแล้วนำไปทูลฝ่าบาทล่ะก็ มีหวังหัวขาดกันเป็นแถวแน่” สาวใช้ที่พูดขึ้นคนแรกเอ่ยเตือน พร้อมๆ กับกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวด้วยความวิตกกังวล “อย่าปอดแหกไปหน่อยเลยฟาติมา ไม่มีใครได้ยินหรอกน่า” คนถูกเตือนเชิดใส่คำพูดของเพื่อน ก่อนจะเดินนำหน้าเข้าไปในห้องพักของผู้หญิงที่ทุกคนในมหานครการ์ซานรู้ดีว่ากำลังจะได้ขึ้นเป็นองค์สุลตาน่าในเร็ววันนี้ทันที เพื่อนอีกสองคนรีบตามเข้าไปเช่นกัน “พวกเราคือสาวใช้ประจำตัวของคุณแองจี้ค่ะ” คนที่กำลังยืนเกาะขอบหน้าต่างและมองลงไปยังพื้นดินด้านล่างหันกลับมามอง “ฉันไม่ต้องการสาวใช้ ฉันอยากอยู่คนเดียว...” “แต่ฝ่า... เอ่อ ท่านฟาเดลสั่งพวกเราเอาไว้นะคะ” ฟาติมาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มนวล แต่ตอนนี้แองเจลล่าไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูเพราะหล่อนจะต้องไปจากที่นี่ให้ได้ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น “แล้วนายนั่นให้ข้าวพวกเธอกินหรือไงถึงต้องไปทำตามคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัดแบบนี้ด้วย เอาล่ะ ฉันไม่อยากหัวเสียมากไปกว่านี้ ออกไปซะ ฉันอยากอยู่คนเดียว...” “ไม่ได้ค่ะ” บิสมาที่ไม่ชอบแองเจลล่าอยู่แล้วตอบเสียงแข็ง แองเจลล่าหรี่ตามองและเดินเข้ามาหา “เธอเป็นแค่สาวใช้ไม่ใช่หรือ...” “เอ่อ คุณแองจี้คะ พวกเรา...” ฟาติมาพยายามจะแก้ตัวให้เพื่อน แต่บิสมาไม่ได้ให้ความร่วมมือด้วยเลย เพราะแม่คุณยังจ้องหน้าแองเจลล่าด้วยสายตาไม่เกรงกลัวเช่นเคย “เธอหุบปาก... ฉันจะสั่งสอนแม่นี่เอง” แล้วแองเจลล่าก็ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของสาวใช้อวดดีเต็มแรงจนบิสมาหน้าสะบัด ก่อนจะเค้นเสียงขุ่นเคืองออกมา “ฝากไปปากนายฟาเดลคนเถื่อนนั่นด้วยนะว่า คนอย่างแองเจลล่าถูกขังได้ไม่นานหรอก ให้เขาระวังเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน...” หญิงสาวพูดจบก็ผลักร่างของสาวใช้สามคนออกจากห้องพักของตัวเองทันที จากนั้นก็ลงกลอนและรีบวิ่งกลับไปเกาะขอบหน้าต่างอีกครั้ง ดวงตาหวานฉ่ำหรี่มองพื้นดินเบื้องล่างซ้ำๆ กันอยู่นานอย่างคาดคะเนความสูง “มันน่าจะสิบห้าเมตรกว่าๆ” หญิงสาวสพึมพำเบาๆ กำลังจะหมุนตัวเดินกลับไปที่เตียง แต่ประตูห้องพักของหล่อนก็ถูกเคาะแรงๆ และเพียงไม่กี่อึดใจมันก็ถูกพังเข้ามา แองเจลล่าอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนจะแหวใส่เสียงสูงทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นฝีมือของใคร “นายฟาเดล นี่นายกล้าดียังไงถึงทำแบบนี้!” เจ้าของชื่อย่างสามขุมเข้ามาหยุดตรงหน้าหล่อน กระแสความเดือดดาลสะท้อนออกมาจากกายหนุ่มจนหล่อนแสบหูแสบตา “คุณบอกว่าบ้านเมืองของผมป่าเถื่อน ไร้อารยธรรม แล้วสิ่งที่คุณทำกับคนของผมล่ะเรียกว่าอะไร” “ฉันทำอะไรไม่ทราบ” แม้จะรู้ดีว่าคนตัวโตหมายถึงอะไร แต่แองเจลล่าก็อดยียวนกวนประสาทออกไปไม่ได้ อดหมั่นไส้ไม่ได้ที่เห็นตาสุดหล่อนี่ห่วงใยผู้หญิงคนอื่น ชายหนุ่มแสยะยิ้มก่อนจะเรียกสาวใช้ที่หล่อนฟาดหน้าด้วยฝ่ามือไปหนึ่งทีเข้ามาในห้อง “บิสมา ไหนลองเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” แองเจลล่าปลายตามองแล้วก็อดแปลกใจกับร่องรอยบนใบหน้าขาวๆ นั้นไม่ได้ นี่มัน... หล่อนตบไปแค่ทีเดียวเอง ทำไมใบหน้าของยายสาวใช้คนนี้ถึงได้ยับเยินราวกับว่าถูกตบเป็นร้อยทีแบบนี้นะ สงสัยหล่อนถูกเล่นงานเข้าซะแล้วล่ะ แต่คิดหรือว่าหล่อนจะยอมรับในสิ่งที่ไม่ได้กระทำง่ายๆ ฝันไปเถอะ “คุณแองจี้... ตบหน้าฉันค่ะ” “ฉันตบเธอกี่ครั้งล่ะ” แองเจลล่าเดินมาหยุดตรงหน้าบิสมา มองอย่างรู้ทัน “ฝ่า... เอ่อ ท่านฟาเดล... คุณแองจี้มองฉันตาดุอีกแล้วค่ะ” “ตอแหล! ฉันตบหน้าเธอแค่หนึ่งครั้งเท่านั้น...” แองเจลล่าเค้นเสียงใส่หน้าบิสมา กำลังจะกระชากมาตบให้ช้ำอีกรอบ แต่ก็ถูกคนตัวโตผลักหล่อนออกเสียก่อน ร่างอรชรเสียหลักล้มลงบนพื้นพรมเต็มแรง สาวใช้อีกสองคนที่อยู่นอกห้องจะวิ่งเข้ามาประคอง แต่เสียงทรงอำนาจที่ฟังแล้วน่าเกรงขามเหลือเกินของฟาเดลก็ห้ามเอาไว้เสียก่อน “ไม่ต้อง... ผู้หญิงนิสัยแย่ๆ แบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมีคนช่วย” “ไอ้คนเลว... ฉันจะทูลองค์ชายบาร์ซาร์ว่านายกับพวกของนายรังแกฉัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD