ทะเลทรายสีทองอร่ามที่สะท้อนกับแสงแดดยามบ่ายจนเกิดไอแดดเต้นระริกอยู่ในอากาศชัดเจนกับสายตาอีกครั้ง แองเจลล่าก้าวลงจากรถลีมูซีนสีดำที่พาหล่อนกับฟาเดลเดินทางมาเกือบสามชั่วโมงด้วยท่าทางตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด ก็เมื่อสามชั่วโมงก่อนที่สนามบินหล่อนยังไม่ได้เห็นทะเลทรายชัดเจนแบบนี้นี่น่าแต่นี่... สาวน้อยหมุนตัวมองไปรอบๆ กาย รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจแต่งแต้มใบหน้างดงามตลอดเวลา ไม่เคยคิดว่าภาพของผืนทรายที่ยาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจนจรดกับแผ่นฟ้าสีครามนั้นจะสวยงามน่าอภิรมย์ถึงเพียงนี้ หล่อนเคยปรามาสว่าผู้คนที่นี่ รวมถึงองค์ชายบาร์ซาร์ป่าเถื่อน แต่เมื่อได้พบได้เห็นจริงๆ แล้วกับพบว่ามันแตกต่างไปจากที่คิดอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างที่นี่ดูแปลกตาไปก็จริง แต่ไม่มีอะไรป่าเถื่อนอย่างที่สมองจินตนาการเอาไว้เลย
“สวยจัง...”
คนฟังแสยะยิ้มหยัน หรี่ตามองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของสาวน้อยอย่างดูแคลน
“ตอนนี้องค์ชายบาร์ซาร์ไม่ได้ประทับอยู่ที่ในเมืองหลวง ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำเป็นชอบที่นี่หรอก...”
ความสุนทรีจางหายไปทันทีกับวาจาเหยียดหยามของคนข้างกาย
“ไอ้คนบ้า... อย่าให้ฉันทำไม่ไหวนะ ฉันจะฆ่านายด้วยมือของฉันเองเลยคอยดูสิ...”
“อย่าลืมสิว่าที่ไม่ใช่เซาเปาโล...”
คนถูกข่มขู่แสยะยิ้มหยันออกมา ก่อนจะไหวไหล่น้อยๆ อย่างไม่แยแสสิ่งใดเลยแม้แต่หล่อน
“เพราะไม่ว่าพี่ชายของคุณจะมีอำนาจแค่ไหนในเซาเปาโล แต่กับที่นี่... มหานครการ์ซาน องค์ชายบาร์ซาร์ทรงมีอำนาจยิ่งใหญ่เป็นที่สุด และทุกคนที่นี่ก็ต้องให้ความเคารพยำเกรงพระองค์”
“แต่ฉันไม่มีทางเคารพองค์ชายบ้าเลือดคนนั้นแน่”
คนฟังแสยะยิ้มหยัน ดวงตาที่ทอดมองมานั้นลุกเป็นไฟ
“ก็ลองทำให้พระองค์ทรงไม่พอพระทัยดูสักครั้งสิ แล้วคุณจะได้รู้ว่านรกน่ะ ยังน่าอยู่ว่าการ์ซานเลย...”
จบคำพูดเลือดเย็นแล้วพ่อบอดี้การ์ดหล่อระเบิดก็ก้าวยาวๆ มุ่งหน้าผ่านรั้วประตูวังหลวงเข้าไปอย่างสง่างาม ทุกคนที่เฝ้ารออยู่ต่างก้มศีรษะให้กับนายฟาเดลราวกับตานี่เป็นเจ้าชีวิตยังไงยังงั้น แองเจลล่ามองตามไปอย่างขัดใจ แต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากเดินคอตกตามนายฟาเดลเข้าไปในพระราชวังหลวงนั้นอย่างไม่มีทางเลือก
“ตอนนี้ที่อยู่ของคุณคือตำหนักซ้าย...”
พ่อคนตัวโตหยุดเดินและหมุนตัวกลับมากะทันหันนั้นทำให้คนที่กำลังเดินจ้ำอ้าวตามมาอย่างไม่คิดชีวิตอย่างแองเจลล่าไม่สามารถหยุดเท้าได้ทัน ผลที่ได้ก็คือร่างอรชรชนเข้ากับกายกำยำที่แข็งแกร่งไปซะทุกสัดส่วนของฟาเดลเต็มๆ แรง หล่อนทำท่าจะล้มเขาจึงตวัดมือรวบเอวคอดเอาไว้ให้ เหมือนเวลาหยุดหมุน เหมือนสายนทีหยุดไหล เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น แค่ได้สบตากับพ่อสุดหล่อในระยะกระชั้นชิดเท่านั้น นัยน์ตาสีนิลของฟาเดลเหมือนมีมนต์ขลัง มันสะกดให้หล่อนลุ่มหลงได้ทุกครั้งที่จ้องมอง ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงทำให้ร่างกายของหล่อนร้อนผ่าวแบบนี้นะ ร้อนราวกับถูกสุมด้วยไฟกัลป์ หญิงสาวหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย เมื่อจู่ๆ คนตัวโตก็ผลักร่างของหล่อนออกห่างราวกับร่างของหล่อนนั้นคือก้อนถ่านร้อนอย่างนั้น
“ไอ้คนบ้า... ฉันแทบล้มเห็นไหม”
แองเจลล่าแกล้งโวยวายลั่นทุ่งเพื่อปกปิดความหวั่นไหวที่กำลังกัดกินหัวใจสาวอย่างอำมหิตของตัวเองเอาไว้อย่างสุดกำลัง ฟาเดลจะรู้ไม่ได้ว่าหล่อนหัวใจเต้นแรงแค่ไหนเวลาอยู่ใกล้กับเขา เพราะตาบ้านี่ไม่เคยมองหล่อนในแง่ดีเลยแม้แต่ครั้งเดียว ว่าหล่อนสำส่อน ว่าหล่อนร่านร้อน สักวันเถอะหล่อนจะพิสูจน์ให้เขารู้ว่าทุกสิ่งที่คิดเอาไว้เกี่ยวกับตัวของหล่อนนั้นมันผิดทั้งเพ
“ผมรู้ว่าคุณกินผู้ชายไม่เลือกหน้า แต่เว้นผมเอาไว้สักคนเถอะ อย่างน้อยๆ ก็ให้คิดซะว่าผมเป็นข้ารองบาทของว่าที่พระสวามีของคุณ...”
คำเตือนที่เต็มไปด้วยความเลือดเย็นของฟาเดลมีผลทำให้สีแก้มของขวัญชีวาแดงระเรื่อขึ้น ความอับอายพุ่งขึ้นจากฝ่าเท้ามากระจุกอยู่ที่ใบหน้าอย่างมากมาย
“ไอ้คนบ้า...”
หญิงสาวกัดฟันเค้นเสียงขุ่นเคืองออกจากลำคอ แต่ชายหนุ่มไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว เขาส่งสัญญาณให้สาวใช้สามคนที่เดินตามมาห่างๆ ให้รออยู่หน้าห้องจากนั้นก็ก้าวเดินเข้าไปในห้องที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างดีนั้นด้วยท่าทางปานราชสีห์ เชอะ ก็แค่บอดี้การ์ด วางท่าราวกับเป็นเจ้าของที่นี่อย่างนั้นแหละ แองเจลล่าคิดอย่างหมั่นไส้ก่อนจะก้าวตามเข้าไป และเริ่มต้นหาเรื่องอีกครั้ง
“นายคิดหรือว่าที่กระจอกแบบนี้จะขังฉันได้...”
“นี่ไม่ใช่การขัง... แต่ถ้าคุณอยากถูกคุมขังจริงๆ ผมจะจัดการให้...”
คนที่ยืนหันหลังให้อยู่หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับหล่อน แองเจลล่ากลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้สบตากับคนตัวโตอีกครั้ง ตานี่มองทีไรก็หล่อลากไส้ทุกที หล่อจนคนมองอย่างหล่อนแทบจะหาคำมาสรรเสริญไม่ได้ หญิงสาวกัดปากแน่น พยายามร้องบอกตัวเองว่าอย่าได้มองเขาแบบนี้ อย่าได้มองแบบจะกลืนกิน เพราะมันน่าละอาย แต่หล่อนก็ไม่สามารถห้ามสายตาของตัวเองได้ เพราะตอนนี้มันทั้งจ้อง ทั้งมอง ปานจะกินพ่อสุดหล่อที่สมบูรณ์แบบไปซะทุกสัดส่วนเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว ก็ดูพ่อคุณสิ... หล่อลากไส้ลากตับ ใบหน้าไม่ต้องพูดถึงกับแล้วล่ะว่าหล่อลากดินแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนหัวใจสั่นสะท้านอยู่ในตอนนี้ก็คือรูปร่างที่บึกบึนสมบูรณ์แบบของเขานั้นเอง
ทำไมถึงได้ดูดีแบบนี้นะนายฟาเดล...
หญิงสาวรำพึงรำพันอยู่ภายในอก และก็คงจะยังไม่ได้สติหากไม่ได้ยินเสียงกระด้างแกมรำคาญของผู้ชายตรงหน้าดังมาเข้าหู
“ปกติคุณมองผู้ชายทุกคนด้วยสายตาแบบนี้ใช่ไหม”
“ว่าไงนะ” แองเจลล่าถามตะกุกตะกัก แล้วก็หน้าแดงก่ำเมื่อเข้าใจความหมายของคนพูด
“ไอ้คนบ้า... ฉัน... ฉันก็แค่มองนายผ่านๆ เท่านั้นเอง ผู้ชายอย่างนายมันปลุกไอ้ความกระหายอยากในตัวของฉันไม่ได้หรอก” แก้ตัวจบก็รีบหันหลังหนี ชาหนุ่มมองตามไปอย่างดูแคลน
“ผู้หญิงอย่างคุณ... น่ารังเกียจนัก”
“นี่นาย... อย่าบังอาจมาว่าฉันแบบนี้เชียวนะ นายมันก็แค่ขี้ข้า...”
จากที่เคยหันหลังหลบตาตอนนี้หันมาเผชิญหน้าอย่างลืมตัว และก็ต้องหัวใจเต้นแรงเมื่อคนตัวโตเดินมาหยุดตรงหน้า ระยะห่างมันกระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ กลิ่นกายของฟาเดลกำลังทำให้หล่อนคลุ้มคลั่ง กลิ่นหอมที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดและเซ็กซี่ของเขามีผลต่อระบบป้องกันตัวเองของหล่อนโดยตรงเลยทีเดียว
“แต่คุณก็อยากกินไอ้ขี้ข้าคนนี้ใจจะขาดไม่ใช่หรือ”
“นี่นายจะทำอะไร”
คนตัวโตที่ปกติเคยแสดงท่าทางขยะแขยงไม่อยากเข้าใกล้หล่อนเสมอมาผลักร่างของหล่อนให้เข้าไปกระแทกกับผนังห้องที่เย็นเฉียบอย่างไม่ปรานี จากนั้นเขาก็เดินตามเข้ามาประกบ ระยะที่แนบแน่นทำให้แองเจลล่าที่เคยปากเก่งในทุกสถานการณ์หัวใจสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“แล้วคุณคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะ” เขาย้อมถาม รอยยิ้มดูแคลนเกลื่อนใบหน้าหล่อลากไส้นั้น
แองเจลล่าปากสั่นระริก ช้อนตาขึ้นมองคนตัวโตที่ตอนนี้ตรึงร่างอรชรของหล่อนเอาไว้กับผนังห้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
“อย่านะ...”