“นั่นใคร?”
คนถูกถามเอี้ยวร่างกำยำมามองเพียงแวบเดียว แล้วก็ไม่ได้ให้ความสลักสำคัญอะไรด้วยอีกเลย ดูเหมือนในมือของเขากำลังสาละวนกับการคนอะไรบางอย่างในหม้อดิน กลิ่นของมันอับชื้น เหม็นเสียจนแทบอยากอาเจียน...
ช่อม่วงตั้งสติเพียงชั่วครู่ ภาพก่อนหน้าก่อนหน้าเธอหมดสติจะหลั่งไหลเข้ามาในส่วนประสาทรับรู้
อา...เธอวิ่งหนีเตลิดเข้ามาในเขตของป่าต้องห้าม บังเอิญเท้าดันไปสะดุดเข้ากับรากไม้ แล้วล้มคะมำ แล้วก็หมดสติจำอะไรไม่ได้หลังจากนั้น...
“นี่นายเป็นคนช่วยชีวิตฉันเอาไว้อย่างนั้นเหรอ...อย่างไรฉันก็ต้องขอบใจมากนะ”
หลังจากส่งคำถามพร้อมด้วยคำขอบคุณกลายๆ ร่างงามสมส่วนก็พยายามขยับลุกขึ้นนั่ง อาการเจ็บแปลบตามเนื้อตัวทำให้สีหน้าซีดขาวเหยเก...
“อู๊ย...ทำไมถึงเจ็บจังเลย...”
คนเพิ่งล้มกลิ้งหน้าคะมำจนหมดสติซูดปาก บ่นงึมงำในใจ ก้มมองสำรวจตามเนื้อตัวเอง แสงสลัวจากไฟตะเกียงทำให้เห็นรอยฟกช้ำตามแขนขาเต็มไปหมด ยังถือว่าเธอยังเคราะห์ดี ไม่มีกระดูกชิ้นไหนแตกหัก ไม่เช่นนั้นคงได้เจ็บหนักกว่านี้แน่...
“ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน...บ้านของนายเหรอ...” ความหวาดกลัวก่อนหน้าหายวับไปกว่าครึ่ง อย่างน้อยก็ยังมีบ้านคนให้พอได้อุ่นใจ หญิงสาวกวาดสายตามองรอบตัวด้วยความสนใจ เป็นกระท่อมหลังเก่า ขนาดไม่กว้าง แต่ก็ดูสะอาดสะอ้านดี
“ว่ายังไง นี่ใช่บ้านของนายหรือเปล่า”
ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากคนตรงหน้าอยู่ดี...
ก่อนลมหายใจจะสะดุดกึก พร้อมกับสายตาวาววับตอนมันหยุดลงตรงแผ่นหลังกว้าง หัวไหล่ดูบึกบึนตั้งตรง ลำแขนกำยำ ดูน่าเกรงขามไปทั้งเนื้อทั้งตัวเขา เหมือนเขาไม่ใช่คนธรรมดา ทำเอาขนในกายเธอลุกซู่ ความรู้สึกอึดอัดแถวกึ่งกลางลำตัวแล่นโลด น้ำเชื่อมไหลซึมเพียงแค่ชำเลืองตามองรูปร่างของเขาเท่านั้น...
แล้วในชั่วอึดใจ ดวงตาคู่โตก็เบิกโพลง ตอนเจ้าของแผ่นหลังกว้างน่าซุกกอด หันหน้ามาให้เห็นทั้งตัว...
อา...นั่นคนหรือว่าเทพบุตร...
ช่อม่วงพึมพำต่อในใจ พร้อมกะพริบตาปริบ อ้าปากหวอโดยไม่รู้ตัว...
เทพบุตรของช่อม่วงกลับไม่ได้นึกใส่ใจต่อปฏิกิริยาของเจ้าหล่อนเลยสักนิด มีแต่รู้สึกน่ารำคาญเสียมากกว่า...
“แค่แผลถลอก ร้องซะเหมือนกำลังถูกเชือด...”
คนบ่นแสดงสีหน้าเอือมระอา เขากระชากเสียงดุก่อนขยับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เท่ากับยิ่งทำให้ช่อม่วงเห็นถึงความกล้าแกร่งของบุรุษหนุ่มปริศนา จนต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอ...
เขาเป็นใคร?...
อามันต์เดินอาดๆออกไปด้านนอกกระท่อม หัวร้อนพอสมควรตอนคว้ากะลาใบเล็ก จ้วงน้ำสะอาดใส่มาครึ่งกะละมัง แล้วเดินย้อนกลับเข้ามาภายในกระท่อม....
สีหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรเลยยังคงบูดบึ้ง...
เพราะแม่คนนี้คนเดียวแท้ๆ ทำให้เหยื่อของเขาหลุดมือ เขาอุตส่าห์ใจเย็น เฝ้ารอให้มันมาติดกับดักราวสามสัปดาห์ เหลืออีกนิดเดียวแล้วเชียว ทว่าแม่นี่กลับวิ่งทะเล่อทะล่า ทำให้เหยื่อของเขาตกใจวิ่งหนีเตลิดเข้าป่าลึกกว่าเดิมเข้าไปอีก...
ช่อม่วงกลืนน้ำลายลงคอ ช้อนสายตาเชื่อมมองท่อนขาเรียวยาว กำลังก้าวอาดๆเข้ามา...
เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ บ่าไหลลาดโครงชวนมอง ส่วนใบหน้ารูปเหลี่ยมปลายคางมีรอยบุ๋มช่างดูหล่อเหลาชนิดหาตัวจับยาก หล่อกว่าไอ้รามีน ไอ้ผู้ชายเฮงซวยมากมายก่ายกอง...
“นายยังไม่ตอบฉันเลยว่าที่นี่มันที่ไหนกัน ฉันวิ่งหลงเข้าป่ามาลึกขนาดไหนก็ไม่รู้...”
“แล้วตอนที่เอ็งวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาไม่รู้หรือไง ว่าที่นี่ที่ไหน...”
อามันต์ไม่ตอบแต่เปลี่ยนเป็นย้อนถามเสียงดุ ก่อนหย่อนร่างหนานั่งลงกับพื้นไม้ คว้าเอาหม้อดินบนเตาไฟเทน้ำสีดำทมิฬใส่ในกะลาใบเขื่อง เกิดควันพุ่งลอยตัว กลิ่นของน้ำสีดำนั่นฉุนกึก ช่อม่วงเบ้หน้าพลางส่ายหัว...
“ฉันไม่รู้หรอกจ้ะ...ตอนวิ่งเข้ามาน้ำตามันกลบตาไปหมด มองไม่เห็นทิศทางเลย...”
อามันต์ตวัดสายตาขุ่นหันกลับมาทางร่างเล็ก ส่งกะลาในมือให้เจ้าหล่อนด้วยท่าทีแข็งกระด้าง...ไม่ได้คิดจะซักไซ้ต่อ เหตุใดเจ้าหล่อนถึงต้องวิ่งร้องไห้เตลิดเข้ามายังถิ่นต้องห้ามของเขา...
ด้วยเหตุยังเคืองใจ เรื่องเหยื่อที่หนีไป...
“ยาแก้ช้ำใน...กินซะ พรุ่งนี้แผลถลอกจะได้ไม่ระบม”
“ขอบใจจ้ะ”
ช่อม่วงรับมาถือไว้โดยไม่อิดออด จัดการดื่มเพียงรวดเดียวจนหมดเกลี้ยง รสชาติของยาค่อนข้างขมปี๋ และกลิ่นของมันออกฉุนจนแทบอาเจียนทิ้ง
พอสายตาแลเห็นคนทำให้ สาวเจ้าจึงพยายามฝืนกลืนลงคอจนหมดเกลี้ยงในที่สุด...
ไม่รู้สิ...ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกกลัวชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้อย่างที่สมควรจะกลัว ไม่กลัวแม้กระทั่งว่าเขาอาจส่งยาพิษให้เธอดื่มด้วยซ้ำ...
ช่อม่วงช้อนสายตาหวานมองเขาโดยตรง ตอนส่งกะลาในมือกลับคืนเจ้าของ...
“ฉันชื่อช่อม่วง แล้วนายล่ะ...มีชื่อว่าอะไร”
ถามเสียงใสพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานหยด ตอนนี้เธอไม่คิดเสียใจเรื่องแฟนหนุ่มที่นอกใจเลยสักนิด ลืมแม้กระทั่งคำถามก่อนหน้านี้ เธอนั้นอยู่ที่ไหน ลืมแม้กระทั่งตัวเองอาจตกอยู่ในสถานที่อันตรายด้วยซ้ำ...
“ไม่ใช่เรื่องที่เอ็งต้องมาสาระแนอยากรู้...พรุ่งนี้ถ้าไม่มีไข้ ข้าจะให้ลูกน้องพาเอ็งออกจากป่า”
ช่อม่วงผงะถอยห่าง ดึงสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด...
ส่ายหน้าไปมา เธอยังไม่อยากออกจากป่าตอนนี้ แต่ว่าป่าหรือ...
หญิงสาวนิ่วหน้า เหลือบสายตาไปยังหน้าต่าง แลเห็นเพียงความมืดมิดกับเสียงของแมลงตัวเล็กเท่านั้น...
“อย่าบอกนะว่าที่นี่คือ ป่า...ต้อง...ห้าม...” พอนึกถึงป่าต้องห้าม คราวนี้อารมณ์กลัววูบหนึ่งกลับแล่นฉิวเข้ากระทบความรู้สึก ดวงตาหวานเบิกโต กลืนน้ำลายคราวนี้ชักดูยากลำบากกว่าก่อนหน้า...
อามันต์หัวเราะก้อง ลุกเอากะลามาคว่ำไว้บนปากหม้อยา...
“ป่าก็คือป่า...ทำไมจะต้องมีต้องห้ามด้วยล่ะ พวกเอ็งมันใจเสาะ คิดกลัวกันไปเองทั้งเพ”
“แต่พ่อเฒ่าที่หมูบ้านของฉัน...แกเล่าให้ฟังว่าที่นี่น่ากลัวมาก ใครเดินหลงเข้ามา ต้องมีอันเป็นไปหมดทุกราย ไม่เคยมีใครได้กลับออกจากป่าต้องห้ามนี้เลยสักคนเดียว...”
“มันก็แค่เรื่องเล่า...” อามันต์ย้อนเสียงหนัก แต่ไม่คิดจะอธิบายเพิ่ม
เพราะโดยส่วนมากพอชาวบ้านเหล่านั้นบังเอิญเดินมาเจอเขาเข้า ต่างก็พากันวิ่งหนีเตลิดเข้าไปในป่าลึกนู่นแล้ว ยังไม่ทันได้ถามไถ่กันสักคำ คิดเองเออเองกันทั้งนั้นว่าเขาเป็นผีสาง...
อะไรที่ขึ้นชื่อว่าป่า มันย่อมมีสารพัดสัตว์ร้ายอาศัย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอยู่ดีไม่ว่าดี วิ่งไปเจอไอ้เสือลายเข้า ก็ได้กลายเป็นอาหารโอชะของมันไปโดยดุษฎี จะรอดออกจากป่าไปได้อย่างไรเล่า...
“แต่ก็มีคนเดินหลงเข้ามา แล้วไม่ได้กลับออกไปจริงๆนี่...” ช่อม่วงเถียงกลับ หรือว่ามีแต่เธอไม่รู้
“เลิกพูดมากแล้วก็นอนพักได้แล้ว...พรุ่งนี้เอ็งจะได้มีแรงเดินออกจากป่า”
อามันต์บุ้ยปากตัดความรำคาญ โดยให้เจ้าตัวนอนลงเสียที ส่วนเขาจะไปนอนอีกมุมของห้อง งีบหลับสักตื่นให้มีเรี่ยวแรง กะว่าเช้ามืดเขาจะปีนขึ้นไปดูไอ้พญาเสียหน่อย มันคงเตลิดไปซ่อนตัวได้ไม่ไกล ยังไงมันต้องย้อนกลับมาหาเหยื่อของมันอีกเป็นแน่แท้...
ทว่าช่อม่วงกลับไม่ยอม เจ้าหล่อนถลาพรวดมาทางเจ้าแห่งป่า ชะโงกใบหน้าหวาน ก้มมาจนเกือบสัมผัสถูกใบหน้าคมคาย ปลายจมูกโด่งเล็กเฉียดฉิวไปหน่อยเดียว
“อะ...ฉันขออยู่ต่อสักวันสองวันได้ไหม...ฉันยังไม่อยากกลับออกไปเห็นหน้าไอ้คนทรยศ...”
ช่อม่วงต่อรองด้วยน้ำเสียงฉุนกึก ยังไงก็ยังไม่เลิกหายโกรธไอ้อีสองคนเลวนั่นเร็วๆนี้แน่นอน...
ไม่เพียงแต่ขออยู่ต่อ ช่อม่วงยังเผลอวางมือถูกเป้าตุงโดยไม่ได้ตั้งใจ..
“เฮ้ย!ไม่ได้...” อามันต์สะดุ้งโหยง หลุดปากส่งเสียงร้องลั่น พร้อมกับเผลอผลักร่างบางจนปลิวกระแทกลงกับพื้น เล่นเอาสะโพกมนขัดยอกเลยทีนี้ แผลเดิมยังไม่ทุเลา มาเพิ่มแผลใหม่เสียอีกแล้ว...
“โอ้ย!...เจ็บนะ...” หญิงสาวสูดปาก ยกมือคลำสะโพกตัวเองปรอยๆ เจ็บจนรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว น้ำใสเอ่อกลบดวงตากลมโตทั้งสองข้าง
“ทำไมต้องทำรุนแรงกับฉันด้วยฮะ !...”
“ก็ใครใช้ให้เอ็ง กระโจนเข้ามาหาข้ากะทันหันล่ะ...เป็นใครมันก็ตกใจกันทั้งนั้น”
“ฮือ...กระดูกหักหรือก็เปล่าไม่รู้”
ช่อม่วงไม่เพียงแค่ส่งเสียงบ่น เจ้าหล่อนยังถลกผ้าถุงขึ้นมาถึงต้นขาอ่อน พลิกขากดหัวเข่าลงกับพื้นไม้ บิดเอวพร้อมดึงเนื้อผ้าเนื้อนุ่มขึ้นมาถึงเอวคอดกิ่ว จนแลเห็นก้นขาวราวน้ำนม...
อามันต์กะพริบตาปริบ ความเป็นเขาตื่นเพลิด น้ำลายชักเริ่มสอ ความขาวลออของผิวสาว พอยิ่งมาสะท้อนกับแสงจากดวงจันทร์ พาลทำเอาอารมณ์วาบหวามเต้นระริกระรี่ เลือดลมในกายพากันพลุกพล่านร้อนฉ่า หัวหยักสีคล้ำดันเนื้อกางเกงจนเสียวปลาบ...
“ซีด...เจ็บชะมัด” คนไม่รู้ตัวเองยังบ่นอุบ เลื่อนมือสัมผัสเนื้อแน่นแถวสะโพก ขยับตัวอีกนิดจนก้นลอยเด่นขึ้นจากพื้นไม้กระดาน...
ท่วงท่าคล้ายนางในวรรณคดีกำลังบิดกายเชิญชวนหมู่ภมร...
“เอ็ง...เอ็ง...เอ่อ...เจ็บมากเลยเหรอ”
อามันต์ส่งเสียงถาม กระเถิบร่างแข็งแกร่ง ค่อยๆคืบคลานเข้าใกล้แม่เสือสาวดาวยั่วโดยใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที ช่อม่วงเหมือนเพิ่งได้สติ เจ้าตัวรีบเงยหน้าขึ้นมองมาทางชายหนุ่ม ก่อนสะดุ้งโหยงตอนเห็นเขากระเถิบเข้ามาใกล้ตัวเกินพอดี...
“อะ...ใกล้เกินไปหรือเปล่า ถอยห่างอีกนิดก็ได้มั้ง...”
สาวเจ้าพูดแก้เก้อ มือข้างหนึ่งรีบดึงผ้าถุงลงมาปิดบังเนื้อสาว ผิวแก้มร้อนระเรื่อขวยเขินแต่ก็ยังทำใจกล้า ช้อนสายตาสบกับเจ้าป่าหนุ่มหล่อ...
“มา...ให้ข้าดูแผลให้ เอ็งคงดูไม่ถนัดหรอก เมื่อกี้เอ็งบอกกับข้าว่าชื่ออะไรนะ...”
“ช่อม่วงจ้ะ...”
ช่อม่วงอยากจะค้อนเขานัก...ทีอย่างนี้ละ...ทำมาอยากรู้จักชื่อเธอขึ้นมาเชียวนะ ก่อนหน้ายังบอกว่าเธอสาระแนอยู่เลย...หากถึงกระนั้นช่อม่วงไม่ได้ถือโทษเก็บเอามาเป็นอารมณ์แต่อย่างใด
เขาสนใจตัวเธอขึ้นมาแล้วเลิกขับไล่ไสส่ง ถือว่าเข้าทางตนเองพอดี...
อามันต์ยิ้มกรุ้มกริ่มส่งให้สาวเจ้า เลียริมฝีปากแห้งผาก หลุบสายตามองขาขาวๆ ใจคอไม่ค่อยสู้ดี
อารมณ์หนุ่มคึกคักจนเขาแอบปรามตัวเองอยู่ในใจ ใจเย็นๆหน่อยโว้ยไอ้อามันต์ เดี๋ยวเหอะ...ผู้หญิงเขาจะกลัวความบ้ากามของเอ็ง จนหัวหดกันพอดี...
คิดว่ายังไงเสีย คืนนี้ท่าจะต้องออกแรงสักหน่อยแล้วกระมัง ตอนแรกก็ว่าจะไม่ทำ สาวเจ้ากลับมาอ่อยให้ท่า ใจเขาก็สั่นคลอน...
“ชื่อเพราะเสียจริง...ส่วนข้ามีชื่อว่าอามันต์...ไหน...เอ็งเจ็บตรงไหน มาให้ข้าดูหน่อยสิ ขาจะช่วยทายาให้เอ็งไง มืดๆแบบนี้เอ็งคงทาไม่สะดวก...”
ช่อม่วงกลั้นยิ้ม ตีสีหน้าดูไร้เดียงสา พึงพอใจกับปฏิกิริยาเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหวของชายหนุ่มตรงหน้า ทำอย่างไรได้เธอสะดุดใจกับรูปร่างหน้าตาเขานี่นา หล่อเหลากว่าผู้ชายในหมู่บ้านทั้งหมดจับมัดมารวมกันเสียอีก...
“จะดีเหรอ...ฉันเอ่อ...เกรงใจนายน่ะ”
“หรือว่าเอ็งกลัว...”
“ไม่ๆฉันไม่ได้กลัว...แต่ว่า...” หญิงสาวก้มหน้างุดแสร้งทำทีเป็นคิดไตร่ตรอง
“ก็ได้จ้ะ...” ท้ายที่สุดก็พยักหน้าอนุญาตอยู่ดี
อิดออดไปอย่างนั้นเอง ไม่ใช่อะไรกลัวเขาเปลี่ยนใจเพราะนึกรำคาญเธอนี่ละ...
ช่อม่วงต้องสะกดความเขินอาย ถลกผ้าถุงผืนน้อยขึ้นมาไว้เหนือเอว จงใจเปิดเผยเนื้อตัวให้อามันต์ได้เห็นเต็มตา...
“ฉันเจ็บตรงนี้จ้ะ...” หญิงสาวชี้ตรงบริเวณแถวสะโพกขาวเนียน
ความขาวเนียนตาพุ่งทะยานเข้าใส่ชายผู้โดดเดี่ยว ทว่าไม่เดียวดายนานเข้าจังเบ้อเร่อ...
“ขยับมานั่งใกล้ๆข้าหน่อย...แล้วปลดผ้าถุงออกเสีย ข้าจะได้ทายาได้ถนัดหน่อย”
ช่อม่วงรีบทำตามอย่างว่าง่าย ขยับร่างเข้าหาทั้งที่ตอนนี้เขาแทบจะนั่งสิงร่างเธอได้รอมร่ออยู่แล้วก็ตาม เธอถอดผ้าถุงออกทางปลายเท้า ขยับร่างบอบบางเข้ามาประชิดเจ้าของคำสั่ง ความอวบอิ่มแห่งวัยสาว ปรากฏเด่นแก่สายตา มันอวบอูมสดใหม่ จนอามันต์ตาลุกวาว แทบกลายร่างเป็นเสือหิวได้ในบัดดล...
“เอ็งช่างสวยถูกใจข้ายิ่งนัก...ช่อม่วง”
อามันต์ชมเสียงกระเส่า เอื้อมมือหยาบสัมผัสลงกับโคนขาอ่อน เขาจงใจลูบไล้วนเวียนลงกับเนื้ออ่อนนุ่ม จนทำเอาขนในกายสาวลุกซู่
ทว่ายังไม่คิดจู่โจมดอกชบากลีบหวาน สองกลีบสาวนั้นปิดสนิทบ่งบอกว่าแม่สาวผู้นี้ยังคงความบริสุทธิ์หรือไม่ก็ไม่ค่อยได้ใช้งาน
อามันต์เพียงปรายตามองไว้อย่างหมายมาด ประเดี๋ยวเขาจะจับซดน้ำจากหอยหวานๆนั้นเสียให้เกลี้ยงเชียว...
“แต่ฉันเจ็บไม่ได้เจ็บตรงนั้นสักหน่อย...นายกำลังทายาให้ผิดจุดอยู่หรือเปล่า”
ช่อม่วงหนีบเรียวขาปกปิดส่วนอล่างฉ่าง ชี้ตรงสะโพกให้เขาเห็น พร้อมกับส่งเสียงประท้วงคนทายาให้ว่า เขาทาผิดตำแหน่ง ยังไงเธอก็ยังเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง ขอเล่นตัวสักนิดสักหน่อยเถอะ แต่ก็เล่นให้พอเป็นพิธีเท่านั้นแหละ ไม่คิดทำให้เขาหงุดหงิดรำคาญใจ...
ช่อม่วงมีความอยากรู้ อยากลอง รวมถึงภาพติดตาตอนอดีตแฟนหนุ่ม กำลังนัวเนียอยู่กับอีมะเฟืองพี่สะใภ้แสนชั่ว มันทำให้เธอนั้นอยากลองและทำแบบนั้นบ้าง...
ยิ่งมาเจอหนุ่มหน้าตาถูกใจ รูปร่างเขาช่างสูงใหญ่ หน้าอกผึ่งผาย บ่าไหล่กำยำล่ำสัน ใจเธอมันเลยเต้นระริก อยากได้เขามาเป็นครู ช่วยสอนสั่งให้เธอได้รู้ การร่วมรักนั้นเป็นเช่นไร...
“อา...ขอโทษทีตามันลายไปหน่อย”
คนตาลายกลืนน้ำลายอีกอึกใหญ่ หรี่ตาลงมองร่างกึ่งเปลือยอวบอิ่มด้วยแววตาหื่นกระหาย โชคดีแสงสว่างในห้องนั้นเป็นเพียงแสงสลัว ไม่ได้สว่างไสวเช่นตอนกลางวัน มันเลยช่วยบดบังสายตาของสาวเจ้า ไม่ให้เห็นความกระหายอยากจากเจ้าแห่งป่าดงดิบ ไม่เช่นนั้นช่อม่วงคงได้ขวัญกระเจิง กู่ไม่กลับเป็นแน่แท้...
เขาป่ายมือมาบนสะโพกกลมมน วางแหมะไว้ตรงนั้นชั่วครู่ ทำทีเป็นตั้งอกตั้งใจนวดคลึงยา กะน้ำหนักมือให้กำลังดี จนคนถูกนวดยาเคลิบเคลิ้ม หากฉะนั้นเพียงแวบเดียวที่เผลอใจ ฝ่ามือเจ้ากรรมกลับสอดผ่านลงมายังด้านหน้า จงใจขยี้เส้นไหมอ่อนนุ่มเพื่อเป็นการลองเชิง พอเห็นหญิงสาวไร้ท่าทีขัดขืน เจ้าป่าหนุ่มจึงเปลี่ยนเป็นจุ่มปลายนิ้ว สะกิดถูกปุ่มกระสันเม็ดเล็ก ทำเอาช่อม่วงสะดุ้ง เกร็งลำขาเพรียวโดยอัตโนมัติ...
“อืม...ไม่...ไม่...ใช่...ตรงนั้นเหมือนกันจ้ะ”
คนถูกโจมตีกลีบสาวชนิดกะทันหันสะท้านไหว หลุดเสียงร้องระโหยยามเอ่ยปากปฏิเสธ ฟังดูตะกุกตะกักไม่มั่นคงสักนิด ส่วนของใบหน้าหวานก็แดงซ่าน หญิงสาวเชิดปลายคางขึ้นสูงเด่น ตอนปุ่มกระสันเม็ดจิ๋วถูกขยี้ด้วยปลายนิ้วแรง เร็วและถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ริมฝีปากอิ่มเผยอค้าง นัยน์ตาสีนิลทั้งคู่ดูหม่นแสงลงเรื่อยๆ แล้วก็ปิดสนิทลงในที่สุด ปล่อยให้เขากระทำกับร่างกายเธอด้วยความเต็มอกเต็มใจ ความเสียดเสียวรุนแรงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แล่นลิ่วจนทั่วทั้งตัว ให้ความรู้สึกช่างดีแสนดี...
“อา...อะ...อะ...อูยยยย...ไม่คิดว่าจะให้ความรู้สึกดีเช่นนี้ ถึงได้ว่าไอ้รามีน มันถึงได้ร่ำร้องอยากจะได้จากเธอนัก...”
ช่อม่วงปล่อยเสียงร้องครางระงม ยังมิวายหวนนึกถึงคนรักแสนชั่ว ส่งให้เรียวขาที่หนีบไว้ค่อยๆเปิดอ้าแบะออกทีละน้อย ความอวบอูมซึ่งถูกปกปิดไว้ด้วยเส้นไหมสีดำสวยสมวัย มันค่อยๆแง้มแยกกลีบออกจากกันทีละน้อย จนกระทั่งพานพบเข้ากับเนื้อในสีชมพูสด อามันต์ส่งดวงตาลุกวาวมองปาดความงดงามยิ่งกว่าดอกไม้แรกแย้ม ด้วยความพึงพอใจสุดๆ...
“เอ็งมันสวยเหลือเกิน...”
เขาไม่เพียงแค่ชม ยังบดขยี้มณีเม็ดเล็กอย่างอดใจเอาไว้ไม่ไหว ก่อนกดปลายท้องของนิ้วมือ เพิ่มน้ำหนักถูไถจนทั่วกลีบผกาแย้มบาน ความชุ่มฉ่ำไหลทะลักออกมาอีกระลอก...
“ทาเผื่อเอาไว้...ว่าแต่...แล้วเอ็งชอบให้ข้าทาตรงนี้ไหมล่ะ...”
ส่วนคนจงใจทายาผิดตำแหน่งยังมีหน้ามาถามกลับเสียงกระเส่า เขาเหยียดปลายนิ้วยาวถูไถกลีบผกาอ่อนนุ่มจนเริ่มมีน้ำไหลซึม ถือเป็นการจุดไฟในกายสาวให้ลุกโหมกระพือ ถ้าเดาไม่ผิดสาวเจ้าผู้นี้คงผ่านสมรภูมิกามมาไม่มาก สังเกตจากท่าทางเงอะงะ นี่คงอยากลองอยากรู้เสียมากกว่ากระมัง
เอาเถอะ ถือว่าเจ้าหล่อนมาให้เอาถูกคนเสียด้วย เขาเองเรื่องอย่างนี้ช่ำชองไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว ถ้าอยากเล่นกับไฟเขาก็จัดให้
“แต่มันเสียว...แล้วก็เหมือนจะลอยได้ด้วยจ้ะ...”
ช่อม่วงบิดตัวตามแรงอารมณ์ปั่นป่วน หน้าอกเธอรู้สึกตรึงแน่น แถวหน้าท้องแบนราบ ก็ชักตึงเครียด คล้ายถูกของร้อนนาบทับเอาไว้ด้วยเหมือนกัน ด้วยยังไร้ประสบการณ์ พอถูกรุกหนักเข้าหน่อย ช่อม่วงเลยทำได้เพียงทิ้งตัวลงนอนราบ แอ่นตัวโค้งรับแรงเสียดสีจากปลายนิ้วที่อามันต์กำลังยัดเข้าหาในจังหวะเนิบช้า...
“ดีเหลือเกิน...”
เสียงพร่ารำพึงรำพัน เจ้าหล่อนส่ายศีรษะจนเส้นผมอ่อนนุ่มกระจายทั่วแผ่นไม้ ความรัญจวนที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบมาก่อน สร้างความหฤหรรษ์เพลิดเพลิน จูงใจให้เธอสมยอมโดยดุษฎี...
ถึงได้ว่า...ทำไมไอ้อีคนทรยศสองคนนั้นถึงได้หลบซ่อนมาทำกันลับหลัง มันให้ความสุขสำราญอย่างนี้นี่เอง...
อามันต์สะบัดกางเกงตัวเดียวบนร่าง จนหลุดลุ่ยกระเด็นกระดอนลงไปกองอยู่บนพื้นใกล้ตัว เขาโหย่งกายสูงล่ำสันลอยจากพื้น คร่อมร่างอรชรไว้ก่อนแนบใบหน้าครามคมเข้าหากลีบผกางดงาม ก้มลงบดจูบด้วยอารมณ์ร้อนแรง...
ช่อม่วงสะดุ้ง ก่อนสั่นเทาไปทั้งร่างด้วยแรงพิศวาสรัดรอบตัวเธออย่างเหนียวแน่น...
“อา...อา...อืม...อุ๊ย...นาย...ตรงนั้นกินไม่ได้นะ”
หญิงสาวครางไป ร้องห้ามไป สีหน้าแดงจัด รู้สึกว่ามันไม่ควร แต่เขาก็ไม่ฟังเอาเสียเลย...
ช่อม่วงแยกเรียวขาออกกว้าง ไม่อาจฝืนทนต่อการโลมเลีย ทั้งปากทั้งลิ้น เธอรู้สึกซ่านสยิวยามเมื่อเขาแหวกว่ายช่อผกาด้วยปลายนิ้วทั้งสอง ฉกปลายลิ้นร้อนกวาดน้ำหวานจนมันแห้งเหือด หากเพียงไม่นานน้ำหวานกลับผลิตขับออกมาให้เขาได้ดื่มกินอีกไม่ขาดสาย ลิ้นร้อนถูกบีบแน่น จนอามันต์ต้องรีบสอดปลายนิ้วเข้าช่วย คว้านผนังนุ่มเสียงดังกึกๆ ช่อม่วงทั้งเสียว ทั้งรัญจวน โดยสัญชาตญาณสอนให้เธอกระดกบั้นเอวขึ้นลอยจากพื้น ช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาอีกแรง...
ช่อม่วงทั้งเจ็บทั้งเสียว เลยส่งเสียงร้องลั่นกระท่อม ความเสียดเสียวพุ่งทะยานราวถูกลูกธนูปัก มือทั้งสองข้างจิกเกร็งขูดลงกับเนื้อไม้โดยไม่กลัวเล็บจะหัก จนเมื่อสมองเริ่มขาวโพลน อารมณ์บางอย่างแตกกระจายเป็นผุยผง เธอจึงส่งเสียงกรีดร้องยาว รู้สึกเหมือนเขื่อนน้ำในกายกำลังไหลทะลัก...
“อืม...หวานเหลือเกิน...น้ำหอยเอ็งนี้ถือว่าเด็ดของจริง...”
อามันต์ดื่มน้ำทิพย์จนพอได้หายอยากขึ้นมาบ้าง คนช่ำชองในกามจึงกดปลายจมูกโด่ง สูดดมกลิ่นสาวสะพรั่งระเรื่อยขึ้นมาจนถึงแอ่งกลางลำตัว พร้อมเลื่อนริมฝีปากมาสะกิดสะดือน้อย สะบัดปลายลิ้นหยอกเอินอยู่ชั่วครู่ มือข้างว่างดันชายเสื้อคอบัวขึ้นจนติดปลายคางมน ค้างมันไว้เหนือฐานปทุมมาลย์ขาวแฉล้มน่าดูด ชายหนุ่มตวัดสายตาสำรวจความงดงามโดยไม่ให้เสียเวลา...
ฐานบัวนั้นเนื้อแน่นขาวดีเสียจริง ส่วนตรงปลายหัวจะงอย ยังเป็นสีชมพูสวยสด บ่งบอกว่าสาวเจ้ามิค่อยได้ใช้งานอีกเช่นกัน ตอนนี้มันชูชันบิดตัวเป็นเกลียวคลื่น คนกำลังหื่นในกามแลบปลายลิ้นชมพูยาวเลียลงตรงยอมชูชันนั่น ร่างงามถึงกับบิดเร่า ม่านนัยน์ตาเบิกโต
เธอแอ่นอกขึ้นรับแรงดูดราวเคลิ้มฝัน วาดฝ่ามือน้อยกดศีรษะได้รูปสวยให้ชิดติดกับฐานอก ส่งเสียงร้องสะอึกสะอื้น ต้องการให้เขาเลียเธอแรงๆกว่านี้...
“พี่อามันต์จ้า...ฉันเสียวหัวนม...”
ริมฝีปากร้อนครอบงับเม็ดปทุมมาลย์สลับทั้งซ้ายขวา ระรัวลิ้นจนยอดอกทั้งสองตั้งชูชัน ขบเม้มบ้าง กัดบ้าง อีกมือก็คอยขยำนวดเฟ้นเอาอกเอาใจ จนกระทั่งลำเขื่องที่กำลังเต้นตุบตับดุนดันอยู่บนท้องน้อย เริ่มประท้วง เร่งให้เขารีบจัดการเร็วรี่ก่อนมันระเบิดออกมาให้เสียเชิง...
อา...ปวดลำฉิบ
อามันต์ชักสีหน้าเหยเก กวาดมือลงลูบคลำตรงหัวบาน ใช้เข่าดันแยกเรียวขาเพรียวออกกว้าง จัดท่าทางให้สาวเจ้าพรักพร้อมสำหรับออกศึกใหญ่ ช่วยดึงเสือคอบัวจนหลุดปลิวตกไปกองรวมอยู่กับกางเกงของตัวเอง โน้มกายหนาลงหา จูบซับเรียวปากหวานนุ่ม บดเบียดเนื้อนิ่มกรุ่นกลิ่นหอมชื่นใจ...
“ให้ขาเอาเอ็งสักครั้งนะ...ช่อม่วง ข้าอยากกระแทกเอ็ง จนทนไม่ไหวแล้วตอนนี้”
“ฉันจะเจ็บไหม...”
“แค่แป๊บเดียว หลังจากนั้นเอ็งจะมีแต่ความสุข”
อามันต์ไม่คิดโกหก คิดว่าขนาดลำเอ็นของเขาที่ขนาดใหญ่โต มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ช่อม่วงจะไม่เจ็บ ไม่ว่าเจ้าหล่อนจะเป็นสาวบริสุทธิ์หรือไม่ ก็ไม่สำคัญ ยังไงขนาดของเขาคงทำให้เจ้าหล่อนเจ็บอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ในคราวแรก...
ทั้งสองแรกจูบกันดูดดื่ม อามันต์จึงกดสะโพกหนั่นแน่นกะให้พอดีกับความอ่อนนุ่ม เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เอ็นร้อนก็สอดผ่านทะยานเข้าถึงด้านในสุด ปะทะเข้ากับผนังอ่อนนุ่ม...
กึก...
“กรี๊ด!!!!”
ช่อม่วงกระตุกไหวไปทั้งร่าง เจ้าหล่อนผวากอดรัดร่างหนาซึ่งตอนนี้พราวพร่างไปด้วยเม็ดเหงื่อ กรีดเสียงร้องคร่ำครวญ ราวคนถูกน้ำร้อนลวก...
“ชู่ว์...ผ่อนคลายหน่อย เอ็งจะได้หายเจ็บไวไว”
อามันต์กดปลายจมูกซับน้ำตาเอาใจสาว พร้อมพูดปลุกปลอบให้เจ้าตัวหายเกร็ง ที่แท้ช่อม่วงก็ยังไม่เคยนี่เอง ชายหนุ่มยกมุมปากสูง พอใจที่ได้เอากับสาวบริสุทธิ์อีกครั้ง...
“แต่มันเจ็บเหมือนฉันจะตาย...” ช่อม่วงอุทธรณ์สีหน้าเจ็บปวดดูน่าสงสาร แต่ถึงกระนั้นอามันต์ไม่คิดจะหยุดลงแต่เพียงเท่านี้แน่ ของสดใหม่ไร้รอยราคี ให้เขาเอาสักสองวันติดก็ยังไหว...
“เดี๋ยวเอ็งก็จะได้ขึ้นสวรรค์ไง...”
ดวงตากลมใสคลอเบ้าด้วยหยาดน้ำ เหลือบมองใบหน้าครามคม ฝืนยิ้มให้เขา...
“ฉันอยากขึ้นสวรรค์”
เพียงสิ้นเสียงคำหวาน สะโพกแข็งแกร่งราวค้อนทุบก็เริ่มปฏิบัติการ ทุ่มแรงโหมขย่ม โยกเข้าโยกออก ร่างน้อยขยับไหวตามแรงกระแทกกระทั้นไม่หยุดหย่อน กลีบผกาบวมช้ำตอนนี้มันเอาแต่บิอ้า ดุ้นร้อนสอดเสือกลึกถึงโคนลำ อยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักหายใจหายคอ...
ความเจ็บมีเพียงเศษเสี้ยวส่วนที่เหลือคือความเสียวล้วนๆ นี่เองคือสวรรค์ ช่อม่วงได้ขึ้นมันแล้ว ช่อม่วงรู้สึกมีความสุข..
“อา...กดลงมาให้แรงกว่านี้อีกสิจ๊ะพี่อามันต์ ช่อม่วงอยากขึ้นสวรรค์ชั้นสูงๆ”
มันมาพร้อมอารมณ์หลากหลาย บางครั้งบิดเป็นเกลียวคลื่น บางครั้งอ่อนโยนราวสายไหม ยิ่งเจ้าของร่างแข็งแรงโหมกระหน่ำลำตัวเข้ากระทั้นหนักหน่วง เหมือนหัวใจเธอมันกำลังจะปลิดปลิวตามแรงกระสันเหล่านั้นออกไปทุกที...
“เสร็จพร้อมกันเลยนะช่อม่วง...เสร็จแล้วข้าจะพาเอ็งไปชมพระจันทร์”
สองร่างเกร็งกระตุกพร้อมกับส่งเสียงคำรามลั่นป่า...
อามันต์กระเด้าเอวสอดใส่ร่องสวาทอีกสองสามครั้ง จนแน่ใจว่าเขาปลดปล่อยจนหยดสุดท้าย ร่างสูงซึ่งเต็มไปด้วยพละกำลังเหนือกว่าสัตว์ป่าทุกตัว ตวัดเอวคอดกิ่วมาไว้ในอ้อมแขน บดริมฝีปากดูดดื่มจนหนำใจ ทแยงลำเอ็นดุ้นใหญ่ที่พรักพร้อม สอดลึกกลับเข้าร่องสวรรค์อีกครั้ง
ช่อม่วงหอปากยื่นเสียวสะท้านจนถึงยอดอกเต่งตึง ยังไงเธอก็ยังไม่คุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอมเท่าไหร่นัก เขาอุ้มพาร่างอ่อนปวกเปียกด้วยยังสวมใส่แนบชิด เดินมาด้วยท่าทีมั่นคง พร้อมกับวางร่างที่เอาแต่ส่งเสียงครางระโหย จับเจ้าหล่อนหันหน้าออกมาด้านหน้าต่าง ดึงมือทั้งสองข้างของหญิงสาวจับขอบไม้เอาไว้อย่างมั่นคง
อามันต์ดึงลำกายออกแต่ยังไม่หลุด เขาโก่งตัวแตะริมฝีปากชื้น จูบพรหมแผ่นหลังนุ่ม แล้วกระเด้าสะเอวเข้ามาจากส่วนด้านหลังเสียงดังกึก กึก ท่านี้ทั้งลึก ทั้งสุด ช่อม่วงห่อปากส่งเสียงหวีดร้องเสียงสนั่นกระท่อม ร่างเล็กสั่นไหวแต่ก็มีความสุขจนเหลือล้น แม้จะเจ็บเสียดในคราแรกแต่ก็สร้างความสำราญในใจเธอไม่น้อย ก่อนเกร็งบั้นท้ายสวนกลับชายหนุ่มบ้าง เขาค่อยๆกระซิบสอนให้เธอได้เรียนรู้...
“อา...อะ...ดีมาก...ขมิบแบบนั้นแหละ...อา...ใช่..”
อามันต์ถูกอกถูกใจนักเรียนหัวไวคนนี้นัก ดังนั้นเขาจึงคิดว่า มีกี่วิชากี่บทเรียน เขาจะงัดเอามาสอนให้เจ้าหล่อนคนนี้จนหมดทั้งเกลี้ยงทั้งตัวเขานี่แหละ...
***************************************