02
พี่ชายที่แสนดี
รักแรกพบ...หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องเพ้อฝันและไม่มีจริงสำหรับเด็กอายุน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างเอิงเอยที่หลงรักหนุ่มรุ่นพี่ซึ่งเป็นพี่ชายข้างบ้านของเธอเอง
...ย้อนกลับไปในงานวันคล้ายวันเกิดของมังกรที่อายุครบสิบห้าปีบริบูรณ์ ที่จัดเป็นงานเล็ก ๆ ขึ้นภายในบ้านของเขาเองที่อยู่ติดกันกับบ้านของเธอ และแน่นอนว่าครอบครัวเธอถูกเชิญให้ไปร่วมงานเพราะทั้งสองบ้านค่อนข้างที่จะสนิทสนมกันราวกับเป็นญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกันก็ไม่ปาน ร่างเล็กของเด็กสาวในชุดเดรสกระโปรงสีชมพูอ่อนหวานเดินถือกล่องของขวัญวันเกิดที่ตั้งใจเลือกซื้อให้เจ้าของงานเดินเข้าไปหาชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เดินออกมาจากบ้านทันที
“สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่มังกร นี่ค่ะของขวัญเอยตั้งใจเลือกให้พี่มังกรเลยค่ะ” เด็กสาวในวัยสิบสองปีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพร้อมยื่นกล่องของขวัญในมือให้กับเด็กชายตรงหน้าที่อายุมากกว่าเธอสามปี
“ขอบคุณครับนางฟ้าน้อยของพี่” มังกรรับกล่องของขวัญจากมือเล็กมาถือไว้ก่อนจะใช้มืออีกข้างยกขึ้นลูบศีรษะทุยเล็กอย่างเอ็นดูเพราะเขารักและเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้าเหมือนน้องสาวอีกคน ทั้งสองพูดคุยเล่นกันสักพักอย่างสนิทสนมก่อนที่ผู้ใหญ่จะเรียกให้ไปรับประทานอาหารเย็นพร้อม ๆ กัน
“ทานเยอะ ๆ นะจะได้โตไว ๆ” เด็กหนุ่มตักอาหารในจานให้กับเด็กสาวพร้อมเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มใจดีทำให้เอิงเอยอดที่จะยิ้มเขินไม่ได้กับความอ่อนโยนเอาใจใส่ของเขา
“ลำเอียงอะน้องนุ่งไม่เคยจะตักให้บ้างเลย นี่ถ้าเป็นคนอื่นน้องจะคิดว่าพี่มังกรกำลังจับจองเอิงเอยอยู่นะเนี่ย” เมลบีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความน้อยใจอย่างไม่จริงจังนักที่พี่ชายนั้นไม่ได้ตักอาหารให้เธอเลยนอกจากเอิงเอยเด็กสาวรุ่นน้องที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“พูดไปเรื่อยนี่กินเข้าไปเลย แต่ถ้าพี่จะจีบเอิงเอยจริง ๆ เราอยากได้พี่สะใภ้แบบนี้หรือเปล่าล่ะ” ประโยคคำถามจากเขาทำให้เอิงเอยชะงักไปใบหน้าเรียวเล็กแดงเรื่ออย่างเขินอายที่มังกรพูดแบบนั้นก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกันกับเธอหรือเปล่านะ
“น้องหน้าแดงหมดแล้ว พูดแบบนี้ต้องรับผิดชอบน้องด้วยนะ” เมลบีเอ่ยออกมาทำให้เขาหันมองเด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยรอยยิ้มแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
หลังจากนั้นสามปีพ่อและแม่ของเอิงเอยก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุพร้อมกันทั้งสองคนและในวันนั้นเป็นวันที่เด็กสาวที่เติบโตเพียงแค่อายุสิบห้าปีรู้สึกราวกับโลกทั้งใบพังทลายลงในพริบตาทันทีที่ทราบข่าวว่าได้สูญเสียคนสำคัญในชีวิตสองคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ไปพร้อมกัน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตของเด็กสาวอายุแค่นี้ต้องมาเจอกับเรื่องโหดร้ายแบบนี้
“ฮึกฮือ~ คุณพ่อคุณแม่ขาแล้วหนูจะอยู่กับใคร ฮือออ...อย่าทิ้งหนูไป” เสียงร่ำไห้ราวกับจะขาดใจของเด็กสาวในชุดดำที่ยืนอยู่หน้าเมรุเผาศพโดยมีหญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นแม่ของมังกรยืนปลอบให้กำลังใจอยู่ไม่ห่างด้วยความสงสารและเห็นใจ ที่เด็กสาวตัวเล็กอายุเพียงแค่นี้ต้องมาเจอะเจอกับเรื่องราวสุดโหดร้ายสูญเสียครอบครัวที่เหลืออยู่ไปพร้อม ๆ กันอย่างไม่ทันตั้งตัว ผู้คนที่มาร่วมงานก็ต่างมองมาที่เด็กสาวด้วยความสงสารและเห็นใจเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจของเธอทำให้คนที่ได้ยินต่างน้ำตาคลอไปตาม ๆ กัน
“แม่ครับเดี๋ยวผมดูแลน้องเอง” มังกรเด็กหนุ่มมัธยมปลายเดินเข้ามาก่อนจะเอ่ยบอกกับผู้เป็นแม่ที่ยืนน้ำตาไหลออกมาด้วยความเห็นใจเด็กสาว
“ถ้างั้นเดี๋ยวแม่ไปส่งแขกก่อนนะลูกดูแลน้องด้วย ตอนนี้น้องยังตั้งรับไม่ทัน” หญิงวัยกลางคนบอกกับลูกชายก่อนจะเดินออกไปส่งแขกที่มาร่วมงานเผาในวันสุดท้ายพร้อมกับลูกสาวคนเล็กอย่างเมลบี
“ฮือออ ๆ ๆ ทิ้งหนูไปหมดเลย...ฮึกก คุณพ่อคุณแม่ขามารับหนูไปด้วย ฮือ ๆ ๆ” ดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตานองหน้าเงยหน้ามองเถ้าควันสีเทาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยหัวใจที่แหลกสลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี มันเป็นการยืนยันว่าพ่อและแม่ของเธอนั้นได้จากเธอไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับ
“อย่าร้องไห้สินางฟ้าของพี่ ตอนนี้คุณอาทั้งสองท่านไปสบายแล้วนะแต่ท่านไม่ได้จากหนูไปไหน ท่านแค่เปลี่ยนที่อยู่จากในชีวิตจริงไปอยู่ในความทรงจำของหนูต่างหาก...”
“ท่านยังมองดูหนูอยู่ตลอดเวลาจากบนนั้นไง ท่านคงไม่อยากให้หนูร้องไห้แบบนี้ ท่านยังมองดูความเติบโตของหนูในวันข้างหน้าอยู่นะ”
“ฮึก...”
“ท่านทั้งสองคงอยากเห็นหนูมีอนาคตที่สดใส หากหนูคิดถึงก็ให้นึกถึงท่าน ท่านยังอยู่ในใจหนูตลอดเวลานะ แล้วก็อย่าพูดว่าหนูไม่เหลือใครเพราะหนูยังเหลือพี่”
“ฮึกก...” น้ำเสียงที่อบอุ่นอ่อนโยนปลอบโยนเธอให้รู้สึกดีขึ้น เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคายที่ยิ้มอบอุ่นให้เธออยู่ก่อนที่มือหนาจะบรรจงเช็ดคราบน้ำตาออกจากพวงแก้มแดงก่ำของเธออย่างเบามือ
“จำไว้นะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหนูยังมีพี่อยู่ พี่จะอยู่ข้าง ๆ หนูนับแต่นี้ไป พี่จะไม่ทิ้งนางฟ้าน้อยของพี่เด็ดขาด” คำพูดของเขาทำให้คนฟังจดจำมันขึ้นใจนับตั้งแต่นั้นมา
ห้าปีต่อมา
ตอนนี้เอิงเอยอายุครบยี่สิบปีเธอกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยในช่วงชั้นปีที่หนึ่ง ในชีวิตที่ผ่านมานับว่าเป็นบุญของเธอที่ยังมีพ่อและแม่ของมังกรนั้นช่วยดูแลเธอราวกับเป็นคนในครอบครัวเลยก็ว่าได้ หญิงสาวที่เริ่มเติบโตตามวัยในชุดนักศึกษากำลังตกแต่งหน้าเค้กก้อนใหญ่อยู่ในบ้านที่ถูกเปลี่ยนเป็นร้านเบเกอรี่ขนาดเล็ก บ้านหลังเดิมที่เธออาศัยอยู่กับพ่อและแม่ในวัยเด็กเธอไม่คิดที่จะขายทิ้งหรือเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ไม่ว่าจะมีนายหน้าหลายคนมาถามซื้อและให้ในราคาที่สูงมากก็ตามเพราะนี่คือที่ที่มีความทรงจำที่อบอุ่นของครอบครัวเธออยู่
ส่วนหน้าบ้านเธอใช้เงินเก็บที่พ่อและแม่ทิ้งไว้ให้ต่อเติมขึ้นเป็นร้านเบเกอรี่ ซึ่งจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีนั้นถึงเธอจะไม่ทำงานก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้สบายแต่เธอไม่อยากเป็นผู้หญิงที่ไม่ทำอะไรเลยอยากทำให้พ่อและแม่ที่มองมาจากบนฟ้าได้สบายใจว่าเธอสามารถดูแลตัวเองได้ เธอเข้าเรียนต่อในคณะคหกรรมศาสตร์เพราะรู้ตัวว่าชื่นชอบการทำขนมและอาหารมากจนตัดสินใจเปิดร้านนี้ขึ้นมา
บรื้นนน~
เสียงรถที่เคลื่อนเข้ามาจอดยังบ้านข้าง ๆ ดังขึ้นทำให้ร่างเล็กที่กำลังจะเก็บเค้กที่แต่งเสร็จเข้าตู้ยกยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนสีหวานออกแล้ววิ่งไปหาคนที่คิดถึงอย่างไม่รีรอ
“พี่มังกรกลับมาแล้วเหรอคะ” เอิงเอยวิ่งเข้าไปเกาะประตูรั้วที่เชื่อมต่อกันเพราะความเป็นห่วงของบ้านข้าง ๆ จึงให้ช่างมาทุบกำแพงที่กั้นระหว่างสองบ้านออกเล็กน้อยแล้วใส่เป็นประตูรั้วเหล็กแทนเพราะหากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันทัน
“อื้ม แล้วเรากลับมานานแล้วเหรอ?”
“สักพักแล้วค่ะ วันนี้เอยลองทำขนมสูตรใหม่พี่ช่วยไปชิมให้หน่อยได้ไหมคะ”
“พี่...”
“นะคะ นะ ๆ พี่มังกรคนหล่อของนางฟ้าตัวน้อย นะคะ...” เอิงเอยกะพริบตาปริบ ๆ อย่างออดอ้อนพร้อมกับใช้สรรพนามคำพูดที่เขามักจะใช้เรียกเธอเวลาที่เธองอนหรือน้อยใจทำให้ชายหนุ่มยิ้มขำกับท่าทางของเธอก่อนจะพยักหน้าเป็นอันว่าตกลง
“พี่มังกรน่ารักที่สุดเลยค่ะ มาค่ะเดี๋ยวเอยเปิดประตูให้” ร่างเล็กจัดการเปิดประตูออกเพื่อให้ร่างใหญ่เดินเข้ามาแล้วกอดแขนแกร่งเดินเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี
...มังกรก็ยังคงเป็นคนที่แสนดีและอ่อนโยนกับเธอเสมอมา