เนิ่นนานจนรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจนั่นแหล่ะอีกฝ่ายจึงได้ถอนใบหน้าออกมามองกันด้วยรอยยิ้มหวาน
"อยากกลับห้องจัง อุ๊ยๆ เจ เจ็บๆ"
คำพูดทะเล้นตามมาพร้อมเสียงโอดโอยเบาๆเมื่อโดนบิดท้องแขนไม่เบาจากคนหน้าหวาน
"หื่นนักเดี๋ยวเถอะถ้ามีภาพหลุดไปละก็เจจะให้ปรางเป็นคนรับผิดชอบ"
หึๆ
"ทุกวันนี้ก็รับผิดชอบอยู่แล้วนี่คะ เป็นข่าวก็ดีจะได้จัดงานแต่งเร็วๆ"
จอมทะเล้นไม่มีเสียล่ะที่จะสลด ก็เธอมั่นใจพอสมควรว่าสภาพที่นั่งวีไอพีแบบนี้มันบังสายตาคนอื่นได้ดีพอสมควรคงยากที่จะมีใครคิดพิเรนทร์ลุกขึ้นมาชะเง้อดูคนอื่นว่าทำอะไรกันอยู่นอกจากดูหนังดีไม่ดีคู่อื่นอาจจะทำมากกว่าคู่เธอใครจะไปรู้
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นในช่วงบ่ายของวัน จิณตภัทรเงยหน้าขึ้นจากกระดาษเอสี่ในมือก่อนเอ่ยบอกอนุญาต ไม่นานร่างสูงของพี่ชายก็เดินยิ้มเข้ามานั่งลงเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงาน
"ยุ่งอยู่เหรอเรา"
จิรวัฒน์เอ่ยถามออกไปเมื่อสังเกตุเห็นปึกกระดาษเอสี่ในมือน้องสาวคาดว่าน่าจะเป็นเนื้อเพลงจากบรรดานักแต่งเพลงที่นำมาเสนอ
"ไม่เท่าไหร่ค่ะจิณกำลังดูเนื้อเพลงที่ถูกส่งมาเสนอน่ะพี่วัฒมีอะไรหรือเปล่า"
"อืม พี่จะมาบอกเรื่องงานน่ะจะให้จิณช่วยไปดูแลแทนพี่หน่อย"
"งานอะไรคะ"
จิณตภัทรขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย เรื่องหน้าที่รับผิดชอบงานบางเรื่องพวกเธอก็ไม่ค่อยได้คุยกันหากมันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะต้องช่วยกันตัดสินใจ
"ก็ไปดูแลศิลปินของเราที่ถูกว่าจ้างให้ไปงานเลี้ยงครบรอบปีของบริษัทxxxx วันเสาร์นี้น่ะ พอดีพี่มีนัดคุยกับลูกค้าเขาเลื่อนไปเป็นวันเสาร์พอดีเลยจะให้จิณช่วยไปดูแลแทนพี่หน่อย"
"อ๋อ เรื่องนี้เองไม่มีปัญหาค่ะเดี๋ยวจิณไปแทนได้"
เรื่องการออกไปดูแลศิลปินในค่ายถ้าหากว่ามีนักร้องไปหลายคนไม่จิรวัฒน์หรือเธอจะต้องติดตามไปดูแลพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องด้วย ยกเว้นงานว่าจ้างเล็กๆที่ศิลปินสามารถดูแลตัวเองได้ระดับผู้บริหารก็จะปล่อยให้ผู้จัดการดูแลกันเอง ซึ่งงานที่พี่ชายพูดถึงเป็นงานค่อนข้างจัดใหญ่เพราะเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจแขกรับเชิญที่ถูกว่าจ้างไปโชว์ตัวก็มีทั้งดารานักแสดงและศิลปินในค่ายเธอก็ถูกว่าจ้างไปถึงสามคน
"ถ้างั้นคืนนี้จิณก็ต้องเตรียมตัวจัดกระเป๋าได้แล้วนะ ต้องออกเดินทางพรุ่งนี้แล้วห้องพักพี่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว"
"แล้วจิณต้องไปพร้อมทีมสตาฟของเราใช่ไหมคะ"
"ใช่ไม่ต้องขับรถไปเองนะพี่เป็นห่วงไปพร้อมทีมงานเรานั่นล่ะส่วนนักร้องเขาไปกับผู้จัดการวันเสาร์ จิณแค่ไปคอยดูแลเผื่อมีอะไรฉุกเฉินแค่นั้นแหล่ะ"
จิรวัฒน์อธิบายโดยละไว้หนึ่งเรื่องคือคนที่จะมารับน้องสาวเขาพรุ่งนี้ ขืนบอกไปเชื่อว่าจิณตภัทรคงหาทางเลี่ยงขับรถไปเองแน่ๆ
"โอเคค่ะ จิณจะได้เตรียมตัว"
หลังจากพี่ชายออกจากห้องไปใบหน้าใสก็เหม่อออกไปทางหน้าต่างกระจก หลังจากได้มีเวลาเจอหน้าพูดคุยกันตั้งแต่วันวาเลนไทน์เธอก็ไม่ได้เจอกับอัยศิกาเลยจนกระทั่งตอนนี้ แต่งานนี้คงจะหนีหรือหลบหน้ากันไม่พ้นเมื่อพี่สาวคนสวยต้องไปดูแลคุมงานโดยตรงในเมื่อบริษัทของอัยศิกาถูกว่าจ้างมาติดต่อกันสี่ปีแล้วเรื่องออแกไนท์งาน
เสียงรถยนต์ดังเข้ามาจอดหน้าบ้านในเวลาเก้าโมงกว่า
ร่างสูงเพรียวเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย
"อ้าวหนูอัย มารับน้องเหรอหรือลูก"
พรทิวาทักทายสาวสวยว่าที่ลูกสะใภ้
"สวัสดีค่ะคุณป้าคุณลุง อัยมารับจิณค่ะ"
"นั่งรอน้องก่อนลูก เพิ่งทานอาหารเช้ากันไปสักพักตอนนี้คงไปอาบน้ำแต่งตัวอยู่"
อัยศิกายิ้มรับก่อนจะเข้าไปนั่งลงโซฟารับแขกข้างผู้ใหญ่
"งานปีนี้เขาจัดใหญ่กว่าทุกปีใช่ไหมหนูอัย"
จักรกฤษเอ่ยถามลูกสาวเพื่อนที่เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
"ใช่ค่ะคุณลุง อัยกับทีมงานเลยต้องเตรียมตัวค่อนข้างเยอะไม่อยากให้มีปัญหาอะไรค่ะ"
"อืมดีแล้วลูก แต่ลุงเชื่อว่าหนูจัดการได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะงานระดับประเทศยังเคยผ่านมาแล้วนี่"
"ถึงยังไงอัยก็ไม่กล้าประมาทค่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นสู้เราเตรียมพร้อมตลอดเวลามันรู้สึกสบายใจกว่าค่ะ"
จักรกฤษพยักหน้ายิ้มเอ็นดูเห็นด้วยกับสาวรุ่นลูก อัยศิกาไม่ได้มีดีเพียงหน้าตา แต่ที่ผ่านมาลูกสาวเพื่อนคนนี้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นมาหลายปีว่าเธอสามารถบริหารและนำพาบริษัทให้มั่นคงก้าวหน้าได้ไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอก
"แหมมาเร็วนะอัยกลัวใครบางคนชิ่งหนีหรือไง"
จิรวัฒน์ที่ออกไปคุยโทรศัพท์เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นเอ่ยทักคู่หมั้นตัวเองยิ้มๆ
"กลัวน้องรอนานมากกว่า ไปถึงเร็วจะได้มีเวลาดูงานเตรียมความพร้อมไม่ต้องรีบร้อนมาก แล้วนี่นายไม่เข้าบริษัทเหรอวันนี้"
"เข้าบ่ายน่ะ เดี๋ยวต้องออกไปคุยกับลูกค้าตอนสิบเอ็ดโมงก่อน"
จิณตภัทรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็จัดการหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กลงมาชั้นล่าง เสียงพูดคุยกันแว่วมาจากห้องนั่งเล่นให้นึกสงสัยว่ามีแขกที่ไหนมาบ้าน จนเมื่อเดินเข้ามาใกล้และได้เสียงหวานคุ้นหูนั่นแหล่ะที่พาใจเต้นขึ้นมา
"นั่นไงน้องมาพอดี พี่เขามารับน่ะลูก"
พรทิวาส่งเสียงบอกลูกสาวเมื่อเห็นเจ้าตัวหิ้วกระเป๋าเข้ามาวางข้างทางเดิน
"อ้าว แล้วรถตู้ของทีมงานละคะ"
"รถทีมงานเต็มแล้วล่ะพอดีพี่ให้ทีมงานของพี่อีกสี่คนไปกับทีมสตาฟของบริษัทจิณน่ะ"
"ไปกับพี่นั่นล่ะลูกดีแล้วจะได้นั่งรถเป็นเพื่อนพี่เขา ฝากดูแลน้องด้วยนะอัย"
จักรกฤษบอกลูกสาวก่อนหันมาฝากกับคนเป็นพี่ที่ยิ้มรับ
"ค่ะ งั้นเราไปกันเลยดีกว่าค่ะไปถึงโน่นคงเที่ยงพอดี"
อัยศิกาบอกพร้อมลุกขึ้น ก่อนจะยิ้มขำเมื่อจิรวัฒน์เอียงหน้ามากระซิบข้างหู
"ห้ามทำอะไรน้องฉันนะ"
ภาพที่เห็นพาใจแปลบปลาบอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพี่ทั้งสองแสดงความใกล้ชิดหยอกเย้ากันต่อหน้าแบบนี้
"จิณไปนะคะคุณพ่อคุณแม่"
ร่างของน้องสาวที่หิ้วกระเป๋าเดินนำออกไปหน้าบ้านแทบจะทันที ทำให้จิรวัฒน์ต้องหันมองหน้าคนที่อยู่ในสถานะคู่หมั้นลับๆ
หึๆ
เสียงหัวเราะในลำคอบอกให้รู้ว่าอัยศิกาพอใจที่ได้เห็นอาการของอีกคนก่อนจะหันมาบอกลาผู้ใหญ่แล้วรีบเดินตามออกไป
"เป็นอะไรคะหรือว่านอนไม่พอเงียบเชียว"
คนเป็นพี่เอ่ยถามคนที่นั่งเงียบมาร่วมยี่สิบนาทีตั้งแต่ออกมาจากบ้าน
"เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ"
แล้วไอ้เรื่องที่คิดก็ไม่พ้นความรู้สึกตัวเองกับภาพความใกล้ชิดของพี่ๆนั่นล่ะ เธอไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยอาการแปลบๆเหมือนมีอะไรเสียดแทงที่หัวใจแบบนี้
"ถ้าอยากเข้าห้องน้ำก็บอกนะคะ พี่จะได้แวะปั้มให้"
อัยศิกาบอกเพราะการเดินทางไปสถานที่จัดงานคือเขาใหญ่ขับรถไม่ถึงสองชั่วโมง
"ค่ะ แล้วทีมงานเขาเดินทางกันหรือยังคะ"
"น่าจะออกไปตั้งแต่แปดโมงแล้วนะคะป่านนี้คงจะถึงกันแล้วล่ะ"
"ได้ข่าวว่าเขาเหมารีสอร์ททั้งหมดเพื่อจัดงานเลยเหรอคะ"
"ค่ะก็ทั้งพนักงานระดับสูงกับผู้บริหารของบริษัทก็เกือบห้าร้อยคนแล้วน่ะ แถมยังมีตัวแทนบริษัทคู่ค้าที่มาร่วมด้วยอีกก็น่าจะเป็นร้อยแหล่ะพี่ว่า"
"งานใหญ่นอกสถานที่แบบนี้จิณเพิ่งเจอนี่ล่ะ"
"ตื่นเต้นเหรอคะ งานนี้ดาราพิธีกรดังหลายคนมาเยอะพอสมควรแหล่ะ ขนาดปีที่ผ่านมาก็มากันเกือบสิบคนแหน่ะ"
"ก็ตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะนานๆจะได้ออกงานนอกกรุงแบบนี้"
พอมีเรื่องอื่นให้คุยก็พอจะทำให้ลืมเลือนความรู้สึกแปลกๆไปได้บ้าง
"เออจิณถ้าเจอเจพี่ฝากถามหน่อยนะว่าช่วงเดือนพฤษภาพอจะมีคิวว่างหรือเปล่า พี่อยากได้มาขึ้นปกให้หน่อยนานแล้วไม่ได้ใช้บริการรู้สึกคิวจะแน่นตลอดเลยพอกันกับพายนั่นล่ะ ถ้าเป็นไปได้พี่อยากได้เพื่อนเราทั้งสองคนมาขึ้นปกนิตยสารฉบับพิเศษนี้น่ะ"
"อ๋อค่ะ ถ้ายังไงเดี๋ยวจิณถามเพื่อนให้นะคะไม่ได้เจอกันเท่าไหร่ช่วงนี้"
ตั้งแต่งานหมั้นของเพื่อนสนิทเมื่อสี่เดือนก่อนพวกเธอก็ยังไม่มีเวลาได้เจอะเจอกันได้แต่ถามไถ่ผ่านข้อความแชทเท่านั้น
ชั่วโมงครึ่งกับการเดินทางทั้งคู่ก็มาถึงรีสอร์ทดังที่จะเป็นสถานที่สำหรับจัดงานในวันพรุ่งนี้
"จิณนั่งรอในรถก็ได้ค่ะเดี๋ยวพี่ไปเอากุญแจก่อน"
"เอ่อ แล้วพี่อัยรู้เหรอคะว่าจิณพักห้องไหน"
"รู้ค่ะ"
คนเป็นพี่บอกกลับยิ้มๆทำไมจะไม่รู้ล่ะเด็กน้อยก็มันห้องเดียวกันนี่นะ
"ขอบคุณค่ะ"
คนที่ไม่รู้อะไรบอกขอบคุณก่อนที่ร่างสูงจะลงจากรถตรงไปหาเจ้าหน้าที่ตรงด้านหน้าออฟฟิศ ไม่นานก็เดินกลับมาขึ้นรถแล้วขับออกไปตามถนนที่มีลูกศรชี้บอกชื่อสถานที่พักแต่ละโซน จิณตภัทรสอดส่ายสายตามองบริเวณรอบๆไปเรื่อยรีสอร์ทแห่งนี้เธอเคยได้ยินแต่ชื่อแต่ไม่เคยมา พอมาเห็นสถานที่จริงก็ต้องแอบชื่นชมในใจว่าน่าพักผ่อนจริงๆอัยศิกาขับรถมาจอดตรงบ้านพักหลังเล็กกะทัดรัดในเวลาไม่นาน
"หลังนี้แหล่ะค่ะ ป่ะเอาของไปเก็บกัน"
"เอ่อ เดี๋ยวนะคะพี่อัยพี่วัฒจองบ้านเป็นหลังแบบนี้ให้จิณเหรอคะ?"
"ไม่ใช่วัฒหรอกค่ะ พี่เป็นคนจองเองและพี่ก็ต้องดูแลจิณด้วยเพราะฉะนั้นเพื่อตัดปัญหาจิณก็พักกับพี่นี่แหล่ะง่ายสุด ไปค่ะเอาของไปเก็บจะได้ไปหาอะไรทานกันนี่เที่ยงแล้วพี่ชักหิวล่ะ"
คนร่างสูงพูดจบก็ก้าวลงไปเปิดท้ายรถหยิบกระเป๋าเดินทางทั้งของตัวเองและของอีกคนที่ก้าวตามลงมาด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงให้คนเจ้าเล่ห์นึกขำในใจ เป็นอะไรนักหนาล่ะเด็กน้อยของพี่เมื่อก่อนก็นอนด้วยกันบ่อยๆแถมงอแงด้วยซ้ำเวลาที่พ่อแม่ไม่ให้ค้างที่บ้านเธอ
คนเป็นน้องหิ้วกระเป๋าเดินตามร่างสูงเข้าไปในบ้านพักหลังเล็กน่ารักด้วยความรู้สึกอึนๆยิ่งเข้ามาเห็นว่าภายในบ้านมีห้องพักเพียงห้องเดียวคนอายุน้อยกว่ายิ่งทำหน้าไม่ถูกเข้าไปอีก แค่นั้นยังไม่พอห้องเดียวเตียงเดี่ยวอีกต่างหากถึงมันจะเป็นเตียงขนาดคิงไซ้ส์ก็เหอะ
"จะจัดของก่อนหรือไปทานอะไรกันก่อนดีคะ"
อัยศิกาเอ่ยถามโดยมองข้ามท่าทางกระอักกระอ่วนของอีกฝ่าย นี่เด็กน้อยของเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าไม่เคยนอนห้องเดียวกันซะเมื่อไหร่สมัยเป็นเด็กอีกคนทั้งงอแงขี้อ้อนหลับในอ้อมกอดเธอทุกทีที่ได้ค้างกับเธอ แล้วดูหน้าตาจิณตภัทรตอนนี้สิยังกับถูกบังคับให้กินยาขม
"คือ ถ้าพี่อัยไม่หิวจนเกินไปเราจัดของให้เสร็จก่อนก็ได้ค่ะ"
จิณตภัทรเสนอเพราะแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดกับของใช้ส่วนตัวมันคงใช้เวลาไม่นาน
"โอเคค่ะงั้นจัดของก่อนแล้วค่อยออกไปกัน"
ทั้งคู่จัดการสิ่งของเข้าตู้หลังใหญ่ไม่นานก่อนที่จะพากันออกมายังร้านอาหารของรีสอร์ท
"เดี๋ยวทานเสร็จพี่จะไปดูสถานที่จัดงานต่อนะจิณจะกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้"
"เดี๋ยวจิณไปด้วยค่ะจะได้คุยกับทีมงานเผื่อมีปัญหาอะไร"
หลังจากพากันทานอะไรเรียบร้อยทั้งคู่ก็พากันไปยังห้องประชุมใหญ่ของรีสอร์ทซึ่งจะใช้ในงานช่วงกลางวันของพรุ่งนี้การเตรียมงานก็เหมือนการจัดแถลงมอบเป้าหมายแผนงานของบริษัทระหว่างผู้บริหารกับพนักงานระดับหัวหน้า ซึ่งส่วนนี้บริษัทของอัยศิกานั้นรับผิดชอบไปจนกระทั่งงานเลี้ยงสังสรรค์ตอนเย็น
จิณตภัทรแยกตัวออกมาหากลุ่มสตาฟของตัวเองซึ่งวันนี้แทบจะไม่มีอะไรให้ทำโดยตรง แต่ด้วยความที่ส่วนงานนั้นพอจะรู้จักกันดีกับทีมงานของอัยศิกาบรรดาพวกผู้ชายเลยไปร่วมด้วยช่วยฝ่ายเทคนิคกันไปส่วนสตาฟผู้หญิงที่มาด้วยกันก็ช่วยหยิบจับสิ่งไหนที่พอช่วยได้บริการเสิร์ฟน้ำบ้างทำให้ผู้บริหารเห็นแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้กับภาพที่เห็น
"เตรียมงานกันถึงไหนแล้วคะเนี่ย"
จิณตภัทรเดินเข้าไปทักถามหนุ่มร่างใหญ่ที่เธอพอจะคุ้นหน้าตาอยู่บ้าง
"กำลังติดตั้งระบบไฟแล้วก็พวกเทคนิคที่จะใช้ในเวทีประชุมพรุ่งนี้ครับคุณจิณเดี๋ยวติดตั้งเสร็จก็จะทดสอบระบบให้เรียบร้อยครับ นี่ดีนะได้ผู้ช่วยจากฝั่งคุณจิณงานเลยใกล้เสร็จแล้วครับ"
"ดีแล้วละคะ เพราะยังไงวันนี้พวกพี่โจ้ก็ว่างกันอยู่แล้วใช่ไหมพี่โจ้"
จิณตภัทรหันไปแซวพนักงานตัวเองที่กำลังช่วยกันเช็คระบบเครื่องเสียงอยู่
"อ่อครับคุณจิณ แต่พวกผมไม่ได้ช่วยฟรีหรอกครับเพราะคืนนี้ต้องมีเลี้ยงนอกรอบครับใช่ไหมพวกเราฮ่าๆ"
เสียงพูดคุยหัวเราะชอบใจของทีมงานกลุ่มใหญ่พาให้รองประธานค่ายเพลงยิ้มตามไปด้วย มิตรภาพของพนักงานสองบริษัทมักจะมีให้เห็นกันอยู่เสมอ
เมื่อพูดคุยถามไถ่กันพอสมควรจิณตภัทรถึงได้มองหาอีกคนที่หายไปไหนก็ไม่รู้หลังจากเดินเข้ามาสอบถามทีมงานตัวเองเมื่อชั่วโมงก่อน
"ผมเคยได้ยินแต่ชื่อเสียงของบริษัทเพิ่งมีโอกาสได้เห็นทีมงานแถมยังได้เจอประธานบริษัทตัวเป็นๆรู้สึกยินดีจริงๆเลยครับ"
อัยศิกาเพียงยกยิ้มมุมปากกับคำกล่าวของผู้จัดการรีสอร์ท
"ขอบคุณนะคะคุณวีกิจที่อุตส่าห์พาเดินดูสถานที่จัดงาน"
"ยินดีอย่างยิ่งเลยครับคุณอัยศิกา มีอะไรอยากให้ทางรีสอร์ทช่วยก็แจ้งผมได้เลยนะครับ"
ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมากทีเดียวทั้งหน้าตาและตำแหน่งการงานถ้ามีโอกาสได้พูดคุยสานสัมพันธ์กันไว้มันย่อมดีสำหรับเขาแน่ วีกิจคิดอย่างพอใจในรูปลักษณ์ของหญิงสาวตรงหน้า
"พี่อัย มาอยู่นี่เองจิณหาซะทั่วเลย"
จิณตภัทรรีบเดินเข้าไปหาคนเป็นพี่เพราะรู้สึกหงุดหงิดสายตาจนทนไม่ไหว คุยอะไรนักหนาเธอยืนหลบมุมมองอยู่นานสองนานแล้วยิ่งสายตาผู้จัดการที่มองคนเป็นพี่เธอยิ่งทำให้จิณตภัทรไม่ชอบใจจนต้องเสียมารยาทเอาตัวเองเข้ามาแทรก
"พอดีพี่ออกมาเดินดูจุดที่จะทำเวทีงานเลี้ยงคืนพรุ่งนี้น่ะ จิณมีอะไรหรือเปล่าหืม"
อัยศิกายิ้มอ่อนให้คนหน้างอที่เดินเข้ามาเกาะแขนเธอ เป็นอะไรขึ้นมาอีกละเนี่ย
"จิณนึกว่าหายไปไหน แล้วนี่ดูกันเสร็จหรือยังคะพาจิณไปข้างนอกหน่อย"
"เสร็จแล้วล่ะพี่กำลังจะกลับเข้าไปข้างในพอดี แล้วจะไปทำอะไรข้างนอกคะนี่ก็จะสี่โมงเย็นแล้วนะ"
"พี่อัยพาจิณไปดูไร่ที่เขาเปิดเที่ยวหน่อยนะคะไหนๆก็มาแถวนี้แล้วจิณยังไม่เคยไปเลยนะ"
อัยศิกาอมยิ้ม มาอ้อนแบบนี้ชักจะยังไงแล้วล่ะ แต่เธอก็ไม่คิดจะขัดความต้องการอีกคนหรอก
"คุณวีกิจฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณที่ช่วยดูแลถ้ามีอะไรต้องการความช่วยเหลือฉันจะบอกค่ะ"
"อ่ะ ครับยินดีครับ มีอะไรขอให้รีบแจ้งเลยนะครับคุณอัยศิกา"
อัยศิกายิ้มส่งให้ตามมารยาทก่อนจะพาอีกคนเดินออกมาโดยที่ไม่คิดจะแนะนำให้ผู้จัดการหนุ่มได้รู้จักแม้แต่น้อยปล่อยให้ผู้จัดการรีสอร์ทมองตามสาวสวยทั้งคู่ด้วยความสงสัยแกมอยากรู้
"นึกยังไงคะอยากจะไปเที่ยวชมไร่น่ะฮึ"
"ไม่นึกยังไงค่ะ อยากไปก็คืออยากไปแค่นั้นเอง"
คนเป็นน้องตอบกลับน้ำเสียงเง้างอนเธอแค่ไม่ชอบใจที่อัยศิกาไปยืนคุยกับอีตาผู้จัดการนั่นเป็นนานสองนาน ดูสายตาก็รู้ว่าอีตานั่นหาเรื่องอยากจะสานสัมพันธ์ด้วย พี่เธอก็อะไรตัวเองมีคู่หมั้นอยู่นะถึงจะไม่มีสัญลักษณ์โชว์ให้คนอื่นเห็นก็เถอะ เธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจทั้งอัยศิกาและพี่ชายเท่าไหร่ว่าทำไมทั้งคู่ถึงไม่มีแหวนหมั้น มีเพียงคำพูดที่ผู้ใหญ่บอกกล่าวให้รับรู้เมื่อห้าปีก่อนแค่นั้น