เพลงขวัญจ้องมองถุงน้ำหอมที่วางไว้อยู่หน้ากระจกหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จและกำลังจะเข้านอน นึกแปลกใจที่เขายังอุตส่าห์ฝากลุงรปภ.นำกลับมาให้ทั้งที่เธอเอาไปวางคืนไว้ให้แล้ว
“เขาคงตั้งใจจะเอามาให้จริง ๆ งั้นขอลองสักหน่อยดีกว่า” หญิงสาวเผลอคิดเข้าข้างตัวเอง แล้วแกะขวดน้ำหอมพรมลงบนข้อมือเล็กน้อยก่อนจะสูดดมเข้าไป แต่แทนที่จะรู้สึกสดชื่นแบบที่คิดไว้เธอกลับพะอืดพะอมจนต้องกลับไปอาเจียนในห้องน้ำอีกครั้ง “อ้วก อ้วก! อา...บ้าจริง คนละกลิ่นกันหรือเปล่าเนี่ย”
เธอรีบล้างน้ำหอมบนข้อมือออก แล้วหอบสังขารกลับมานั่งลงบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง ลองคิดไปคิดมา กลิ่นที่เธอสัมผัสได้วันนั้นมันอาจจะเป็นกลิ่นจากตัวเขามากกว่าไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมนี่
“แปลกจัง...ทำไมต้องไปติดกลิ่นเขาด้วยล่ะ” เพลงขวัญส่ายหน้าให้กับความคิดตัวเอง อยู่ ๆ คำพูดของนุชรีก็ดังขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
“เป็นโรคกระเพาะฉันไม่ว่าหรอกนะ โอ้กอ้ากขนาดนี้ฉันกลัวว่าหลานสาวตัวดีของป้าจะท้องซะมากกว่า”
“หรือว่าฉันจะท้องจริง ๆ ” ความกลัวแล่นปราดขึ้นมาในจิตใจ มือเรียวจับหน้าท้องตัวเองด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ตอนนี้ดูเหมือนว่าราเมศร์เองก็กำลังจะเดินหน้าจีบพิมพ์พลอยเหมือนที่ทุกคนพูดกัน ถ้าเธอประกาศออกไปว่าท้องกับเขา เขาคงจะไม่รับเป็นพ่อของลูก ดีไม่ดีเธอนั่นแหละที่จะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงใจง่าย ท้องไม่มีพ่อ
“เอาล่ะ พรุ่งนี้ลองตรวจให้รู้ดำรู้แดงไปเลยก็แล้วกัน” เพลงขวัญได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ พอถึงตอนเช้าเธอก็รีบออกไปทำงานแต่ก็ไม่ลืมแวะที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อชุดตรวจครรภ์ติดมือไปที่โรงแรมด้วย
เมื่อไปถึงที่ทำงานก็รีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำ นำที่ตรวจครรภ์ติดมือไปด้วยความตื่นเต้น
หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมา มือที่สั่นเทานำที่ตรวจค่อย ๆ จุ่มลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่แถบสีแดงบนนั้น จนกระทั่งมันปรากฏขึ้นมาเป็นสองขีดอย่างชัดเจน
ใช่...สองขีด หมายความว่าตอนนี้เธอกำลังท้อง แถมยังท้องไม่มีพ่อเสียด้วย
“ไม่จริง...” เพลงขวัญชะงัก เนื้อตัวชาหนึบ เก็บชุดตรวจครรภ์อันเก่าไว้แล้วนำอีกอันมาจุ่มลงไปแทนเพราะคิดว่ามันจะผิดพลาด แต่พอจุ่มไปอีกครั้งแถบสีแดงก็ยังขึ้นมาเป็นสองขีดทุกอัน
“ไม่นะ...ฉันจะท้องไม่ได้...ทำยังไงดี ฮือ...” เธอเผลอส่งเสียงสะอื้นออกมา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ชุติมาเข้ามาในห้องน้ำพอดี อีกฝ่ายจึงเคาะประตูเรียกเธอด้วยความเป็นห่วง
“มีใครอยู่ข้างในไหมคะ”
“เอ่อ...” เพลงขวัญผวาวาบ เธอรีบเก็บชุดตรวจครรภ์ทั้งหมดใส่กระเป๋าเสื้อพนักงานไว้ แล้วปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ “หนูเองค่ะพี่ชุ”
“เป็นอะไรหรือเปล่า พี่ได้ยินเหมือนเราร้องไห้”
“ปละ...เปล่า หนูแค่เป็นหวัดน่ะค่ะ” พูดจบเธอก็แกล้งกดชักโครกแล้วปาดเช็ดน้ำตาลวก ๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไป “หนูไปทำงานก่อนนะคะ”
คนตัวเล็กพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ให้ลึกที่สุด ต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอกำลังท้องเพราะถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของภูริต ผู้เป็นพ่อคงจะผิดหวังกับเธอมาก
“ขวัญเป็นอะไรหรือเปล่า ดูหน้าซีด ๆ นะ ท้องเสียอีกแล้วเหรอ” วาโยเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เธอกลับมาทำงาน มือหนาเผลอยกขึ้นอังหน้าผากอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงจนณัชชารู้สึกหมั่นไส้
“ท้องเสียอะไรจะนานขนาดนั้น ฉันเห็นเธอดูซีด ๆ มาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ถามจริงเป็นโรคอะไรร้ายแรงหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกพี่โย ขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วง” หญิงสาวปฏิเสธก่อนจะหมุนตัวเข้าไปนั่งทำงานที่หลังเคาน์เตอร์ ซึ่งตอนนั้นเองที่ณัชชาเหลือบไปเห็นราเมศร์กำลังเดินมาที่แผนกพร้อมกับภูริตและพิมพ์พลอย
“นั่นคุณราเมศร์นี่ รู้สึกว่าช่วงนี้มาบ่อยจังเลยนะ”
“ก็คงจะมาจีบคุณพิมพ์นั่นแหละ เลยเข้าทางคุณภูริต” วาโยได้ทีจึงใส่ไฟ ไม่คิดเลยสักนิดว่าตอนนั้นเองภูริตจะเข้ามาเอ่ยถาม
“คุณชุติมาไปไหนล่ะ”
“พี่ชุไปเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ” เพลงขวัญเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้น พอละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์เงยหน้ามองราเมศร์ เห็นสายตาคมกริบของเขาที่จ้องมองมาเธอก็รีบก้มหน้างุดทันที
“งั้นเดี๋ยวคุณวาโยช่วยพากระเป๋าคุณราเมศร์ขึ้นไปเก็บบนห้องให้หน่อยนะ” ภูริตออกคำสั่ง วาโยจึงต้องขนกระเป๋าเดินทางของราเมศร์ขึ้นไปชั้นบนตามคำสั่ง “ส่วนเราเพลงขวัญ ช่วยพาคุณราเมศร์เขาเดินดูรอบโรงแรมหน่อยสิ”
“อะไรคะพ่อ ทำไมไม่ให้พิมพ์ไปล่ะคะ” พิมพ์พลอยรีบแย้งขึ้นเหมือนถูกปาดหน้าเค้ก
“ก็เราเพิ่งมาทำงานไม่นาน จะไปรู้จักที่นี่ดีเท่าขวัญเขาได้ยังไง”
“แต่พิมพ์เป็นเจ้าของนะคะ” เธอยังไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดมือไป
“ให้ขวัญไปน่ะดีแล้ว เราน่ะขึ้นไปช่วยเตรียมเอกสารการประชุมให้พ่อดีกว่า เดี๋ยวสิบโมงเรามีประชุมกันจำไม่ได้แล้วเหรอ”
“ก็ได้ค่ะ” ในที่สุดหญิงสาวก็ต้องยอมเดินตามผู้เป็นพ่อขึ้นไปยังชั้นผู้บริหารเพราะไม่อยากทำตัวเอาแต่ใจต่อหน้าราเมศร์
“ไปสิยะ จะนั่งอยู่ทำไม” เสียงณัชชากระซิบบอก ทำให้เพลงขวัญต้องประคองตัวยืนขึ้นแล้วเดินออกไปหาเขา
“เชิญค่ะ”
ราเมศร์ยิ้มกริ่มก่อนจะเดินตามคนตัวเล็กไป ฟังหญิงสาวอธิบายถึงโซนต่าง ๆ ของโรงแรมอย่างเงียบ ๆ อดชื่นชมทักษะการพูดและการวางตัวของเธอเสียไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ภูริตยังเก็บเธอไว้ข้างกายแม้ว่าจะเป็นลูกที่ไม่ต้องการก็ตาม
“ส่วนนี้จะเป็นร้านอาหารค่ะ ทางโรงแรมแบ่งออกเป็นสามส่วน คือร้านอาหารไทย อาหารยุโรปแล้วก็บาร์น้ำ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นสนามเด็กเล่นไว้รองรับลูกค้าที่เดินทางมาเป็นครอบครัว”
เพลงขวัญยังอธิบายต่อ เธอรีบเบี่ยงตัวหลบเมื่อพนักงานนำอาหารผ่านหน้าไป เพราะรู้สึกคลื่นไส้ทันทีที่ได้กลิ่นมันลอยเข้ามาแตะจมูก
“อ้วก!”
“นี่จะอ้วกอีกแล้วเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความตกใจ
“อื้อ...” หญิงสาวพยักหน้าตอบรีบวิ่งพรวดออกไปเข้าห้องน้ำพนักงานที่อยู่ด้านหลัง เขาจึงต้องรอจนกระทั่งเธอกลับออกมาอีกครั้ง
“ถ้าไม่ไหว ไปส่งผมบนห้องเลยก็ได้”
“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจ” เพลงขวัญพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด เธอเพิ่งจะรู้ตัวเมื่อตอนเช้านี่เองว่าอาการที่เป็นอยู่มันไม่ใช่ท้องเสีย แต่เพราะเธอกำลังแพ้ท้องต่างหาก
“ไม่สบายนานแล้วเหรอ ดูคุณซูบไปเยอะเลยนะ”
“ค่ะ ฉันเป็นโรคกระเพาะน่ะค่ะ” เธอก้มหน้าตอบ อยากจะบอกออกไปเสียเหลือเกินว่าเขานั่นแหละที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องเป็นแบบนี้ แต่เห็นเขาเมินเฉยทำเหมือนเรื่องคืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้นทำให้เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผู้ชายที่นอนกับเธอเป็นเขาหรือเปล่า ดังนั้นการเลือกที่จะเงียบไว้จึงอาจจะส่งผลดีเสียมากกว่า
“งั้นรีบขึ้นห้องเถอะ เดี๋ยวคุณก็เป็นลมไปหรอก”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำก่อนจะพาเขาขึ้นลิฟต์โดยสารเพื่อไปยังห้องพักที่เขาจองไว้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้นึกครึ้มใจมาพักที่นี่ ทั้งที่ตัวเขาเองก็มีบ้านที่กรุงเทพฯ เหมือนกัน “นี่ห้องของคุณค่ะ ฉันคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก คุณเองก็ทำงานสายนี้อยู่แล้ว...อ้วก”
พูดยังไม่ทันจบ เธอก็เผลออาเจียนออกมาจนต้องวิ่งพรวดไปที่ห้องน้ำในห้องอีกครั้งเพื่อระบายสิ่งที่จุกอยู่ตรงคอออกมา โดยที่เธอไม่ทันสังเกตเลยว่าราเมศร์เองก็ตามเข้ามาด้วย รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ฝ่ามือใหญ่บรรจงลูบแผ่นหลังเล็กให้อย่างเบามือ
“คุณน่าจะไปหาหมอหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ โรคที่ฉันเป็น หาหมอคงไม่หายหรอก” เพลงขวัญรีบบ้วนปากแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด แม้จะรู้สึกเพลียมากก็ตาม “ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเองก็เคยเห็นมาบ้างแล้วล่ะ ตอนที่ภรรยาผมท้องน่ะ” เขาแกล้งกล่าวถึงขวัญชีวา เห็นเพลงขวัญอี๋อ๋อกับวาโยขนาดนั้นคงจะเป็นแฟนกัน ถ้าจะให้ท้องก็คงไม่แปลก
“คุณ...มีภรรยาอยู่แล้วเหรอคะ”
“อื้ม เธอท้องได้สองสามเดือนแล้วล่ะ” ราเมศร์พยักหน้าตอบ ซึ่งคำตอบนั้นทำให้คนตัวเล็กถึงกับช็อกเมื่อได้รู้ความจริงว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว “ตอนแพ้ท้อง เธอก็อาเจียนเหมือนคุณนี่แหละ”
“ฉันไม่ได้ท้องนะคะ บอกแล้วไงว่าฉันแค่เป็นโรคกระเพาะ” เธอรีบปฏิเสธในทันทีก่อนจะรีบออกไปจากห้องน้ำแต่ก็ดันลื่นผ้าเช็ดเท้าที่วางอยู่บนพื้นเพราะไม่ทันได้ระวัง ราเมศร์จึงรีบคว้าตัวเธอไว้จนใบหน้าหวานล้มคะมำลงบนแผงอกกว้าง
พอปลายจมูกฝังลงบนเนื้อตัวเขา เธอก็ได้กลิ่นที่โหยหามาตลอดจนเผลอสูดดมมันเข้าปอดไปแบบไม่รู้ตัว
“อา...สดชื่นจัง”
“ว่าไงนะ” เสียงของเขาดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ จึงรีบยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ถ้าเกิดล้มกระแทกพื้นไป ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ทันได้ระวัง”
“ไม่เป็นไรครับ”
“งั้น ขอตัวนะคะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็รีบหมุนตัวกลับออกไป ความสับสนมากมายเกาะกินใจจนทำอะไรไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากจะบอกเรื่องลูกในท้องแต่อีกใจก็เริ่มกลัว เพราะคืนนั้นเธอจำได้ว่าเขาช่วยเธอไว้ แต่เธอกลับจำตอนที่มีอะไรกันไม่ได้ แล้วในตอนที่ตื่นขึ้นมาเธอก็เห็นแค่แผ่นหลังเขาเท่านั้น
ยิ่งมาเจอหน้ากันอีกครั้งแล้วเขาทำเมินเฉยใส่แบบนี้ เธอก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าราเมศร์คือพ่อของลูกหรือเปล่า