คนเจ้าแผนการพาเพลงขวัญมายังร้านอาหารกึ่งบาร์ใจกลางกรุงปารีส พอเข้ามาถึงข้างในหญิงสาวก็ต้องตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนของพี่สาวเดินทางมารออยู่ก่อนแล้วถึงสี่คน
“ไง มานานแล้วเหรอ” พิมพ์พลอยทักทายพลางจูงมืออีกคนเข้ามาทรุดกายนั่งเคียงข้าง ทำให้เพลงขวัญรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าคนร่วมโต๊ะด้วยมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น
“นี่เหรอน้องสาวเธอ” เลออน เพื่อนสนิทเอ่ยถามเป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเพลงขวัญเองก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง “สวยกว่าเธออีกนะเนี่ย”
“ให้มันน้อย ๆ หน่อย พูดแบบนี้เดี๋ยวฉันก็พากลับหรอก”
“ก็แค่พูดเล่นเอง จะมีใครสวยกว่าพิมพ์อีกล่ะ” อีกฝ่ายรีบปลอบใจก่อนจะหันไปหยิบเครื่องดื่มมาส่งให้พร้อมกับแนะนำตัวกับเพลงขวัญเป็นภาษาอังกฤษ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อเลออน เป็นเพื่อนของพิมพ์ ส่วนนี่ช็อง โจว แล้วก็อูร์แบร์”
“ค่ะ ฉันเพลงขวัญค่ะ” คนตัวเล็กรับเครื่องดื่มมาแต่ไม่ยังไม่กล้าจะดื่ม
“ทำไมไม่ดื่มล่ะขวัญ” พิมพ์พลอยหันมาตำหนิ “แบบนี้เสียน้ำใจแย่ เลออนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ”
“หนูไม่กล้าดื่มน่ะค่ะ กลัวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหว”
“พ่อบอกแล้วว่าบินบ่าย จะไม่ไหวได้ยังไง ดื่มเถอะ นานๆ จะได้มาเที่ยวทั้งที” คราวนี้ไม่พูดเปล่า แต่พี่สาวยังจับแก้วเครื่องดื่มกรอกเข้าปากเธอจนเพลงขวัญต้องฝืนกลืนมันเข้าไป รู้สึกถึงรสชาติที่ฝาดบาดลิ้นขึ้นมาทันที
“อา...”
“เป็นยังไงเหล้าที่นี่ อร่อยไหม” อูร์แบร์เอ่ยถาม สายตาที่จ้องมองมาทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้ใจเลยสักนิด แต่ก็ต้องตอบไปตามมารยาท
“เอ่อ...ค่ะ...”
“งั้นก็ดื่มอีกแก้วนะ” คราวนี้ช็องเป็นฝ่ายส่งเครื่องดื่มมาให้เธอบ้างและพิมพ์พลอยเองก็เป็นฝ่ายยกมันเข้าปากให้อีกครั้งจนเธอสำลักหน้าดำหน้าแดง
“แค่ก แค่ก แค่ก อันนี้แรงมากเลยค่ะพี่พิมพ์ หนูไม่ดื่มแล้ว”
“อะไรกัน แค่สองแก้วเอง ฉันอุตส่าห์พาแกออกมา น่าจะรักษาน้ำใจกันบ้างนะ” พิมพ์พลอยทำหน้าบึ้งตึงแกล้งงอนเพราะรู้ดีว่าเพลงขวัญค่อนข้างจะแคร์ความรู้สึกเธอ
“ก็ได้ค่ะ หนูดื่มอีกแก้วก็ได้ค่ะ”
“อ่ะนี่” โจวยิ้มกริ่มพลางส่งเครื่องดื่มอีกแก้วมาให้ เห็นแก่หน้าพิมพ์พลอยเธอจึงดื่มมันเข้าไปจนหมด
“ดื่มเก่งเหมือนกันนะเนี่ย” ทั้งสี่คนกล่าวชื่นชมเธอพร้อมกับปรบมือเสียยกใหญ่ เลออนจึงพยายามเอาใจเติมเครื่องดื่มให้อีกหลายแก้วและเพลงขวัญเองก็ดื่มไปจนหมดทุกแก้ว
“งั้นขวัญดื่มไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา” ในขณะที่เพลงขวัญกำลังเคลิ้มกับรสชาติของน้ำเมาอยู่นั้น พิมพ์พลอยก็ลุกจากไปเพื่อจะเริ่มแผนการที่จะทิ้งเพลงขวัญไว้ที่นั่นแต่ในระหว่างที่เดินออกไปเธอกลับชนเข้ากับใครอีกคนเข้าอย่างจังเพราะไม่ทันได้ระวังจนแว่นเลนส์ใสของเขาร่วงตกลงพื้นแล้วถูกเธอเหยียบซ้ำอีกทีจนแตก
“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายรีบกล่าวขอโทษเป็นภาษาฝรั่งเศส พอหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา รอยยิ้มจาง ๆ ก็ฉาบขึ้นบนใบหน้าอย่างพอใจ ความคิดที่จะหนีกลับในตอนแรกหายไปในทันที “เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้เจ็บตรงไหนเลย แต่แว่นคุณ...” พิมพ์พลอยหยิบแว่นที่แตกขึ้นมาส่งคืนให้ด้วยความรู้สึกผิด “ฉันต้องเป็นฝ่ายขอโทษมากกว่า”
“ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่ชนคุณ ขอโทษอีกครั้งนะครับ”
“เปลี่ยนจากคำขอโทษ เป็นการนั่งดื่มด้วยกันสักแก้วดีไหมคะ” พิมพ์พลอยเริ่มเข้าหาเพราะรู้สึกถูกตาต้องใจและเธอจะต้องได้เขากลับไปด้วยในค่ำคืนนี้
“ผมเสียใจที่ต้องบอกว่าขอโทษอีกครั้ง คืนนี้ผมมากับเพื่อนน่ะ ไม่สะดวกจริง ๆ ครับ” อีกฝ่ายปฏิเสธก่อนจะหันไปทรุดกายนั่งลงหน้าบาร์เครื่องดื่มพร้อมกับณภัทรเลขาฯ ที่ตามมาด้วย
พิมพ์พลอยรู้สึกเสียหน้าเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอถูกผู้ชายปฏิเสธ หญิงสาวจึงรีบกลับไปที่โต๊ะเพื่อขอยาที่เหลือมาจากเลออน แล้วแอบใส่ในเครื่องดื่มเพื่อจะพาไปให้เขาคนนั้นดื่มโดยที่น้องสาวไม่ทันได้สังเกตเห็นเพราะกำลังเมาได้ที่
“พี่พิมพ์จะไปไหนเหรอคะ” เพลงขวัญเงยหน้าถาม พลางจับชายเสื้อของพี่สาวไว้ ใบหน้าของเธอแดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้าที่ดื่มเข้าไป
“ฉันเจอผู้น่ะ ขอเวลาแป๊บนึงนะ เดี๋ยวมา” พูดจบหญิงสาวก็ปัดมืออีกฝ่ายออกแล้วนำเครื่องดื่มเข้าไปทักทายทำความรู้จักกับราเมศร์ซึ่งนั่งอยู่อีกโซนที่ค่อนข้างจะห่างกัน “นี่ค่ะ แทนคำขอโทษที่ฉันชนคุณจนทำแว่นคุณตกแตกไปเมื่อกี้”
ริมฝีปากเคลือบลิปสติกราคาแพงคลี่ยิ้มพลางส่งเครื่องดื่มให้เขา
“ขอบคุณมากนะครับ” ชายหนุ่มรับมาแล้วกรอกเข้าปากรวดเดียวจนหมดเพื่อเป็นการรักษาน้ำใจและตัดจบความสัมพันธ์ไป ไม่อยากจะนั่งคุยกับเธอให้นานกว่านี้
“ใจคอจะไม่ทักทายทำความรู้จักกันหน่อยเหรอคะ”
“ไม่ล่ะครับ คืนนี้ผมไม่สะดวก” พูดจบเขาก็หันไปสนทนากับณภัทรต่อ ทำราวกับว่าพิมพ์พลอยเป็นเพียงแค่อากาศธาตุในสายตาเท่านั้น
“เหอะ! เล่นตัวขนาดนี้ น่ากลัวว่าจะชอบผู้ชายมากกว่า เสียเวลาชะมัด” หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกเฮือกใหญ่เมื่อถูกขัดใจก่อนที่เธอจะกระแทกเท้าปึงปังกลับไปที่โต๊ะด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“พี่พิมพ์มาแล้ว พอได้แล้วค่ะ หนูไม่ไหวแล้ว” เมื่อเห็นพี่สาวเดินกลับมา เพลงขวัญจึงรีบยกมือปฏิเสธเครื่องดื่มเพราะรู้สึกว่าร่างกายตัวเองกำลังร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เมาแล้วเหรอยัยขวัญ”
“ค่ะพี่พิมพ์ เรากลับกันเถอะนะคะ” เธอหันไปร้องบอกพี่สาวด้วยดวงตาที่กำลังพร่าเลือนลงทุกที
“งั้นแกรอฉันแป๊บนึงนะ ฉันออกไปเรียกรถก่อน ขืนลากแกออกไปสภาพนี้ฉันแบกไม่ไหวหรอก” พูดจบ พิมพ์พลอยก็เดินออกไปจากร้าน ทิ้งน้องสาวนอกไส้ให้นั่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของผู้ชายแปลกหน้าถึงสี่คน
เพลงขวัญได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับคนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วย มือเรียวยกขึ้นปาดเช็ดหยาดเหงื่อบนใบหน้าและบนเนื้อตัวเพราะรู้สึกว่าอุณหภูมิของร่างกายกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าประหลาด
“เป็นอะไรเหรอ ดูหน้าเธอซีด ๆ นะ” เลออนขยับเข้ามานั่งใกล้ มือปลาหมึกเริ่มซุกซนไปทั่วทำให้หญิงสาวต้องรีบขยับกายถอยหนีแต่ก็ถูกโจวเข้ามาขวางไว้อีกทาง
“ให้พวกฉันช่วยอะไรไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันโอเค” หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ รู้สึกว่าแอลกอฮอล์ในร่างกายกำลังแล่นพล่าน ได้แต่ภาวนาให้พิมพ์พลอยกลับมาไว ๆ เธอจะได้กลับไปนอนพักเสียที “เมื่อไหร่พี่พิมพ์จะมานะ”
“นั่นน่ะสิ พิมพ์ไปนานแล้วนะ เราออกไปดูกันดีไหม” ช็องเสนอขึ้น ซึ่งเพลงขวัญเองก็เห็นด้วยเพราะเธอไม่อาจจะทนกับบรรยากาศที่แสนอึดอัดนี้ได้ไหวอีกต่อไป
“งั้นฉันขอตัวนะคะ” หญิงสาวรีบขอตัว แต่พอยืนขึ้นเต็มความสูงเธอก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาจนต้องทิ้งตัวนั่งลงอีกครั้ง
“สภาพนี้เธอคงไปไม่ไหวหรอก ให้พวกฉันช่วยดีกว่า” เลออนขันอาสาพลางกระชับโอบร่างเล็กเอาไว้แล้วพาเธอออกไปข้างนอกโดยที่เพลงขวัญแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะดิ้นหนีเลยด้วยซ้ำ
“พี่พิมพ์อยู่ไหน” ดวงตาที่กำลังพร่าเลือนพยายามกวาดมองไปรอบกายเมื่อออกมาถึงหน้าบาร์แล้วแต่ก็ยังไม่เห็นพิมพ์พลอย “พี่พิมพ์...”
“นี่เธอยังคิดว่าพี่สาวของเธอแสนดีอยู่อีกเหรอ” เลออนกระตุกยิ้มมุมปาก ฝ่ามือใหญ่ที่คล้องไหล่เล็กไว้บีบลงบนนั้นแรงขึ้นเพื่อกันไม่ให้หญิงสาวดิ้นหนี
“หมายความว่าไง”
“พี่สาวเธอคงจะกลับไปแล้วน่ะสิ” อูร์แบร์ตอบพลางทิ้งบุหรี่แล้วขยี้ลงบนพื้นอย่างใจเย็น
“ว่าไงนะ กลับไปได้ยังไงก็พี่พิมพ์บอกจะออกมาเรียกรถ”
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพวกฉันไปส่งเธอเอง ขึ้นรถสิ” เลออนผายมือไปที่รถซึ่งมีช็องกับโจวนขับออกมารอรับที่หน้าบาร์
“ไม่ ฉันไม่ไป”
“ไม่ไปแล้วจะกลับยังไง พิมพ์บอกว่าเธอไม่เคยมาที่นี่ เธอกลับไม่ถูกหรอก” เลออนจับข้อมือเรียวไว้แน่น เมื่อเห็นท่าไม่ดี เพลงขวัญจึงอ้าปากกัดไปที่มือของอีกฝ่ายเต็มแรง พอหลุดพ้นจากการกอบกุมเธอก็ถลกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
“รีบจับตัวไว้เร็ว” เสียงพวกมันตะโกนดังไล่ตามหลังมาทำให้หญิงสาวพยายามรวบรวมสติที่เหลืออยู่น้อยนิดมองหาที่ซ่อนตัว จนเห็นรถหนึ่งคันจอดอยู่ริมสุดทางเดิน เธอจึงย่องไปนั่งหลบอยู่ตรงมุมนั้นด้วยความหวาดกลัวที่สุดในชีวิต
“พี่พิมพ์ ไม่น่าทำแบบนี้กับหนูเลย” คนหัวอ่อนได้แต่ตัดพ้ออยู่ภายในใจ มือเรียวยกขึ้นปิดปากตัวเองไว้เพราะกลัวว่าจะเผลอร้องไห้ออกมาเสียงดังแล้วทำให้พวกมันได้ยิน
“จะว่าไป คนที่เห็นในบาร์เมื่อกี้นี้หน้าเหมือนคุณพิมพ์พลอยในรูปเลยนะครับ”
“จริงเหรอ...แว่นฉันแตกไปแล้ว ฉันมองอะไรแทบไม่เห็นเลย เห็นทีกลับไทยคราวนี้คงต้องไปทำเลสิกสักทีแล้วล่ะ”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ผมเองก็ดื่มไปนิดหน่อยแต่ว่าหน้าเธอมันคุ้นตาจริง ๆ นะคุณเมศร์”
“ไฟในบาร์ค่อนข้างมืด นายอาจจะจำผิด คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง”
บทสนทนาที่ได้ยินมาจากที่ไกล ๆ เป็นภาษาไทยทำให้เพลงขวัญตาเบิกกว้างขึ้นมาอย่างมีความหวัง สองเท้าจึงค่อย ๆ หยัดยืนขึ้นจนเห็นร่างสูงที่แสนคุ้นเคยกำลังขึ้นรถไป
“เห้ย อยู่นั่น” เสียงคนที่กำลังไล่ล่าเธอดังขึ้น หญิงสาวจึงตัดสินใจสลัดรองเท้าส้นสูงทิ้งแล้ววิ่งออกไปขวางหน้ารถอีกคันเอาไว้ ทำให้คนขับต้องรีบเหยียบเบรกจนหน้าแทบคะมำ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” ทันทีที่รถจอดสนิท เพลงขวัญก็รีบขอความช่วยเหลือด้วยการทุบกระจกรัว ๆ ด้วยสีหน้าหวาดหวั่น คนที่กำลังนั่งอยู่ข้างในเห็นว่าเป็นคนไทยจึงยอมเปิดประตูให้