เมื่อขวัญข้าวลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบกับความว่างเปล่าบนเตียง คนตัวโตที่ประคองกอดเธอทั้งคืนนั้นไม่อยู่แล้ว เธอเหลือบดูนาฬิกาที่แขวนไว้ตรงผนังห้องด้านขวา เจ็ดโมงครึ่งแล้ว วันนี้เธอมีเรียนเก้าโมง แล้วจากที่บ้านนี้ไปมหาวิทยาลัยยังต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงเนื่องจากต้องฝ่ารถติดอีก ดังนั้นขวัญข้าวจึงเลิกคิดเรื่องอื่นและรีบอาบน้ำแต่งตัวให้เร็วที่สุด
เมื่อลงมายังไม่ทันถึงด้านล่างดีขวัญข้าวได้สวนกับพอลตรงที่พักบันไดเสียก่อน เขาอยู่ในชุดทำงานเรียบร้อยแล้ว
“ตื่นแล้วหรือข้าว ฉันกำลังจะขึ้นไปปลุกเธอพอดี” หนุ่มใหญ่ทัก
“ค่ะ เอ่อ...กู้ดมอร์นิ่งค่ะแด๊ด” ขวัญข้าวเอ่ยทักเขาด้วยความประหม่าอาย เธอยังไม่ทันตั้งตัวที่จะเจอหน้าเขา และเธอก็ยังไม่ชิน ท่าทางขัดเขินเช่นนี้ของเธอทำให้พอลหัวเราะด้วยความเอ็นดู
“อุ๊ย!”
พอลสำรวจดูเด็กสาวตรงหน้าเห็นว่าเธอเองก็แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าไปโอบกระชับเอวบางแล้วพาลงมาด้านล่างด้วยกัน เมื่อลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายแล้วเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากร่างบางนุ่มนิ่ม เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ใบหูเล็ก ๆ ของเธอ แกล้งเป่าลมลงไปจนทำให้ขวัญข้าวถึงกับตัวเกร็งขนลุกเกรียว
“ผัวเมียเขาไม่ทักทายกันแบบเมื่อครู่นี้หรอกนะข้าว”
คำพูดของเขาทำให้ขวัญข้าวที่ทำตัวไม่ถูกอยู่แล้วยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ อีกทั้งคำบอกสถานะที่เขาจงใจย้ำอีกนั่น แต่พอลไม่ปล่อยให้
ขวัญข้าวได้คิดนาน เขาเชยคางเด็กสาวขึ้นเพื่อรับจูบหวาน ๆ ในยามเช้าแทน เป็นการสาธิตว่าวิธีการทักทายแบบผัวเมียที่เขาว่าน่ะเป็นอย่างไร จากนั้นเขาก็ถอนริมฝีปากออกอย่างแสนเสียดาย ถ้าไม่ติดว่าเด็กสาวมีเรียนช่วงเช้าเขาคงจะกินอาหารเช้าตรงหน้าแทนอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้เธอในครัวเป็นแน่
ขวัญข้าวเดินเข้าไปในครัวตามการโอบประคองของหนุ่มใหญ่แสนเจ้าเล่ห์ อาหารเช้าถูกจัดเตรียมไว้พร้อมสรรพ มันเป็นอาหารง่าย ๆ เหมือนทุกครั้งที่เธอมาพักที่นี่ซึ่งก็คืออเมริกันเบรกฟาสต์ที่มีไส้กรอก แฮม ไข่ดาว และขนมปัง และอีกเช่นเคยของพอลเป็นแบบทอดส่วนของเธอเป็นแบบนึ่ง หนุ่มใหญ่จัดแจงเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง แล้วเขาก็นั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างเธอ
ทั้ง ๆ ที่ปกติเขาจะนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอมากกว่า
“ตอนแด๊ดตื่นทำไมแด๊ดไม่ปลุกข้าวล่ะคะ” ขวัญข้าวถามเขา
“ฉันอยากให้เธอนอนต่ออีกสักหน่อย เพราะเมื่อคืนฉันทำให้เธอไม่ได้พัก” คำพูดของหนุ่มใหญ่ทำให้ขวัญข้าวหน้าแดงแจ๋ เธอฟาดลงไปบนแขนล่ำสันของเขาทีหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะทำให้เขาชอบใจเสียมากกว่า
“แด๊ดคะ” เธอแกล้งทำเสียงดุ
“ฉันพูดเรื่องจริงนี่ ถ้าไม่ติดว่าเช้านี้เธอมีเรียนฉันจะทำให้เธอไม่ได้นอนจนถึงเช้า” เขาว่าอย่างสบาย ๆ
“แด๊ด!” คราวนี้ขวัญข้าวขึ้นเสียงใส่เขาของจริง ไม่ใช่เพราะความโกรธ แต่เพราะว่าเธออายมากกว่า
ขวัญข้าวทำตัวไม่ถูกจึงแสร้งรวบช้อนทำทีเป็นว่าอิ่มแล้ว แต่หนุ่มใหญ่มีหรือจะยอม
“ถ้าข้าวไม่กินอาหารในจานให้หมดฉันจะกินข้าวแทนเดี๋ยวนี้” ที่จริงพอลแค่แกล้งพูดเพราะรู้ว่าที่จริงแล้วขวัญข้าวยังไม่อิ่ม
ขวัญข้าวจึงแสร้งทำท่าแง่งอนแต่ก็เริ่มลงมือรับประทานอาหารตรงหน้าอีกครั้ง ทั้งคู่นั่งทานกันไปจนหมด โดยที่พอลหยอกล้อเด็กสาวบ้างพอหอมปากหอมคอ จากนั้นก็ช่วยกันเก็บล้างแล้วออกจากบ้านมาด้วยกัน
พอลขับรถมาส่งขวัญข้าวที่มหาวิทยาลัย รถยุโรปสีดำคันหรูของเขาจอดลงด้านข้างตึกเรียนของเด็กสาว
“ขอบคุณค่ะ” ขวัญข้าวเอ่ยขอบคุณเขาและทำท่าจะเปิดประตูรถลงไป
“เดี๋ยวข้าว” พอลหยุดเธอไว้ก่อน
“คะ” เธอสงสัยว่าเขามีอะไรจะพูดกับเธอหรือเปล่า
“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง” เขาถาม
“น่าจะราว ๆ บ่ายสองค่ะ” เธอตอบเพราะวันนี้ตารางเรียนของเธอเต็มในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายมีแค่คาบแรกคาบเดียว
พอลทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกไป “ถ้าอย่างนั้นรอฉัน เดี๋ยวฉันมารับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แด๊ดต้องทำงานนี่คะ แล้วที่พักข้าวก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง” ขวัญข้าวรีบเอ่ยด้วยความเกรงใจ กลัวว่าเขาจะเสียงาน
พอได้ฟังที่เด็กสาวตรงหน้าพูดออกมา คิ้วเข้มก็ขมวดมุ่นอย่างรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่
“ใครว่าฉันจะพาเธอไปส่งที่ที่พักของเธอ เธอเป็นเมียฉันดังนั้นตั้งแต่นี้เธอต้องมาอยู่บ้านฉัน เลิกเรียนแล้วรอฉันด้วย สายแล้วรีบไปเรียนได้แล้วข้าว”
พอลเอ่ยประโยคที่ทำให้เด็กสาวใจเต้นแรง แล้วตัดบทเสียดื้อ ๆ ที่จริงเขาอยากจะรั้งตัวเธอเข้ามามอบจูบหวาน ๆ แต่ติดที่ว่าพวกเขากำลังอยู่ในสถานที่สาธารณะและที่สำคัญเป็นสถานศึกษา ดังนั้นพอลจึงข่มใจตัวเองเอาไว้ไม่ให้ทำอย่างที่ใจคิด
แม้จะลงจากรถและกำลังเดินเข้าตึกเรียนแล้ว คำพูดของบิดาเพื่อนยังดังก้องอยู่ในหัวของขวัญข้าว การแสดงออกของเขา อีกทั้งคำพูดที่เน้นถึงสถานะของเธอทำให้หัวใจของเธอฟูฟ่องอย่างประหลาด
ที่จริงแล้วเธอไม่ได้คาดหวังอะไรจากเขามากนัก แม้ว่าเธอเองจะมีใจให้เขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเธอ แต่เธอก็ยอมรับว่า ณ ตอนนั้นมันมีอารมณ์ใคร่ร่วมอยู่ด้วย เธอไม่ได้หวังจะให้เขารับผิดชอบ เธอรู้ว่าบิดาของเพื่อนนั้นเนื้อหอมและมีผู้หญิงตั้งไม่รู้เท่าไหร่ เขาอาจจะพูดคำหวานกับเธอ เขาอาจจะเห็นว่าเธอเป็นของใหม่สำหรับเขา แต่ตอนนี้เธอคิดว่าจะขอตัดเรื่องอื่น ๆ ออกไปก่อน แม้ว่าจะเป็นการหลอกตัวเองหรือไม่ก็ตาม แต่เธอขออยู่ในห้วงฝันนี้ ขอเธอได้ตักตวงความสุขในระยะสั้น ๆ นี้เอาไว้ เพราะมันช่างต่างกับตอนที่เธอต้องแอบรักและคอยปกปิดความรู้สึกตัวเองเหลือเกิน
“ข้าววันนี้แด๊ดมาส่งเธอหรือเปล่า” นาตาลีเอ่ยถามเมื่อเธอเข้าไปนั่งที่ประจำแล้ว
“อืม” ขวัญข้าวเพียงตอบสั้น ๆ
“มีอะไรจะบอกฉันหรือเปล่าข้าว ออร่าความสุขเธอมันเปล่งประกาย” สาวลูกครึ่งเอ่ยถามด้วยดวงตาลุกวาวด้วยความอยากรู้
เธอรู้ว่าเพื่อนของเธอชอบบิดาของเธอมากแค่ไหนแม้ว่าเพื่อนของเธอจะไม่เคยปริปากก็ตาม
“ดูออกขนาดนั้นเลยหรือ” ขวัญข้าวสงสัย
“ใช่ ตกลงมีอะไรจะเล่าให้ฉันฟังมั้ย” นาตาลียืนยัน
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะสนทนากันไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงกระแอมไอจากอาจารย์หนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหน้าเสียก่อน
“ถ้าเข้าคลาสมาเพื่อมาคุยกันก็เชิญออกไปด้านนอกได้เลย” อาจารย์หนุ่มมาดดุเอ่ยขึ้นลอย ๆ แต่สายตากลับจ้องตรงไปยังสองสาวเพื่อนซี้ด้านหน้า โดยเฉพาะสาวลูกครึ่ง
นาตาลีที่รู้ว่าตัวเองถูกจ้องอยู่จึงแสร้งหลบสายตาคมดุที่จ้องผ่านกรอบแว่นด้วยการก้มลงอ่านเอกสารเรียน
ห้องเรียนทั้งชั้นตกอยู่ในความเงียบทันที ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรอีก เพราะเขาเป็นอาจารย์ใหม่ที่แม้จะยังหนุ่มแถมหน้าตาดี แต่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเป็นที่สุดเพียงแค่มาสอนได้สัปดาห์เดียวเท่านั้น
นาตาลีแอบสังเกตเพื่อนสาวเงียบ ๆ มาตั้งแต่เช้า เธอรู้สึกว่าวันนี้ขวัญข้าวทำตัวแปลก ๆ บางทีก็ใจลอย บางทีก็เผลอยิ้มคนเดียว เธอว่าจะถามตั้งแต่เช้าแต่ก็หาจังหวะไม่ได้สักที วันนี้พวกเธอมีเรียนมาราธอนในช่วงเช้ายันช่วงบ่าย ดังนั้นพอหมดคาบเรียนสุดท้ายนาตาลีจึงไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยอีกต่อไป
“ยัยข้าวตกลงเธอมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฉันฟังมั้ย” นาตาลีรั้งเพื่อนสาวเอาไว้
คำถามของเพื่อนสนิททำให้ขวัญข้าวอึกอักทำตัวไม่ถูก เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าท่าทางอย่างนี้แถมใบหน้าที่ขึ้นสีเรื่ออย่างกระทันหันไม่หลุดรอดสายตาของนาตาลีไปได้