พอลรู้อยู่อย่างเดียวในตอนนี้ว่าเด็กสาวตรงหน้าเขานั้นไม่เหมาะกับน้ำตาเอาเสียเลย เขาใช้มือเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยนแล้วรวบเธอเข้ามากอด ไออุ่นจากอ้อมกอดของเขาทำให้ขวัญข้าวแน่นิ่งเพราะอยากอยู่ใต้สัมผัสอันละมุนนั้นตลอดไป
“ข้าวฟังฉันนะ เซ็กซ์นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ มนุษย์ทุกคนย่อมมีอารมณ์ความรู้สึก ดังนั้นไม่ผิดหรือแปลกอะไรที่เราจะปลดปล่อยอารมณ์เหล่านั้น ข้าวไม่ผิดที่จะทำแบบนั้นกับตัวเอง แต่ฉันผิดเองที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเอง ถ้าย้อนกลับไปได้ฉันคิดว่าฉันก็คงจะตัดสินใจเหมือนเดิม”
ขณะที่พูดพอลก็ลูบแผ่นหลังเด็กสาวเพื่อปลอบประโลมไปด้วย เขารู้สึกว่าเธอยังสั่นสะอื้นอยู่ เขาจึงเอ่ยต่อ
“ฉันขอโทษข้าวที่ฉันทำตัวเป็นไอ้แก่ตัณหากลับ ฉันอยากสารภาพกับเธอว่าถ้าเป็นผู้หญิงอื่นฉันอาจยับยังชั่งใจได้ แต่ข้าวรู้มั้ย พักนี้เวลาที่ฉันมีเซ็กซ์กับใครในหัวฉันกลับนึกถึงแต่หน้าเธอ พอฉันได้ยินเธอเรียกชื่อฉัน ความอดทนของฉันจึงหมดลงทันที” หนุ่มใหญ่สารภาพ
“แด๊ด”
คำสารภาพของบิดาเพื่อนทำให้ขวัญข้าวถึงกับอุทานด้วยความตกใจ เธอจึงกลั้นใจถามในสิ่งที่เธออยากรู้
“แด๊ดเสียใจหรือคะที่เอ่อ...มีอะไรกับข้าว”
พอถามออกไปแล้วขวัญก็รอคำตอบด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก
“ฉันเสียใจที่ฉันไม่อาจยับยั้งชั่งใจตัวเองได้”
คำตอบแรกของหนุ่มใหญ่ทำให้หัวใจเด็กสาวห่อเหี่ยว น้ำตาพานจะไหลอีกครั้ง
“ฉันเสียใจที่ฉันทำลายข้าว ฉันขอโทษ”
คำตอบที่สองเป็นเครื่องยืนยันแน่ชัดแล้ว น้ำตาของขวัญข้าวเอ่อคลออีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่
“แด๊ดไม่ต้องเสียใจหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ต้องขอโทษข้าวด้วย เป็นข้าวที่อยากเป็นของแด๊ดเอง” เธอพยามกลั้นใจบอกออกไป
“อย่าร้องสิข้าว ยังไงเธอก็เป็นของฉันแล้ว ฉันต้องรับผิดชอบเธอ”
ประโยคนี้ของเขาเหมือนมีดที่กรีดลงกลางใจ เพราะเธอไม่ต้องการให้เขามารับผิดชอบในความผิดที่เขาไม่ได้ก่อ
“ไม่ค่ะแด๊ด ข้าวอยากเป็นของแด๊ดเอง แค่ได้อยู่ใกล้กันแบบนี้ ข้าวก็มีความสุขมากแล้วค่ะ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ข้าวสบายมากค่ะ”
เธอรีบปฏิเสธ เพราะไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบจากเขาเลยแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่แอบนึกหวังว่าหลังจากตัดสินใจมอบสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตให้กับเขาแล้ว ในเศษเสี้ยวหนึ่งของหัวใจเขาจะมีเธอบ้าง
“ไม่ได้ข้าว ฉันต้องรับผิดชอบเธอ ถ้ายัยแนทรู้จะว่าอย่างไร”
ยิ่งเขาอ้างถึงลูกสาว เธอยิ่งรู้สึกเจ็บ เขาต้องการรับผิดชอบเธอเพราะเธอเป็นเพื่อนของลูกสาวเขา เธอรู้สึกเจ็บจนทนไม่ได้
“ไม่ต้องค่ะ ข้าวไม่ต้องการอะไรแบบนั้นเลยค่ะ ข้าวมันร่านเอง แด๊ดไม่ต้องมาใส่ใจข้าว ไม่ต้องมารู้สึกผิดกับข้าวด้วย”
ความผิดหวังทำให้เธอเผลอหลุดปลดปล่อยอารมณ์อัดอั้นใส่เขา
กลับกันพอลกลับใจเย็นอย่างเหลือเชื่อ เขากอดรัดร่างเล็กในอ้อมกอดแน่นกว่าเดิม พอเธอพูดจบเขาก็ปิดปากของเธอด้วยปากของเขาทันที เขามอบจูบหวาน ๆ ให้เธอแทนคำพูด แล้วผละออกมา
“ถึงเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบจากฉัน ฉันก็ยังคงต้องรับผิดชอบเธอ เธอเป็นเมียของฉันแล้ว และฉันก็ไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับเมียของฉันอีก ดังนั้นเธอต้องให้ฉันรับผิดชอบเธอไปตลอดชีวิต”
คำพูดของพอลทำให้ขวัญข้าวไม่เข้าใจ คิ้วของเธอขมวดมุ่น เธอเผลอเอ่ยในสิ่งที่เธอน้อยใจอยู่ออกมา
“แต่แด๊ดไม่ต้องการข้าว”
“ฉันบอกเธอตอนไหนว่าฉันไม่ต้องการ” หนุ่มใหญ่สวนกลับทันที ใครว่าเขาไม่ต้องการ เขาต้องการเธอจนต้องไประบายกับคนอื่นโดยนึกถึงแต่หน้าเธอ
“ก็...ตอนที่เรา...เอ่อ...” ขวัญข้าวพูดไม่ออก ต่อให้เธอเป็นผู้หญิงมั่น แต่จะให้พูดเรื่องแบบนี้หน้าตาเฉยได้อย่างไร
“ว่ายังไงข้าว”
คนตัวโตแกล้งกดดัน หนึ่งเพราะเขาอยากรู้ใจแทบขาดเพื่อที่จะได้เคลียร์กับเธอให้รู้เรื่อง สองเพราะตอนนี้ที่เธอกำลังเขินอายทำให้เธอดูน่ารักชะมัดจนเขาชักอยากจะ...ขึ้นมาอีกแล้ว
“หลังจากที่เรา...เอ่อ...แด๊ดก็สบถออกมา”
คำตอบของเด็กสาวทำให้เขากระจ่าง ใช่แล้วเขาสบถออกมา ไม่ใช่ว่าเสียใจอะไร แต่เพราะเขาโทษตัวเองที่สะเพร่าจนลืมตัวลืมนึกถึงเธอ เขาปลดปล่อยในกายเธอจนหมดทุกหยดโดยที่ไม่ป้องกันอะไรเลย นี่เองคงทำให้เธอนึกน้อยใจว่าเขาไม่ต้องการเธอ
“ข้าวฟังฉันนะ”
เขาเชยคางเด็กสาวขึ้นให้มาสบตา ขวัญข้าวสบนัยน์ตาลึกล้ำที่สื่อความนัยอย่างเข้มข้นแล้วตั้งใจรอฟังด้วยความอยากรู้
“ฉันขอโทษที่ทำให้เธอเข้าใจผิด ที่ฉันสบถตอนนั้นเพราะฉันกำลังโทษตัวเองที่ไม่คิดถึงเธอจนลืมตัว เธอยังเรียนไม่จบและฉันเองก็ไม่ได้ป้องกันอะไรเลย” พอเขาพูดถึงตรงนี้ขวัญข้าวก็เข้าใจได้ทันที ความจริงทำให้เธอหน้าเสีย
พอลกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้นเพื่อเป็นการบอกว่าเขาอยู่กับเธอ เขาจะไม่ปล่อยให้เธอเสียอนาคต แต่ตอนนี้เขาต้องเคลียร์กับเธอให้รู้เรื่องเสียก่อน
“ดังนั้นห้ามเธอเข้าใจฉันผิดอีกว่าฉันไม่ต้องการเธอ ฉันต้องการเธอจนแทบคลั่งยังไม่รู้ตัวอีก” เขาสารภาพความในใจกับเธอ
“แด๊ด” เธออุทานเรียกเขาอีกครั้งด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“เลิกเรียกฉันว่าแด๊ดเถอะ เก็บไว้ให้ยัยแนทเรียกคนเดียวก็พอแล้ว ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้ว ฉันอยากให้เธอเรียกชื่อฉันเหมือนตอนที่เราร่วมรักกัน” หนุ่มใหญ่เอ่ยแก้พร้อมส่งสายตาเป็นนัย
ขวัญข้าวไม่อาจทนสบตากับเขาได้อีกจึงหลุบตาต่ำลงมาอยู่ที่ระดับอกแกร่งแทน อีกทั้งคำพูดของเขาทำให้เธอใจสั่นอย่างประหลาด
พอลเชยคางเพื่อนของลูกสาวขึ้นเพื่อให้สบตากับเขาอีกครั้ง
“ฉันตกหลุมรักเธอเข้าเสียแล้วข้าว ที่จริงความรู้สึกนี้อาจจะเกิดขึ้นกับฉันมานานแล้วด้วย แต่ฉันกลับบอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ความเอ็นดู ดังนั้นฉันคงให้เธอเรียกแด๊ดอย่างเดิมไม่ได้แล้ว” พอลสารภาพพร้อมใช้ดวงตาคมกล้าสื่อความหมายอย่างมั่นคงว่าเขาหมายความอย่างนั้น
จริง ๆ
“แด๊ด” ขวัญข้าวอุทานอย่างลืมตัว
หัวใจของเด็กสาวกระหน่ำเต้นแรง เธอคิดว่าเธอต้องกำลังฝันอยู่แน่ ๆ แต่แล้วชายในฝันตรงหน้าของเธอก็ตอกย้ำให้เธอรู้ถึงความจริงด้วยการมอบจูบหวาน ๆ ให้เธออีกครั้ง พอเขาผละออกมา เขาจึงเอ่ยคาดโทษ
“ถ้าเธอเรียกฉันว่าแด๊ดอีกทีฉันจะทำโทษด้วยการจูบเธอ ถ้าเธอลืมอีกฉันจะจูบเธอไปทั้งตัว” คำคาดโทษของเขาสร้างความสยิวให้
ขวัญข้าวไปทั้งตัว
“ไหนลองเรียกฉันอีกทีซิ”
“พอล”
“ดีมาก”
ขวัญข้าวทำตามที่เขาบอกแต่ก็ยังไม่วายถูกตักตวงความหวานจากริมฝีปากอยู่ดี โดยเขาให้เหตุผลว่าเป็นการให้รางวัลที่เธอเป็นเด็กดีและยอมทำตามที่เขาบอก
“ข้าวรักคุณค่ะ”
เธอตัดสินใจบอกความในใจที่ซ่อนไว้มาเนิ่นนานกับเขา และทำใจกล้าโอบเอวหนา
“ฉันก็รักเธอข้าว” พอลบอกรักเธอกลับเช่นกัน
เขาเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าเขาหลงเสน่ห์เพื่อนของลูกสาวคนนี้เข้าอย่างจัง และมันเกิดขึ้นมานานแล้วด้วยแต่เขากลับปฏิเสธมันตลอดด้วยคำว่าเ*******ูมันค้ำคอ
นอกจากหลงเสน่ห์แล้วอาจถึงขั้นหลงรักเลยด้วยซ้ำ เพราะพอมาทบทวนดู เขามักเผลอนึกถึงเธอบ่อย ๆ เขามักคอยเอาใจใส่เธอ ถามไถ่เรื่องราวของเธอจากลูกสาวอยู่บ่อย ๆ เขามักไม่ชอบใจที่เธอไปทำงานของเธอ แต่ในตอนนั้นเขาไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่าย เขามักโล่งใจที่รู้ว่าเธอยังโสด หรือบางครั้งที่ลูกสาวกลับมาเล่าให้เขาฟังเรื่องมีหนุ่ม ๆ มาจีบเธอ แต่ถูกเธอปฏิเสธ เขาก็มักมีความพอใจอยู่ลึก ๆ เขาใช้ชีวิตเพลย์บอยประสาคนโสดไปวัน ๆ แม้จะมีอะไรกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า หรือคู่ควงที่นัดกันบ่อย ๆ แต่เขาไม่เคยรู้สึกเหมือนกับที่รู้สึกกับร่างบางในอ้อมแขนนี้ เขาอายุปูนนี้แล้ว ดังนั้นถ้าไม่รู้ตัวว่าความรู้สึกที่เขามีกับเด็กสาวคือความรักก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว