EP.7 Bad rainy night

3529 Words
EP.7 Bad rainy night ---เช้าวันต่อมา--- ฉันตื่นขึ้นบนโซฟาที่เดิม เพราะไม่ได้เข้าไปนอนกับบุคคลอันตรายอย่างจีซัส ก่อนจะเริ่มแต่งตัวเพื่อออกไปตามนัดของยัยเกี๊ยวเพื่อนเลิฟ ส่วนจีซัสนะไม่มีวี่แววว่าเขาจะตื่นขึ้นมาง่าย ๆ แน่ ๆ @โรงพยาบาล "มิลิน เป็นยังไงบ้าง ?" ฉันเอ่ยทักมิลินทันทีที่ฉันกับเกี๊ยวเดินเข้ามาเยี่ยมเธอในห้อง มิลินหันมามองทางเราช้า ๆ "ต้องมนต์ เกี๊ยว" เธอเรียกชื่อของเราสองคนอย่างช้า ๆ หมอบอกว่า เรื่องการเสียชีวิตของแฟนเธอ ทำให้มิลินยังอยู่ในอาการที่ช็อกและเสียใจ ทำให้อาการของเธอทรุด แต่ยังดีที่คอยมีเพื่อนแวะเวียนเข้ามาให้กำลังใจ "ทำไมวันนั้นเธอไม่บอกฉันมากกว่านี้ ?" มิลินพูดขึ้นทั้งน้ำตาคลอ ซึ่งฉันพอเข้าใจว่าเธอคงเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น "มิลิน ต้องมนต์พยายามจะช่วยเธอสุดความสามารถแล้วจริง ๆ นะ" เกี๊ยวเอ่ยตอบแทนฉัน มิลินนั่งก้มหน้าและเงียบไป "ขอโทษจริง ๆ นะมิลิน" ฉันหน้าเสียไปเหมือนกันที่เพื่อนคิดแบบนั้น ทั้งห้องต่างเงียบสนิทอยู่ชั่วขณะหนึ่ง "ไม่เป็นไรหรอกต้องมนต์ ฉันก็แค่ยังทำใจไม่ได้ที่พี่ดินเขาจากไป" มิลินพูดและปาดน้ำตาด้วยใบหน้าที่เศร้าสลด "แต่ก็ดีแล้วที่เธอปลอดภัย และยังฟื้นขึ้นมาเพื่อที่จะมีโอกาสทำความดี และสร้างบุญให้มากขึ้น" ฉันพยายามเอาธรรมะเข้าข่มใจที่สับสนของมิลินในตอนนี้ "คนเลว ๆ แบบฉัน ทำบุญไม่ขึ้นหรอกมั้งต้องมนต์" มิลินพูดขึ้นเบา ๆ ทำเอาฉันกับยัยเกี๊ยวมองหน้ากันอย่างไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไร "เธอรู้เรื่องเมียของพี่ดินแล้วใช่มั้ย ?" ยัยเกี๊ยวที่เงียบไปสักพัก ก็ถามไถ่ถึงเรื่องนั้นด้วยความเป็นห่วงนั่นแหละ "รู้ และรู้ด้วยว่าฉันมาทีหลัง" มิลินเอ่ยตอบใบหน้าเรียบนิ่ง "แต่ถ้าเมียเขาดีจริง แล้วเค้าจะมาหาฉันทำไมจริงมั้ย ? ความรักของเรามันไม่ได้ผิดอะไร เรารักกัน เขารักฉันมากกว่าเมียตัวเองด้วยซ้ำ" มิลินพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เปลี่ยนไปจากคนเดิมที่เรารู้จัก "วันที่เขาจากไป เขายังเลือกที่จะอยู่กับฉันเป็นคนสุดท้ายเลย" มิลินพูดอย่างเหม่อลอย "แก..." ยัยเกี๊ยวเองถึงกับบีบไหล่ของมิลินเบา ๆ "พวกเธอ เลิกพูดเรื่องพี่ดินกับเมียเขาเถอะ" "พี่ดินตาย เมียเขาก็ติดคุก" "ฉันอยากลืมเรื่องพวกนี้ ฉันยังมีชีวิตใหม่ได้ ยังเริ่มใหม่กับใครได้อีก" มิลินเอ่ยปากพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม ซึ่งทำให้พวกเราไม่กล้าจะถามไถ่อะไรต่อ "ดีแล้วล่ะ งั้นใช้โอกาสนี้เริ่มต้นใหม่นะมิลิน" ฉันเองก็ส่งกำลังใจให้ไป แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะเอื้อมมือไปแตะมือของมิลิน เธอก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มซะก่อน ทำให้ฉันชะงักมือไปเล็กน้อย "ขอบคุณนะที่มาเยี่ยมฉัน" มิลินยิ้มออกมาและพูดกับเราด้วยเสียงที่อ่อนโยนเช่นทุกครั้ง แต่เราอยู่คุยกับเธอเพียงไม่นาน เราก็ขอตัวกลับ ฉันไม่รู้ว่าเพราะเหตุการณ์ร้าย ๆ นั้นเพิ่งเกิดขึ้น มันคงกระทบกระเทือนจิตใจของเธอเอามาก ๆ และไหนจะผลจากการที่เธอสลบไปนาน เลยอาจจะทำให้ทุกอย่างยังไม่ได้กลับมาเป็นปกติเท่าที่เคยเป็น "เหม่ออะไรวะ" เสียงของยัยเกี๊ยวที่ยื่นถ้วยไอศกรีมให้ฉันถามขึ้น "คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอ่ะ" ฉันพูดและยักไหล่ เหมือนติดนิสัยมาจากจีซัสเลยแหะ "เฮ้อออ" แล้วยัยเกี๊ยวก็เป็นคนถอนหายใจออกมาก่อนฉันอย่างหนักใจ "การเป็นมือที่สามของชีวิตคู่คนอื่น จะสุขแค่ชั่วคราว แต่จะทุกข์ตลอดไป" ยัยเกี๊ยวพูดอย่างนอยด์ ฉันรู้ทันทีว่าเพื่อนรักกำลังคิดถึงอะไร "คิดมากน่าแก ยัยมิลินเพิ่งจะฟื้น พูดจารู้เรื่องขนาดนี้ก็เก่งแล้ว" ฉันเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก "ก็จริง" ยัยเกี๊ยวเองก็นั่งกินไอศกรีมร้านโปรดของเราทั้งคู่ เป็นการเลี้ยงส่งที่แสนสั้น แต่เต็มไปด้วยความสุข ฉันไม่งอแงเลยสักนิดเรื่องที่เพื่อนรักคนเดียวของฉันจะต้องบินไปทำงานไกลถึงอเมริกา เพราะฉันรู้ว่าที่แห่งนั้นมีอะไรดี ๆ รอนางอยู่ เช่น คู่ชีวิต และการงานที่เจริญรุ่งเรือง เรื่องงานแต่งงานฉันไม่คิดจะบอกใครเลย เพราะว่างานแต่งในครั้งนี้เป็นแค่งานแต่งเพื่อแก้เคล็ด และผูกดวงชะตาเอาไว้เท่านั้น ฉันจึงไม่เชิญเพื่อนคนไหนเลย นอกจากยัยเกี๊ยวที่รู้ดีว่าฉันกำลังจะต้องแต่งเพราะอะไร "ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้แกในงานแต่ง" เกี๊ยวกอดร่ำลาฉันอย่างอบอุ่น จริงอยู่ที่ยัยเกี๊ยวและทุก ๆ คนในรุ่นมีศักดิ์เป็นพี่ฉันถึงสองปี ฉันจึงรู้สึกเหมือนว่ามีทั้งพี่สาวและก็เพื่อนสนิทไปในตัว "บอกว่าไม่เป็นไรไง" ฉันกอดรัดฟัดเหวี่ยงยัยเกี๊ยวกลับไป "ก็ฉันกลัวแกน้อยใจนิ" "เรื่องงานสำคัญกว่าปะ ถึงแกไม่ได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉัน ยังไงซะเราก็เป็นเพื่อนรักกันอยู่ดีนั่นแหละ" ฉันกระชับกอดยัยรูมเมทที่รัก ก่อนจะผละออกจากกันช้า ๆ "ดูแลตัวเองนะต้องมนต์" เกี๊ยวเริ่มดึงเราเข้าสู่โหมดดราม่า ฟู่ววว ฉันพ่นลมใส่หน้าของเพื่อนรัก ก่อนจะแบะปากเล็กน้อยอย่างงอแง "และก็เพลา ๆ เรื่องดูดวงให้คนอื่นบ้างนะ เป็นห่วงเขาได้ แต่บางสิ่งแกก็ต้องเคารพกฎแห่งกรรมด้วย" คุณเกี๊ยวซ่าสวมบทบาทความเป็นพี่สาว ชี้นิ้วดุฉันทันที "อย่าไปรับบาปรับกรรมแทนใคร" เกี๊ยวซ่าบ่นออกมา ซึ่งฉันเองก็ทำได้แค่พยักหน้าอย่างน้อมรับ ก่อนที่เราจะต้องแยกจากกันอีกครั้ง เพื่อไปตามทางของแต่ละคน อื้ออออออ อื้อออออออ เสียงโทรศัพท์ในย่ามสไตล์โบฮีเมียนของฉันสั่นดังขึ้น -Unknown- "ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ต้องมนต์รับสายค่ะ" ฉันเอ่ยตอบไปอย่างสุภาพ "เธอหายไปไหน ?" เสียงงัวเงียของคนที่ชื่อจีซัสพึมพำขึ้น "ฉันออกมาข้างนอกนะ" ฉันบอกไปตามตรง "ข้างนอกนะที่ไหน เดี๋ยวฉันจะรับ" จีซัสพูดด้วยเสียงง่วง ๆ "เฮ้ย ไม่ต้องมารับหรอกน่า ฉันกลับเองได้" "มัมสั่งให้ฉันกับเธอไปลองชุดแต่งงานด้วยกันวันนี้" "อยู่ไหน เดี๋ยวไปรับ" เขาย้ำประโยคนั้นอีกครั้ง "เอางี้ เดี๋ยวเราไปเจอกันที่ร้านเลยก็ได้ ฉันออกมาข้างนอกแค่นั่งแท็กซี่ไปนิดเดียวก็ถึงร้านแล้วละ" ฉันตอบไปอย่างเลี่ยง ๆ เพราะไม่อยากอยู่สองต่อสองกับจีซัส "เรื่องมาก" เขาบ่น ๆ "งั้นรีบมาเลยนะ ฉันจะไปที่ร้านก่อน เพราะนัดเพื่อนเจ้าบ่าวเอาไว้" เขาตอบทิ้งท้ายเอาไว้ และกำลังจะวางสายไป "เออ จีซัส ๆ" ฉันร้องเรียกขึ้นเอาไว้ก่อน "แต่ฉันไม่มีเพื่อนเจ้าสาวอ่ะ" ฉันตอบไปเมื่อมองรถของยัยเกี๊ยวที่ขับออกไปไกลสุดตาแล้ว "คนเพี้ยน ๆ อย่างเธอ มีเพื่อนก็แปลกแล้ว" และนั่นคือคำกวน ๆ จากคู่หมั้นสุดประเสริฐของฉันเอง "เจอกันที่ร้านเลยนะ เพราะต่อให้ไม่มีเพื่อนเจ้าสาว ยังไงเราก็ต้องแต่งกันอยู่ดีนั่นแหละ มัมคงไม่ยอมล่มงานนี้ง่าย ๆ" จีซัสตอบมาด้วยน้ำเสียงประชด ๆ และตัดสายไปทันที "อยากแต่งด้วยจะแย่ พ่อคูณณณณ" ฉันแยกเขี้ยวอย่างเจ็บใจ @ร้านตัดชุดแต่งงาน ฉันลงจากแท็กซี่ที่ขับพาไปหลงทางอยู่เกือบจะชั่วโมง แต่ก็ไม่กล้าว่าให้คุณลุงแก ด้วยความสงสารจึงยอมจ่ายตามมิเตอร์ไป ทันทีที่ก้าวลงจากรถ ฉันก็เจอกับพี่บลูไนท์ กับพี่สาวคนหนึ่งในชุดไทยเดินออกมาจากร้านพอดี "อ้าว พี่บลูไนท์ สวัสดีค่ะ" ฉันยกมือไหว้พวกเขาทั้งสองคนอย่างมีมารยาท มีเพียงพี่ผู้หญิงที่พยักหน้ารับการสวัสดีของฉัน เพราะว่า "ปล่อย ฉันไม่ชอบหนีปัญหา ฉันจะกลับไปเคลียร์กับแม่งให้จบ" พี่บลูไนท์ขึ้นเสียงใส่เธอและเตรียมจะพุ่งกลับไปที่ร้านตัดชุดนั้น หรือว่า พี่บลูไนท์จะทะเลาะกับจีซัส "กลับเถอะนะ เชื่อฉัน" แฟนของพี่บลูพยายามรั้งเขาเอาไว้ สองคนนั้นยื้อกันไปมาจนฉันไม่รู้ว่าควรจะแทรกไปห้ามอย่างไงดี "ก็บอกว่าไม่ไง!!" พี่บลูไนท์โกรธจัดจนสะบัดแขนของพี่ผู้หญิงคนนั้น จนแกหงายตกฟุตบาท เพราะส้นสูงนั้นพลิก "พราว" พี่บลูรีบคว้าแขนเธอเอาไว้ก่อนจะล้มลงไปกับพื้น "พี่คะ ระวังค่ะ" ฉันรีบเดินเข้าไปประคองเธอไว้ทันที เธอมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก แน่นอนว่าเจ็บแน่ ๆ ฉันก้มลงไปดูที่ข้อเท้าของเธออย่างไม่ถือตัว "ข้อเท้าพลิกเลยนะคะ เจ็บมากแน่ ๆ" ฉันมองอาการเท้าของเธอแบบคร่าว ๆ "ลุกขึ้นมาเถอะน่ะ พี่โอเค" เธอกัดฟันพูด ทั้งที่หน้าซีด ๆ แต่การเจ็บตัวของเธอ ช่วยให้คนที่กำลังเดือดดาลข้าง ๆ สงบลงได้บ้าง "เดินได้รึเปล่า ?" เขาหันไปถามด้วยเสียงแข็ง ๆ "ได้สิ เรากลับบ้านกันเลยเถอะนะ" พี่ผู้หญิงเขย่าแขนของพี่บลูไนท์และพยายามอ้อน ๆ "อื้อ" จนในที่สุดพี่บลูไนท์แกก็ยอมอ่อนลงบ้างในที่สุด "ระวังดัวยนะคะ" ฉันพูดอย่างอดห่วงไม่ได้ เพราะว่าเท้าช้ำแดงช้ำม่วงขนาดนั้น "ไปก่อนนะคะ" เธอเองก็พยักหน้ากลับมาอย่างยิ้ม ๆ ไม่นานพวกเขาสองคนก็เดินกลับไปที่รถ โดยพี่บลูไนท์ช้อนตัวของแฟนขึ้นมาอุ้มแนบกาย แบบโรแมนติกสุด ๆ แต่สิ่งที่ฉันเห็นมากกว่านั้นก็คือ เทวดาตัวน้อยที่กำลังเดินตามเขาต่างหาก "พวกเขากำลังจะมีเรื่องดีเข้ามา" ฉันมองอย่างอมยิ้ม "จะยืนคุยกับผีอีกนานมั้ย ?" เสียงนั้นดังขัดขึ้นมาซะก่อน "นายทะเลาะกับพี่บลูไนท์หรอ ?" ฉันถามและมองจีซัสที่สภาพเสื้อยับเยินและดูหน้าบึ้งตึง "เปล่า ไอ้บลูทะเลาะกับเพื่อนอีกคนเพราะผู้หญิง" จีซัสตอบอย่างถอนหายใจหอบเหนื่อยไปด้วย "พี่บลูกับเพื่อนอีกคน ?" ฉันมองไปรอบ ๆ อย่างสงสัยไปด้วย "เออดีเนอะ ฉันเป็นพี่เธอห้าปี แต่เธอไม่เห็นเรียกฉันว่าพี่บ้างเลย" จีซัสทวงคำว่าพี่ในขณะที่ฉันถามเรื่องอื่น "ก็นายมันไม่น่านับถือนิ" ฉันแบะปากตอบไป "เธออยากให้ฉันเป็นมากกว่าพี่ต่างหาก" ได้ทีเขาก็โอ้อวดออกมาแบบหลงตัวเองสุด ๆ เลย "ตั้งสติแล้วพูดใหม่ด้วยนะจีซัส" ฉันเถียงกลับไปอย่างไม่ยอม "อ่ะ ๆ วันนี้ฉันเครียดกับพวกมันก็มากพอแล้ว" "เธอรีบเข้าไปลองชุดซะสิ เดี๋ยวฉันจะได้ไปส่งกลับบ้าน" เขาจับไหล่ของฉันและดึงตัวของฉันเข้าไปในร้าน ผู้ชายหน้าตาดีอีกคนหนึ่งเดินสวนฉันกับจีซัส "กูก็ไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นไงนะ แต่มึงอย่าลืมว่ามึงมีครอบครัวแล้ว" จีซัสพูดกลับไปที่ชายคนนั้น ซึ่งเขาก็หันกลับมามองทางจีซัสเล็กน้อย "ไม่มีใครรู้เรื่องนั้นดีเท่ากูหรอกไอ้จี โทษทีนะแต่กูคงไม่มีอารมณ์ลองชุดแล้ว" เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกจากร้านไป "นี่มันเรื่องเชี้ยไรวะเนี่ย ?" เขาพยายามนวดขมับตัวเองที่เครียดไปด้วย ฉันเลยเลือกที่จะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่น "ไปลองชุดสิ ยัยบื้อ" จีซัสดันตัวของฉันให้กับพนักงานในร้านได้ช่วยกันลองชุด และแปลงโฉมเสมือนจริง เพื่อส่งภาพถ่ายไปให้น้าแหม่ม เพื่อรายงานความเรียบร้อย จีซัสโอบไหล่ของฉันเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปส่งให้มัมของเขา แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาโอบไหล่ของฉัน จู่ ๆ มือของเขากลับกลายเป็นความเย็นยะเยือก เย็นแบบชวนขนหัวลุก แชะ ทันทีที่แสงแฟลชจากมือถือสาดส่องตรงมาที่ดวงตาของฉัน "จีซัส" ฉันเรียกชื่อนั้นแผ่วและเผลอกำชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่น เพราะสิ่งที่เห็นในนิมิตคือภาพของจีซัส ที่มีมือเงามือกอดรั้งตัวของเขาเอาไว้ และทำท่าเหมือนกำลังบีบที่คอของเขา ฟุ๊บบ ฉันดึงเสื้อของเขาจนตัวของเขาขยับมากระแทกกับหน้าของฉันทันที "มีอะไร ?" จีซัสก้มหน้าลงมองฉันเล็กน้อย เมื่อฉันเผลอเรียกชื่อของเขาออกไปแบบไม่ได้ตั้งใจ เสียงเรียกของเขาทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์นั้นทันที ฉันมองรอยแดงช้ำที่คอของเขา ก่อนจะส่ายหน้าตอบกลับไปอย่างไม่มีอะไร "เรียกแล้วก็ไม่พูด ฉันเพื่อนเล่นเธอหรอไง" จีซัสแขวะใส่ฉันก่อนจะยีผมเล่นอย่างสนุกมือ __________________ บนรถ ระหว่างทางกลับบ้าน ฝนตกแบบมืดฟ้า มัวดินมาตลอดทาง และฤดูฝนนี่แหละที่ฉันเกลียดมากที่สุด เพราะในตอนที่ฉันอยู่บ้านสวนที่ต่างจังหวัด เพราะว่าในคืนเดือนดับในวันฝนพรำ พวกเหล่าคนเล่นของต่ำ ๆ มักจะเลือกปล่อยผี หรือวิญญาณร้ายในคืนนี้ "สิ่งที่ปู่มองเห็น มันคงใกล้เข้ามาแล้วสินะ" ฉันสัมผัสที่ต้นแขนของตัวเอง ที่ที่จีซัสเพิ่งจะสัมผัสนั้น "ยิ่งใกล้ถึงวันเกิดเขา ฉันก็คงจะยิ่งมองเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ" ฉันพูดกับตัวเองเบา ๆ และเหลือบไปมองจีซัสที่ขับรถต่อไปอย่างระมัดระวัง เพราะฝนตกหนักมากจริง ๆ ปู่เคยบอกฉันในงานวันหมั้นวัยเด็กว่า ฉันช่วยเขา และเขาก็ช่วยฉัน แต่ฉันไม่สามารถแปลความหมายนัย ๆ ของปู่ได้เลย ว่าท่านหมายความว่ายังไง "ยัยตอ มอ ตอ หยิบหมากฝรั่งให้หน่อย ตรงคอนโซลรถ" จีซัสพูดขึ้นทั้งที่ตายังคงมองแต่ท้องถนน ฉันไม่ชอบเสียงฟ้าแบบนี้เอาซะเลย "เป็นไรไป ?" เขาถามเหมือนเห็นว่าฉันนิ่ง ๆ ไป "เปล่า" ฉันก้มหน้าหาหมากฝรั่งตามที่เขาบอก เพียงแต่ว่า "รสสตรอว์เบอร์รี ?" ฉันอ่านรสนั้น ก่อนจะฉีกซองออกมาพร้อมกับ น้ำ...น้ำมันอะไรไม่รู้ไหลออกมาเลอะเต็มกระโปรงของฉันไปหมด เสียงเบรกดังขึ้นทันทีที่จีซัสหันกลับมามองทางฉัน "น้ำอะไรเนี่ย ?" ฉันหันไปถามเขาพลางหากระดาษซับน้ำที่เลอะกระโปรงของฉันอยู่ แต่ว่า "น้ำหล่อลื่นในถุงยาง!" เขาหันมาตอบหน้านิ่ง ๆ !! "ยัย...บื้อ เอ๊ยยย" จีซัสถอนหายใจออกมาแบบหนักหน่วง ก่อนจะหยิบซองหมากฝรั่ง ไม่ใช่สิ มันคือสิ่งแปลกปลอมไปจากมือของฉัน "อันนี้มันคือถุงยางอนามัย ไม่ใช่หมากฝรั่ง เธอไม่เคยแกะซองถุงยางสินะ" เขาตอบหน้าตาย ก่อนจะใช้กระดาษทิชชูห่อมันเอาไว้ "หมากฝรั่งนะ อันนี้ต่างหาก" เขาหยิบหมากฝรั่งที่วางอยู่ข้าง ๆ กับซองถุงยางอนามัยนั้น "ใครใช้ให้นายวางไว้ด้วยกันละ ทุเรศอ่ะ" ฉันเอาทิชชูมาเช็ดที่มืออย่างรู้สึกแปลก ๆ ที่สัมผัสกับไอ้ถุงยางอนามัยนั่น "ก็บางทีรีบ จะได้หาง่าย" จีซัสเคี้ยวหมากฝรั่งและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ๆ "โรคจิต" ฉันทำหน้ายี๋ ๆ ใส่เขาไป "แต่เธอนี่ก็หมกมุ่นนะ มีถุงยางอยู่แค่ซองเดียว ดันหยิบถุงยางซะได้" เขาพูดอย่างล้อเลียนใส่ฉัน "อึ๊ยยย" ฉันได้แต่นั่งแยกเขี้ยวอย่างหงุดหงิดกับตัวเอง จีซัสขับกลับมาส่งฉันที่คอนโดของเขาเอง "ฉันคงกลับเช้า เธอเข้าไปนอนห้องฉันก็ได้นะ" จีซัสพูดก่อนจะเปิดล็อกประตูรถของเขา ฉันพยักหน้าเบา ๆ "และก็ฝากทิ้งขยะให้ด้วย" เขายื่นถุงยางอนามัยที่ห่อกระดาษนั้นที่ฉันเผลอแกะอย่างไม่ตั้งใจ "นี่นาย" ฉันส่ายหน้าเล็กน้อย "ยังไม่ได้ใช้ ไม่ได้สกปรกหรอกน่า เธอเป็นคนฉีกเองกับมือ ทำเป็นลืม" เขาบ่นและยัดใส่มือของฉันในที่สุด ครื้นนนน เสียงฟ้าเริ่มร้องดังขึ้นราวกับพายุจะเข้า "กรี๊ดดด" ฉันเผลอร้องออกมาอย่างตกใจและเอามือปิดหูทันที จีซัสเงยหน้ามองไปที่ท้องฟ้าที่มีไฟแลบ ๆ เป็นระยะ ๆ "ลงไปได้แล้ว ฉันต้องรีบไป" เขาพูดพลางมือหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นเบอร์ของสาว ๆ ในสต็อกนั้นโทรเข้ามา ถ้าถามสิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดในชีวิตสักสามอย่าง หนึ่ง พ่อแม่ ปู่ สอง ผี สาม ฟ้าร้องฟ้าผ่าและความมืดมิดของคืนเดือนดับแบบนี้ "นาย ไม่ไปได้มั้ย" ฉันถามจีซัสไปอย่างลืมตัว เขานิ่งไป ก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ ฉันเพื่อ แกร๊ก เปิดประตูรถฝั่งฉันแทนคำพูด "แค่ฟ้าร้อง เธอไม่ตายหรอกน่า แต่ฉันมีนัดสำคัญ!" เขาตอบแค่นั้น เป็นการไล่ให้ฉันลงจากรถ โดยไม่ต้องออกไปไล่ตรง ๆ หลังจากที่ฉันก้าวลงจากรถ พอปิดประตูปุ๊บรถของจีซัสก็เร่งเครื่องออกไปทันทีอย่างไม่มีรีรอ ไร้เยื่อใยดีเนอะ ยัยต้องมนต์เอ๊ย พูดออกไปทำไมกัน ฉันหยิกแขนของตัวเองอย่างโกรธเคืองตัวเอง ที่พูดแบบนั้นออกไป -บนคอนโดสุดหรูสูงเสียดฟ้า ในคืนฝนตกกระหน่ำ- ท่ามกลางสายฝนและเสียงฟ้าร้องที่แสนจะน่ากลัวนั้น ฉันรีบวิ่งเข้าห้องทันทีอย่างกลัว ๆ ครึ๊งงงงงง "กรี๊ดดดดดดด" ฉันหวีดร้องทันทีที่เสียงฟ้าผ่านั้นใกล้เข้ามามาก ๆ ห้องของจีซัสอยู่ชั้นบนสุดและเสียงมันก็สนั่นหวั่นไหวไปทั้งตึก ราวกับว่า สายฟ้าฟาดลงกลางห้องของจีซัสไปแล้วจริง ๆ แสงไฟในห้องที่กะพริบ ๆ ฉันเดินเข้ามาภายในห้องอย่างหวาดระแวงในความมืด มีเพียงไฟของโทรศัพท์เท่านั้นที่ส่องสว่างเพียงจุดเดียว และแบตโทรศัพท์ที่มีไม่ได้มากเท่าไร ถึงฉันจะมีสัมผัสที่หก แต่ก็ใช่ว่าฉันจะไม่กลัวผีนี่ ยังไม่ทันที่จะปิดประตูห้องได้สนิท ไฟทั้งห้องก็ดับลงทันที ครื้งงงงงง "อื้อออออ" ฉันเอามือปิดหูและทรุดนั่งลงอย่างตัวสั่น และไม่กล้าที่จะก้าวขาออกไปไหนเลย ทำได้แค่นั่งข้าง ๆ ประตูอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ สายฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างลงที่ต้นไม้อยู่ไม่ไกลมากนัก ในค่ำคืนเดือนดับที่มืดมิด ฉันทำได้แค่กำสร้อยเครื่องรางในคออย่างหลอน ๆ ราวกับหนังสยองขวัญ ครื้งงงงง เปรี้ยง!!! เสียงฟ้าร้องสะเทือนไปทั้งตึก ขนาดเอามือปิดหูไว้แล้วก็ยังได้ยินเสียงนั้นชัดเจน ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของจีซัสอีกครั้ง เพื่อที่จะถามเขาเรื่องเทียนไขในห้อง หรือวิธีเปิดไฟสำรอง ไฟฉุกเฉินต่าง ๆ ตูดดดดด ตูดดดดดด ตูดดดดดดดด "ฮัลโหล ว่าไง ?" ปลายสายรับขึ้นด้วยเสียงกึ่งหงุดหงิดใส่ฉัน ท่ามกลางเสียงเพลงในไนต์คลับ "คือว่า ไฟมันดับอ่ะ" ฉันพูดไปอย่างพยายามไม่สั่น ทั้งที่กลัวจนน้ำตาไหล "ที่คอนโดมีเทียนหรือไฟฉายบ้างมั้ย ?" ฉันพูดแทรกไป ทั้งที่เพลงมันดังจนแทบไม่ได้ยินอะไรเลยจากฝั่งของเขา "อะไรนะ ?" ปลายสายตะโกนกลับมาเพราะเขาก็ไม่ได้ยินเช่นกัน "ไฟมันดับที่ห้องพอมีไฟฉาย หรือ..." ครื้งงงงง~~~ เสียงฟ้าดังลั่นสนั่น "อื้อออออ ฉันกลัวฟ้าร้องอ่ะ" ฉันร้องออกไปอย่างกลัวลนลาน ครื้งงงงง!! "ต้องมนต์" เสียงสัญญาณเริ่มขาด ๆ หาย ๆ ไป ~~~~~~ "จีซัสขาาาาา" เสียงกระเซ้าของสาวคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมาก่อนที่ฉันจะพูดอะไรต่อ และเขาก็... ตู๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD