เอี๊ยด! โครม!
'หมอเสียใจด้วยนะครับ พวกเขามาช้าไปนิดเดียว'
เฮือก!
แฮ่กๆๆๆ
ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาตอนดึก ใบหน้าเปียกซึมไปด้วยเหงื่อทั่วหน้า เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองรูปภาพสองรูป ภาพแรกเป็นผู้ชายใส่สูทดูดี ภาพที่สองเป็นภาพผู้หญิงสวมชุดไทยใบหน้ายิ้มหวาน เขามองท่านทั้งสองคนก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
"ตอนนี้พ่อกับแม่จะเป็นยังไงบ้างนะ แต่ไม่ต้องย้อนมาถามผมหรอกนะว่าสบายดีรึเปล่า ผมขอตอบเลยนะว่าเหนื่อยมากจริงๆ ผมในวัยอายุสิบแปดปีต้องมารับผิดชอบทุกอย่างในบริษัทที่มีแต่คนคอยสบประมาทตลอดเวลา แต่ตอนนี้ผมผ่านมาได้แล้วนะ หกปีที่พ่อกับแม่จากไป หกปีที่ผมต้องใช้ชีวิตคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว วัยที่กำลังจะมีเพื่อนได้เที่ยวเล่นเหมือนคนอื่น แต่ก็ต้องเลิกฝันเพราะภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ผมต้องขอบคุณอาทินกรคนสนิทของคุณพ่อ เขาเป็นคนดีมากและเขาคือผู้มีพระคุณคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ของผม"
เขาลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนอน จะให้นอนอีกครั้งก็คงจะนอนไม่หลับแล้ว ไปหาอะไรเย็นๆดื่มแก้เบื่อดีกว่า พรุ่งนี้ก็จะต้องไปรายงานตัวเรียนมหาวิทยาลัยอีก ทั้งเรียนทั้งทำงานไม่มีเวลาเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ แถมบ้านนี้ก็เงียบเหงา มีแต่แม่บ้าน คนสวนเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขา
วินเปิดตู้เย็นหยิบน้ำส้มคั่นสดออกมาเทใส่แก้วก่อนจะยกขึ้นดื่มจนหมด เขาเทลงไปอีกแก้วแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องหยิบโทรศัพท์เข้ามาดู
"วันนี้ผมขอลานะครับคุณวิน หมอนัดอีกแล้ว"
เขาวางโทรศัพท์ลงก่อนจะขมวดคิ้วอย่างสงสัย รู้สึกว่าช่วงนี้อาทินกรจะไปโรงพยาบาลบ่อยเหลือเกิน ไม่รู้ว่าป่วยอะไรร้ายแรงรึเปล่าพอถามก็ไม่ยอมตอบวันนี้เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นอะไรด้วยการตามไปถึงโรงพยาบาล
"พรุ่งนี้ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณเป็นอะไร"
หลังจากนั้นเขาก็นั่งอ่านไฟล์งานจนถึงเช้าแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารโดยมีแม่บ้านเตรียมให้
"คุณวินรับอาหารเช้าเลยมั้ยคะ"
"เอามาเลยครับป้านมแจ่ม ขอกาแฟเพิ่มด้วยนะครับผมรู้สึกง่วงอีกแล้ว"
"ตื่นมาทำงานดึกอีกแล้วใช่มั้ยคะ"
เขาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มหวาน ป้านมแจ่มเป็นแม่บ้านคนเก่าแก่ของที่นี่ อยู่ตั้งแต่พ่อกับแม่ยังอยู่เขาถือว่าเป็นญาติคนหนึ่งเลยละ ส่วนญาติพี่น้องของพ่อกับแม่ พวกเขาอยู่ต่างจังหวัดและตัวเขาเองไม่ได้สนิทสนมมากนักก็เลยไม่ได้ไปมาหาสู่ เลยทำให้เขาตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง แต่อยู่แบบนี้ก็ดี
"ครับ มันนอนไม่ค่อยหลับ"
"ฝันร้ายนะสิคะ คุณวินเลิกคิดมากเถอะนะคะ ไม่อย่างนั้นลองหาอะไรมาเลี้ยงดูมั้ยคะจะได้ไม่เหงา"
เขาไม่ค่อยชอบเลี้ยงสัตว์เท่าไหร่ติดรำคาญมากกว่า เลี่ยงได้เลี่ยงเลย
"ผมไม่ชอบนะครับมันชอบมาใกล้เซ้าซี้น่ารำคาญ"
"นี่ถ้าวันหนึ่งคนที่คุณวินรักเขาอยากเลี้ยงขึ้นมาจะทำยังไงคะเนี้ย"
ป้านมแจ่มเอ่ยแซวขำๆ ถ้าวันหนึ่งคุณวินมีแฟนขึ้นมาแล้วเธอชอบเลี้ยงสัตว์คงจะไม่ยอมไม่ได้หรอกนะ
"ก็ต้องดูอีกทีครับ แต่ผมคงไม่เอาใครมาผูกมัดตัวเองหรอก ภาระผมเยอะเวลาแทบไม่มี อยู่คนเดียวก็สบายใจดีครับ"
"ถ้ามีขึ้นมาคุณวินจะมีเวลาเองค่ะ"
ป้านมแจ่มยิ้มกว้างออกมาก่อนจะวางแก้วน้ำเย็นลงแล้วเดินไปชงกาแฟต่อ เขายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะจัดการทานข้าวตรงหน้าให้เรียบร้อยจะได้รีบไปโรงพยาบาล
@โรงพยาบาล
เขาให้เลขาของอาทินกรสืบมาเรียบร้อยแล้วว่าเขามาที่โรงพยาบาลอะไร และตอนนี้เขาเจอตัวแล้วกำลังจะเข้าห้องตรวจพอดี
"คุณอาทินกร"
เขาชะงักไปก่อนจะหันไปมองตามเสียงเรียก ใบหน้าเศร้าเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเจ้านายจะตามมาถึงที่นี่ ความลับที่เก็บไว้มาสักพักกำลังจะถูกเปิดเผย
"คุณวิน!! มาทำอะไรที่นี่"
"ผมอยากรู้ว่าคุณอาเป็นอะไรทำไมถึงต้องมาที่โรงพยาบาลบ่อยๆ ตกลงว่าป่วยเป็นอะไรครับทำไมถึงต้องมาบ่อยขนาดนี้"
เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ใจจริงก็อยากจะระบายกับใครสักคนแต่ไม่อยากให้เป็นเจ้านายเลย เพราะเขาภาระเยอะทั้งเรียน ทั้งทำงาน ทุกอย่างต้องพึ่งพาตัวเองอยู่ตลอด เขาไม่อยากจะเอาความเครียดมาสุ่มอกของเขาแต่ตอนนี้คงจะเลี่ยงไม่ได้แล้ว
"รอผมอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวผมจะมาคุยด้วย"
วินพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งรอหน้าห้องตรวจ ส่วนทินกรก็รีบไปพบหมอแล้วรับยาก่อนทั้งสองคนจะพากันไปนั่งร้านกาแฟหาที่คุยกันเงียบๆ
"ตกลงคุณอาเป็นอะไรครับ ผมช่วยได้นะไม่ว่าจะเป็นค่ารักษา หมอเก่งๆ ผมช่วยได้ทุกอย่าง ชีวิตนี้เหลือแต่คุณอาคนเดียว คุณเปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของผม มีอะไรบอกผมนะครับ"
เขาเอ่ยออกมาแกมขอร้อง ที่เขามาในวันนี้เพราะเป็นห่วงจริงๆ ถ้าเขาเป็นอะไรร้ายแรงขึ้นมาจะทำยังไง
"อาเป็นมะเร็งตับนะ"
เขาเอ่ยออกมาเสียงสั่น ภายในใจรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ใช่ว่าเขากลัวความตายแต่ที่เขากลัวเพราะว่าเขายังมีลูกสาวอีกคนหนึ่ง ซึ่งถ้าเขาเป็นอะไปเธอจะอยู่ยังไง
"อะ..อะไรนะครับ! แล้วหมอว่าไงบ้างรักษาได้มั้ย ผมหาโรงพยาบาลใหม่ให้ดีกว่าเอาที่ดีที่สุดเลย ถ้าหมอที่ไทยไม่เก่งพอผมจะให้คุณอาไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ผมจะออกค่าใช้จ่ายเองทุกอย่าง"
เขาเริ่มรู้สึกแย่มากที่ตลอดเวลาเอาแต่ขอให้คุณอาช่วยทุกอย่างจนลืมไถ่ถามสุขภาพ เขาส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะเอ่ยออกมา
"มันไม่ทันแล้ว อาเป็นหนักแล้วหมอให้ทำใจรอเวลาเท่านั้น"
"มันต้องมีทางสิครับอา อย่าถอดใจสิ"
"มันไม่มีทางแล้วครับคุณวิน ตอนนี้ผมไม่ได้กลัวความตายเลย แต่ผมมีลูกสาวอยู่เธอเพิ่งเรียนอนุบาลอายุกำลังจะหกขวบ ถ้าผมเป็นอะไรขึ้นมาเธอจะอยู่ยังไง"
เขากุมขมับอย่างเครียดหนัก แม่ของลูกก็หายไปจากชีวิตของทั้งสองคนไปนานมากแล้ว ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน เขากลัวเหลือเกินกลัวว่าเธอจะต้องไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็ก เขากลัวไปหมด
"คุณอามีลูกสาวเหรอครับ ทำไมผมไม่เคยรู้"
"ผมไม่อยากจะเอาอะไรเกี่ยวกับครอบครัวของผมมาให้คุณวินปวดหัวนะก็เลยไม่เคยพูด ถ้าตอนนี้ผมไม่อยู่แล้วหนูนิดคงต้องไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า"
เขาพอมีสมบัติมากอยู่ที่จะให้ลูกเลี้ยงดูตัวเองได้สบาย แต่เธอยังเด็กมากที่จะดูแลตัวเองได้ในเวลานี้
"พาผมไปหาหนูนิดได้มั้ยครับ"
เขาเงยหน้ามองเจ้านายด้วยแววตาที่บอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดจะทำอะไร แต่จะขอให้เขาช่วยดูแลเกรงจะรบกวนเกินไปรึเปล่า
"อยากเจอเธอเหรอครับ"
"ครับ ผมอยากทำความคุ้นเคยกับหนูนิดไว้ อย่างน้อยถ้าโรคที่คุณอาเป็นมันไม่มีทางรักษาได้ งั้นผมจะตอบแทนบุญคุณของอาเป็นอย่างอื่น"
"คุณวิน! การเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องเล็กนะครับ"
"ผมมีเงินมากมาย ป้านมแจ่มก็อยู่ อีกอย่างที่บ้านผมมีแค่ผมคนเดียว การมีเด็กน้อยอีกคนมาอยู่ด้วยถือเป็นเรื่องไม่เหงานะครับ"
เขายิ้มออกมาบางๆ ไหนๆก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว งั้นเขาจะเป็นคนดูแลหนูนิดแทนคุณอาจนกว่าเธอจะโตพอที่จะดูแลตัวเองได้
"คุณวิน ฮึก! ผม..."
"ไปกันเถอะครับวันนี้ไปรับหนูนิดที่โรงเรียนกันดีกว่า"
เขาชวนคุณอาไปที่โรงเรียนอนุบาล ซึ่งก็เป็นโรงเรียนที่ไม่ได้แพงอะไรมาก น่าจะใกล้บ้านมากกว่าและที่โรงเรียนรับเลี้ยงพิเศษตอนเย็น คงเพราะคุณอามาช่วยงานดึกตลอด พอรู้แบบนี้แล้วอดสงสารเด็กน้อยไม่ได้
"หนูนิดคุณพ่อมารับค่ะ"
เด็กน้อยสะพายกระเป๋าวิ่งออกมาก่อนจะยิ้มอย่างดีใจแล้วกระโดดกอดคอผู้เป็นพ่อ
"คุณพ่อสวัสดีค่ะ มารับหนูนิดไวจังเลย"
"ไม่ดีใจหรือไงคะ"
"ดีใจค่ะ"
เด็กน้อยยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหันไปมองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาสงสัย
"ใครคะ.."
เด็กน้อยเอียงคอถามอย่างสงสัย วินยิ้มออกมาอย่างถูกใจเด็กน้อย ทำไมน่ารักอะไรอย่างนี้นะ พูดเก่ง ยิ้มเก่ง ทำอะไรก็ดีไปหมด
"พี่ชื่อพี่วินค่ะ หนูนิดอยากไปกินไอศกรีมกับพี่วินมั้ยเดี๋ยววันนี้พี่วินพาไป"
เขายื่นมือไปให้เด็กน้อยจับ หนูนิดหันไปมองคุณพ่อไม่กล้าตอบรับ เธอไม่เคยรู้จักเขาแต่มีความสนใจที่จะทานไอศกรีม
"ไปสิลูก พี่วินเขาใจดีนะ"
"จริงเหรอคะ งั้นหนูนิดไปกับพี่วินค่ะ"
เด็กน้อยจับมือชายหนุ่มไว้ก่อนจะยิ้มแก้มปริออกมาอย่างดีใจที่จะได้ไปทานไอศกรีม วินยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะอุ้มเด็กสาวมาไว้ในอ้อมกอดแล้วพาเดินไปยังรถของตัวเอง
"อยากได้ชุดสวยด้วยมั้ยคะ พี่วินซื้อให้"
เด็กน้อยตาโตกอดคอชายหนุ่มแล้วเอียงคอถาม
"ชุดสวยเหรอคะ ชุดนางฟ้ารึเปล่าที่มีปีกนางฟ้าด้วย"
"หนูนิดอยากได้เหรอคะ"
"ใช่ค่ะเห็นในทีวีสวยมากเลยค่ะ"
"งั้นไปซื้อกันนะคะ"
เขายิ้มออกมาก่อนจะพาเด็กน้อยขึ้นรถ ทินกรมองตามทั้งสองคนไปก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ อย่างน้อยถ้าเขาจากโลกใบนี้ไป ลูกสาวของเขายังมีคนที่ดีและเขาไว้ใจให้ดูแลเธอได้