ตอนที่ 6 รู้ทัน

1322 Words
ตอนที่ 6 รู้ทัน ยามเฉิน (07.00-08.59) จ้าวตี๋เฟยและเหล่าขุนนางต่างก็เริ่มรู้สึกตัวกันขึ้นมาบ้างแล้ว กลิ่นเปรี้ยวของสุราติดตามอาภรณ์และเส้นผม แม้แต่ลมหายใจก็ยังมีกลิ่นฉุนออกมาไม่เว้น แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาบ่งบอกว่าราตรีกาลได้ผ่านพ้น กลายเป็นเช้าวันใหม่ขึ้นมาแทน องค์รัชทายาทผู้นี้ได้ใจผู้คนในที่นี้เป็นอย่างมาก พระองค์สามารถเลือกที่จะเข้าไปหาพระชายาในห้องหอได้ทุกเมื่อ ทว่าเมื่อเห็นว่าเหล่าขุนนางต่างก็พากันขอร่วมดื่มกับเขาไม่หยุด เขาจึงไม่อาจหลบออกไปได้ จ้าวตี๋เฟยยกมือขึ้นลูบไปที่ท้ายทอยตนเอง เขามองไปรอบ ๆ ห้องก่อนจะก้มมองชุดของตน พลันนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมเลือนเจ้าสาวที่อยู่ในห้องเสียสนิท ร่างหนาขยับตัวลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน "ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานแต่งของข้า หลังจากนี้ไปข้าขอให้พวกท่านตั้งใจทำงานรับใช้บ้านเมืองให้เต็มความสามารถ แคว้นซีจิ้งเป็นของพวกเราทุกคน เราย่อมต้องช่วยกันดูแล ข้าขอตัว" "พ่ะย่ะค่ะ" เหล่าขุนนางตอบรับกันอย่างจริงใจ หลังจากนี้ไปทุกคนย่อมปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเต็มที่แน่นอนให้สมกับความดีขององค์รัชทายาทผู้นี้ จ้าวตี๋เฟยสะบัดชายผ้าสีแดงมงคลก้าวขาเดินออกมาได้เพียงสามก้าวก็ต้องหยุดชะงักลง สายตาพยัคฆ์หันไปมองผู้มาใหม่ด้วยความสงสัย คิ้วหนากระตุกขึ้นเพราะความรู้สึกที่บอกว่า มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว "ทูลองค์รัชทายาท ฝ่าบาทมีรับสั่งให้พระองค์นำทัพออกไปต้านกบฏที่ทางฝั่งตะวันออก พวกโจรภูเขาร่วมมือกับชาวบ้านบางส่วนก่อความไม่สงบไปทั่วแล้วพ่ะย่ะค่ะ" ฝ่ามือหนากำเข้าหากันแน่น ช่างบังอาจนักกล้าก่อความไม่สงบในแคว้นซีจิ้งอย่างนั้นหรือ? สีหน้าองค์รัชทายาทหนุ่มดุดันขึ้นทันที "ข้ารู้แล้ว ถังเว่ยจัดทหาร!"จ้าวตี๋เฟยออกคำสั่งอย่างไม่รอช้า เหล่าขุนนางที่ยังเหลืออยู่ต่างก็มองหน้ากันกระสับกระส่าย ปัญหาโจรภูเขาก่อความไม่สงบมีมานาน ทว่าไม่มีใครคาดคิดว่าจะกล้าก่อกบฏขึ้นมาอย่างอุกอาจเช่นนี้ "ทุกท่านข้าไม่อาจอยู่ส่ง ขอพวกท่านเดินทางกลับกันให้ดี" เมื่อบอกกล่าวเสร็จจ้าวตี๋เฟยพลันก้าวขาออกจากห้องรับรองอย่างรวดเร็ว อาชาสีขาวคู่ใจถูกจูงมาตรงหน้า ร่างกำยำตวัดขาขึ้นไปนั่งอย่างสง่าผ่าเผย เสียงก้องกังวานดังขึ้นอย่างองอาจ เหล่าทหารต่างเดินขบวนอย่างพร้อมเพรียง "เคลื่อนขบวน" ขบวนกองทัพของจ้าวตี๋เฟยออกจากตำหนักบูรพาอย่างเร่งด่วนเรื่องเช่นนี้ไม่อาจประวิงเวลาเอาไว้ได้ เขารีบแม้กระทั่งอาภรณ์ที่สวมใส่ยังคงเป็นอาภรณ์แต่งงานของเมื่อวานเสียด้วยซ้ำ เมื่อเคลื่อนขบวนมาถึงกำแพงเมืองก็เจอเข้ากับท่านอ๋องหนุ่มเลือดร้อนที่นั่งอยู่บนอาชาสีนิลใบหน้าดุดัน จ้าวฉงซานเหลือบตามามองเสด็จพี่ของตนเองก่อนจะกระตุกยิ้มหยันออกมา "เสด็จพี่พระองค์คงรีบมากกระมังแม้แต่ชุดแต่งงานก็ไม่ทันได้เปลี่ยน" "ไม่ผิด ทหารของเสด็จพ่อมาแจ้งข่าวข้าก็รีบออกมา" จ้าวตี๋เฟยพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี ทว่าจ้าวฉงซานกลับชะงักนิ่ง เขากระตุกบังเ**ยนและเดินม้าขยับเข้าไป ก่อนจะชะโงกใบหน้าเข้าไปใกล้ "เช่นนั้นเมื่อคืนท่านก็ไม่ได้เข้าหอกับพระชายาสินะ" จ้าวฉงซานกระซิบแผ่วเบา การถามออกไปเช่นนี้ออกจะเสียมารยาทไปเสียหน่อย แต่คนอย่างท่านอ๋องหนุ่มจะรักษามารยาทไปทำไมกัน "ไม่ผิดเมื่อคืนข้าดื่มหนักไปหน่อย จึงหลับอยู่ด้านนอกกับเหล่าขุนนางทั้งหลาย" จ้าวตี๋เฟยยังคงตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทว่าริมฝีปากกลับกระตุกโค้งขึ้น "หึ!!..พี่ใหญ่คนอย่างท่านน่ะหรือจะเมาหนักเสียจนหลับคาไหสุราเช่นนี้ ข้านี้เบิกตาเสียจริง"จ้าวฉงซานหัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย "หึ!!..ซานเอ๋อร์ไม่เคยมีผู้ใดบอกเจ้าหรือว่ารู้แค่เรื่องที่ควรรู้ก็พอแล้ว อย่าได้สนใจเรื่องในตำหนักบูรพาของข้าเลย" จ้าวตี๋เฟยยิ้มให้อย่างอบอุ่น ทว่าคำพูดกลับดูเย็นชาข่มขู่ "เลิกเรียกซานเอ๋อร์เสียที!!.." จ้าวฉงซานตวาดกลับออกไปเสียงดัง เป็นเช่นนี้ตลอด หากอีกฝ่ายจะตัดบทไม่ให้เขายุ่ง ก็มักจะเรียกชื่อเล่นเขาเหมือนเมื่อครั้งยังเล็กเสมอ และเขาเองก็จะไม่พอใจเสียทุกครั้ง เขาโตจนเป็นบิดาของบุตรสองคนแล้วจะมาเรียกซานเอ๋อร์อันใดอีก "เหตุใดเสด็จพ่อจึงมีรับสั่งให้เราสองคนนำทัพไปด้วยกัน" จ้าวฉงซานตวัดสายตากลับไปมอง "พระองค์ไม่รู้หรือองค์รัชทายาท?" "อย่าประชดข้านักเลย ข้าได้รับคำสั่งก็เคลื่อนพลออกมาทันที เช่นนั้นแล้วชินอ๋องจะบอกให้ข้าน้อยหายสงสัยได้หรือไม่?" จ้าวฉงซานชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ ไม่ใช่เมื่อครู่เพิ่งบอกกับเขาไม่ให้ประชดหรอกหรือ? เหตุใดตนเองจึงได้ประชดเสียเองเล่า? "ไอ้พวกโจรป่ามันบุกโจมตีสองทาง ด้านตะวันตกติดหมู่บ้านเชิงเทียนเสด็จพ่อมีรับสั่งให้ข้านำทัพ ส่วนของท่านคงจะเป็นทางตะวันออกติดหมู่บ้านอานผิงกระมัง" องค์รัชทายาทหนุ่มพยักหน้า เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของน้องชายตนเอง "ไม่ผิดข้าต้องยกทัพไปที่หมู่บ้านอานผิงจริง ๆ เช่นนั้นก็อย่าเสียเวลาเลย เจ้าเองก็ระวังตัวด้วย อย่าลืมว่าเหว่ยเอ๋อร์กับเยียนเอ๋อร์ยังเล็กนัก" "ไม่รบกวนให้ท่านมาเป็นห่วงหรอก" คงมีแต่เวลาที่อยู่กับพี่น้องเช่นนี้กระมัง เขาถึงได้ผ่อนคลายอย่างแท้จริง การหยอกล้อจ้าวฉงซาน และจ้าวฟางหลินเป็นสิ่งที่พี่ใหญ่อย่างเขาชอบยิ่งนัก "เสด็จพี่ท่านเองก็ต้องดูแลพระองค์ให้ดี อย่าได้ประมาทศัตรูรู้หรือไม่" พี่น้องคนอื่นเป็นเช่นไรเขาไม่รู้ เขารู้เพียงพี่น้องของเขานั้นรักใคร่ห่วงใยกันดียิ่ง "ซานเอ๋อร์ พี่ใหญ่หาได้อ่อนแอเช่นนั้น เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะระวัง"จริงอย่างที่จ้าวตี๋เฟยพูด พี่ใหญ่ของเขาหาใช่คนอ่อนแอ จ้าวฉงซานรู้ดีว่าเบื้องหน้าที่ดูใจดียิ้มแย้มขององค์รัชทายาท แท้จริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้น ความจริงแล้วเขาเองก็ฉลาดไม่น้อยไปกว่าจ้าวตี๋เฟย ผู้เป็นพี่ใหญ่ หากจะกล่าวว่าจ้าวฉงซานเป็นจอมมารผู้เหี้ยมโหด จ้าวตี๋เฟยเองก็คงเป็นเทพสงครามผู้โหดเหี้ยม ที่แม้จะเป็นเทพเซียนผู้สูงส่ง ทว่ากลับดุดัน ร้ายกาจ และเลือดเย็น ที่สำคัญสิ่งเหล่านั้นกลับซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่แสนจะใจดีเช่นนั้น "เช่นนั้นข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะบอกท่านแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากจะเตือนท่านสักนิด ท่านเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนดีหรือไม่ ข้าเห็นแล้วขัดตายิ่งนัก" พูดจบจ้าวฉงซานก็กระตุกม้าล่วงหน้าออกไปโดยไม่หันกลับไปสนใจอีก จ้าวตี๋เฟยส่ายหน้ายิ้มออกมา ต่อให้เขาปิดบังคนทั้งใต้ล้าได้ก็คงจะปิดบังน้องชายของเขาผู้นี้ไม่ได้กระมัง แต่จะแปลกอันใดเพราะเขาเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอีกฝ่ายเลยเช่นกัน "ออกเดินทางได้"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD