ตอนที่ 5 งานมงคลอันยิ่งใหญ่ในแคว้นซีจิ้ง
หยางหลิงเซียงถูกมารดาเข้ามาปลุกตั้งแต่ยามอิ๋น (03.00-04.59) นางขยับตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยสีหน้าง่วงงุน อาจเพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับลงไปได้ก็เกือบสว่างเสียแล้ว เมื่อมารดามาปลุกจึงรู้สึกว่าตนเองยังนอนไม่เพียงพอสักนิด ถึงอย่างนั้นนางก็ยินดีที่จะรีบตื่นขึ้นมา
"เช้าแล้วหรือเจ้าคะท่านแม่?"
"ยามอิ๋นแล้วลูก เจ้าลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อน แม่ให้สาวรับใช้ยกน้ำเข้ามาให้แล้ว เดี๋ยวจะได้กลับมาแต่งหน้าแต่งตา วันนี้เจ้าจะต้องงดงามให้สมกับตำแหน่งพระชายาเอกของแคว้นซีจิ้ง แม่ยังเคี่ยวน้ำแกงเตรียมไว้ให้เจ้าดื่มรองท้องอีกด้วย"
หยางหลิงเซียงพยักหน้าขึ้นอย่างเชื่อฟัง นางลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าและเดินไปยังหลังฉากเพื่อล้างหน้าตามคำสั่งมารดา ทว่าก่อนจะเข้าไปยังหลังม่าน นางก็อดจะหันไปมองชุดแต่งงานสีแดงขลิบทองส่องสว่างที่แขวนเอาไว้ด้านซ้ายมือไม่ได้
หากจะบอกว่าชุดแต่งงานชุดนี้งามเป็นสอง เกรงว่าใต้หล้านี้คงจะไม่มีใครกล้าอวดอ้างตนเป็นที่หนึ่ง ฮองเฮาส่งช่างตัดเย็บหลวงมากฝีมือมาช่วยตัดเย็บชุดเจ้าสาวที่สกุลหยาง แล้วอย่างนี้จะไม่งามได้อีกหรือ?
"อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะได้ใส่แล้ว อย่ามัวแต่ยืนมองอยู่เลย" เสียงกึ่งหยอกล้อดังออกมาจากริมฝีปากของคนเป็นแม่ ร่างอรชรพลันหันไปมองด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
"ท่านแม่แกล้งลูกอีกแล้วนะเจ้าคะ" หยางหลิงเซียงก้มหน้ายิ้มเขินอายก่อนจะรีบเดินหลบเข้าไปยังหลังฉากกั้น เสียงหัวเราะเบา ๆ ของมารดาก็ยังลอยเข้ามาให้ได้ยินอยู่ดี
ยามซื่อ ( 09.00-10.59)
แสงแดดสาดส่องทั่วทั้งบริเวณสว่างจ้า สายลมโบกพัดโชยมาไม่ขาดสาย อากาศยามนี้ช่างอบอุ่นสบายกายไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป เหมือนกับว่าสวรรค์เป็นใจให้กับการแต่งงานในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
เจ้าบ่าวสูงศักดิ์แต่งกายด้วยชุดสีแดงขลิบทองเช่นเดียวกับเจ้าสาว พระองค์ทรงขี่อาชาสีขาวราวไข่มุก ตรงมายังหน้าจวนสกุลหยาง ความสง่างามของพระองค์ทำให้ผู้คนตาพร่ามัว ส่งผลให้ยามนี้สกุลหยางเป็นที่น่าริษยาของผู้คนเป็นอย่างยิ่ง
"ข้ามารับเจ้าสาว" หยางหลิงเซียงได้ยินเสียงทุ้มดังเข้ามาก็ก้มหน้าซ่อนความเขินอาย เพียงแค่พระสุรเสียงก็ทำเอาหัวใจของนางเต้นอย่างสั่นไหว
หยางรุ่นชิงผู้เป็นพี่ชายได้ยินดังนั้น ก็รีบก้าวเข้ามาย่อกายตรงหน้าของน้องสาวตนเอง สองพี่น้องยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
"เซียงเซียงขึ้นหลังพี่เถิด" หยางฮูหยินและสาวใช้ต่างก็เข้าไปประคองนางขึ้นหลังผู้เป็นพี่ชาย ตามธรรมประเพณีแล้วเท้าเจ้าสาวต้องไม่เหยียบพื้นจนกว่าจะไปถึงจวนของเจ้าบ่าว และผู้ที่จะต้องแบกเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวก็ต้องเป็นพี่ชายของนางเอง
เมื่อส่งเจ้าสาวขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวแล้ว หยางฮูหยินก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดีนางก้าวเข้าไปป้อนบัวลอยให้กับบุตรีตามธรรมเนียมปฏิบัติ บัวลอยถ้วยนี้ถือเป็นมงคลเพื่อให้เจ้าสาวคลอดบุตรในเร็ววัน หยางฮูหยินไม่ต้องห่วงสิ่งใดแล้ว ดูจากใบหน้าเจ้าบ่าวที่แย้มยิ้มตลอดเวลานั่นก็พอจะทำให้รู้แล้วว่า บุตรสาวนางย่อมเป็นที่ต้องการ นางไม่ห่วงแล้วจริง ๆ
"ยกสินสอดและของแต่งงาน"
สิ้นเสียงถังเว่ยองครักษ์ข้างกายจ้าวตี๋เฟย เสียงดนตรีก็ดังขึ้น พร้อมกับเกี้ยวเจ้าสาวขนาดแปดคนหาม การตกแต่งก็งดงามสมกับที่เป็นคนโปรดของฮองเฮา ขบวนสินเดิมทอดยาวเป็นเส้นสาย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเจ้าสาวเป็นอย่างดี อีกนัยหนึ่งก็คือยิ่งสินสอดของเจ้าบ่าวมากเพียงใด สินเดิมของเจ้าสาวย่อมไม่อาจน้อยหน้า เจ้าบ่าวหน้าตาหล่อเหลากระดกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย ทว่าก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าสาวในเกี้ยวเป็นที่ต้องการของพระองค์อย่างแท้จริง
กว่าที่จะขบวนเจ้าสาวจะกลับมาถึงตำหนักบูรพาก็ใช้เวลาพอสมควร เพราะองค์รัชทายาทไม่ได้เคลื่อนขบวนเร็วนัก และเขาเลือกใช้เส้นทางอ้อมไปอีกทาง เพื่อให้เหล่าผู้คนได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของขบวนเจ้าสาวครั้งนี้ เสียงดนตรีบรรเลงที่ดังก้องไปทั่วทั้งเมือง ผู้คนต่างก็โห่ร้องแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า แน่นอนว่าสิ่งที่องค์รัชทายาททรงกระทำ ย่อมเป็นเพราะต้องการให้ฮองเฮาวางใจ และอีกประการหนึ่งก็เป็นประสงค์ขององค์ฮ่องเต้ที่จะเอาใจผู้เป็นภรรยา
ตำหนักบูรพา
"หากเหนื่อยเจ้าก็นอนพักผ่อนไปก่อนไม่ต้องรอข้า ข้างนอกยังมีแขกอีกมากข้าคงต้องออกไปต้อนรับพวกเขาก่อน" เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างไม่บ่งบอกอารมณ์ จ้าวตี๋เฟยมักจะมีน้ำเสียงเรียบง่าย ทว่าน่าฟังเช่นนี้เสมอ
"หม่อมฉันไม่เหนื่อยเพคะ หากพระองค์อยากให้หม่อมฉันรอ หม่อมฉันก็จะรอ หรือหากพระองค์ประสงค์จะให้หม่อมฉันพัก หม่อมฉันก็จะทำตามประสงค์" จ้าวตี๋เฟยยกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงตอบกลับอย่างแผ่วเบา ทุกสิ่งล้วนเชื่อฟังเขาอย่างนั้นหรือ เสด็จแม่ช่างอบรมมาดีเหลือเกิน
"อืม..เช่นนั้นข้าจะรีบกลับเข้ามาดื่มสุรามงคลร่วมกับเจ้า"
"เพคะ" ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างยินดี นั่นไม่ใช่ว่าองค์ไท่จื่อเองก็ต้องการดื่มสุรามงคลกับนางหรอกหรือ อะไรจะดีไปกว่าการได้แต่งเข้ามาและเป็นที่ต้องการของสวามีกันเล่า?
ถึงแม้จะได้ยินคำตอบอย่างเรียบง่ายของนาง ทว่าจ้าวตี๋เฟยก็ยังคงมองเห็นว่านางกำชุดแต่งงานเอาไว้แน่น ริมฝีปากชายหนุ่มกระตุกขึ้น ถึงแม้งานแต่งในครั้งนี้เขาจะไม่ได้เต็มใจ แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง ต่อให้สตรีที่นั่งบนนั้นจะเป็นผู้ใด เขาก็หาได้สนใจไม่ ทว่าเมื่อเป็นหยางหลิงเซียงสตรีผู้นี้ก็ดีเช่นกัน สตรีว่าง่ายเช่นนี้ เขาเองก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยใจนัก
หยางหลิงเซียงถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินเสียงประตูที่ปิดลง ผ้าคลุมหน้ายังไม่ได้ถูกเปิดออกนางจึงมองไม่เห็นใบหน้าของเจ้าบ่าวเมื่อครู่ได้ถนัดนัก ทว่าฟังจากน้ำเสียงแล้วนางก็สบายใจขึ้นมาก ลมหายใจถูกผ่อนออกมาอย่างโล่งอก นางขยับกายพิงหัวเตียงและเหยียดขาออกไปไล่ความเมื่อยล้า เฝ้ารอเจ้าบ่าวหมาด ๆ เข้ามาทำพิธีการแต่งงานให้ครบสมบูรณ์
"กระหม่อมขอบังอาจแสดงความยินดีกับพระองค์ด้วยสุราถ้วยนี้พ่ะย่ะค่ะ" แม่ทัพเพ่ยตงยกถ้วยสุราขึ้นดื่มหมดถ้วย จ้าวตี๋เฟยพยักหน้ายิ้มออกมา
"ดี!!..เช่นนั้นข้าดื่มกับท่านด้วยแม่ทัพเพ่ย ดื่ม!!" องค์รัชทายาทหนุ่มสาดสุราลงในคอ ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ถึงแม้สุราจะรสชาติแรงสักเพียงใด ทว่าพระองค์ก็ดื่มจนหมดในคราวเดียวเช่นกัน
เหล่าขุนนางเมื่อเห็นจ้าวตี๋เฟยทำตัวสบายเช่นนี้ ต่างก็พากันบังอาจคารวะสุรากับพระองค์อย่างไม่หยุดหย่อน
ครั้งแรกแม่ทัพเพ่ยตงใช้ถ้วยในการดื่มสุรา และรัชทายาทหนุ่มก็ใช้ถ้วยดื่มกลับ เช่นนั้นผู้คนในห้องต่างก็ทิ้งจอกและหันมาใช้ถ้วยกันถ้วนหน้า องค์รัชทายาทหนุ่มผู้นี้ครองใจเหล่าขุนนางในห้องนี้อย่างอยู่หมัดโดยที่ไม่ต้องเปลืองสมองเลยสักนิด
หยางหลิงเซียงเหม่อมองออกไปยังประตูหน้าห้อง ไม่ใช่ว่าเจ้าบ่าวของนางบอกให้นางรอหรอกหรือ แล้วเหตุใดยามนี้จึงไม่ได้เข้ามาอีก ใบหน้าหวานพลันเศร้าลงอย่างไม่อาจห้าม ในขณะที่คนในห้องเฝ้ารอ ทว่าคนด้านนอกกลับเอาแต่ดื่มสุราร่วมกับเหล่าขุนนางจนเมามาย หลายคนที่คอไม่แข็งก็ฟุบหลับคาโต๊ะไปแล้วไม่เว้นแม้แต่องค์รัชทายาทหนุ่มเช่นกัน