ถูกเทของจริง

1137 Words
ถูกเทของจริง (ตะวันเล่าเรื่อง) ผมนอนไม่หลับทั้งคืน และตื่นในช่วงยามสายโด่งของอีกวัน เมื่อลืมตาแต่ก็ยังใจหายมากเพราะนอนฝันร้าย ผมฝันว่าถูก Single Dadk-8 ซึ่งนุ่งผ้าขาวม้าผืนบางจี้จุดไปทั่วร่างกาย และชายโหดหื่นยังจี้จุดผมด้วยอาวุธอุ่นจัดดุ้นใหญ่!! ความฝันเหมือนจริงจนน่ากลัว แทนที่ผมจะขัดขืน กลับกลายเป็นว่าร้องขอให้เขา...ย่ำยีอย่างสุดกำลัง!! ยามนี้ร่างกายผมอ่อนเพลีย ผิดแต่น้องชายกลับตั้งโด่พลอยให้งุ่นง่านอยากปลดปล่อย แต่พอคิดถึงเสียงทุ้มๆ พร้อมถ้อยคำดูถูกดูแคลนของเขา ผมจึงตัดสินใจหักดิบไม่อยากระบายความต้องการไปกับภาพหวิวไหวของ Single Dadk-8 ถึงแม้ลึกๆ ต้องยอมรับว่าติดใจเขาเสียแล้ว ผมสลัดเรื่องงี่เง่าออกจากหัว รีบอาบน้ำอย่างไว ตอนนี้ท้องร้องหิวอยากกินอาหารหนักและกาแฟเย็นชื่นใจสักแก้ว กระทั่งผมคว้ามือถือมาดูก็มีข้อความเข้ามาใหม่ ซึ่งนอกจากเพื่อนๆ ที่หายหน้าหายตากันไปนานก็เป็นยอดเงินเข้ามาในบัญชี “หนึ่งหมื่นห้าพันบาท!” ผมสงสัยว่าใครโอนเงินจำนวนนี้ให้ผม ถ้าหากเป็นพี่คีย์นับว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเป็น Single Dadk-8 งานนี้ผมคงถูกฝ่ายนั้นเล่นสงครามประสาทอยู่แน่ๆ แต่เมื่อมีเงินผมจึงยิ้มหน้าบาน ด้วยอดกินอาหารดีๆ และของหวานมาหลายวัน กินแต่ไข่และบะหมี่สำเร็จรูปจนหน้ากลม ตัวอืด และเหมือนคนขาดสารอาหารเข้าไปทุกที เมื่อเห็นยอดเงิน สมองเลยคิดแผนการต่างๆ ได้มากมาย ผมส่องกระจก หมุนตัวดูสัดส่วนที่ยังเร้าใจเสมอ นอกจากหน้าท้องแบนราบ วีคัทสวยเด่นชัด ยอดหน้าอกผมยังแน่นๆ และโดดเด่นด้วยหัวนมสีชมพู ส่วนหน้าตาผมต้องบอกว่ามันชวนรับแขกเสมอ ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้มโนไปเองสักหน่อย ใครเห็นต่างชมอย่างนี้ทั้งนั้น ผมเลือกกางเกงยีนตัวเก่ง ส่วนเสื้อฉวยเอาจากตู้เสื้อผ้าพี่คีย์ซึ่งหลายตัวราคาแพงระยับ นอกจากนั้นยังมีนาฬิกากับแว่นกันแดดเท่ๆ ของเขาด้วย แต่งตัวเสร็จผมก็มุ่งหน้าไปชอปปิง ผมใช้เวลาในห้างอยู่หลายชั่วโมงพร้อมดูหนังที่เพิ่งเข้าฉายใหม่แล้วเลือกซื้อของกินเล่น โดยเฉพาะขนมหวาน รวมไปถึงเคสมือถือ ก่อนไปสำรวจรองเท้ากีฬา แต่พอเห็นราคาสูงก็รีบวางมันไว้ตามเดิม ผมมีความสุขกับการใช้ชีวิตในห้างสรรพสินค้าและตากแอร์เย็นๆ อย่างเพลิดเพลิน จวบจนเกือบหกโมงเย็นผมจึงกลับเข้าคอนโด และความซวยพลันบังเกิด!! ผมไม่สามารถใช้คีย์การ์ดเปิดประตูได้ เมื่อพยายามกดรหัสเปิดก็ไม่เป็นผล หัวสมองผมขาวโพลนไปชั่วขณะ กว่าจะตั้งสติได้มันก็กินเวลานานหลายสิบนาที ผมลองกดมือถือหาพี่คีย์ แน่นอนมันยังเป็นการฝากข้อความเหมือนเดิม ส่วนเฟซบุ๊ก ไลน์ หรือไอจีเขา ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เหตุการณ์แบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้น สุดท้ายผมจึงตัดสินใจลงไปยังเคาน์เตอร์ด้านล่างเพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลอาคาร ผมรออยู่ในออฟฟิศของคอนโดนานทีเดียวกว่าจะพบผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งปรากฏตัวพร้อมพี่รปภ. ตัวโตอีกสองคน “อ๋อ น้องที่อยู่ห้อง...ใช่ไหมคะ” เธอถามและมีสีหน้าไม่ได้ตกใจกับเรื่องที่เกิดกับผม ผมหน้าหงิก ถอนหายใจหลายๆ เฮือกใส่อีกฝ่าย “คือเจ้าของห้องเขามาค่ะ ตอนนี้น้องไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว ยังไงขออนุญาตรับคีย์การ์ดคืนด้วย” “อ้าว ทำแบบนี้ได้ไง ของผมยังอยู่ในห้องนั้นเพียบเลย” ผมโวยวาย “อันนี้ทางเราตอบไม่ได้ แต่เจ้าของห้องท่านให้นามบัตรไว้ ยังไงเคลียร์กันเองดีไหม ส่วนของน้องท่านเก็บให้แล้ว มีเสื้อผ้าไม่กี่ชุด พวกบ็อกเซอร์ กางเกงในจีสตริง และตำราเรียนสองสามเล่ม” “เชี่ย! ใครมันมายุ่มย่ามกับของของผม” “ท่านค่ะ ท่านเป็นคนจัดการด้วยตัวเองทั้งหมด ดิฉันและพี่รปภ. ไม่ได้ยุ่งด้วยเลย อีกอย่างท่านยังฝากเตือนว่าคราวหน้าคราวหลังอย่าได้คิดหยิบฉวยเสื้อผ้าของคุณคีรีไปใส่ ถึงเอ่อ จะ...สนิทกันก็ตาม” เจ้าหน้าที่ของอาคารดูท่าทางปกป้อง ‘ท่าน’ ที่เธอเอ่ยถึงจนผมคิดแค้นหนักเข้าไปอีก “เวรแล้ว! คนประเภทไหนถึงได้ก่อความวุ่นวายให้คนอื่นอย่างนี้” ผมพาลพาโลเต็มที่ อยากรู้เหลือเกินว่า ‘ท่าน’ ห่าเหวที่เจ้าหน้าที่คนนี้เอ่ยถึงคือใคร และอีกฝ่ายเหมือนจะรับรู้ถึงอาการเดือดของผม เธอจึงยื่นนามบัตรให้ มันเป็นชื่อร้านอาหารแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน และมีเบอร์โทร.เอาไว้เสร็จสรรพ “แล้ว ‘ท่าน’ ที่ว่าเนี่ยมันคือใคร!” ผมกัดฟันกรอด พอเดาออกว่าอีกฝ่ายคงเป็นพี่ชายของคีรี ซึ่งผมเรียกมันว่าไอ้เฮียจนติดปาก “อ๋อ คุณสลิลค่ะ” “หา ชื่ออะไรนะ” “คุณสลิล ดำรงวัฒนาบริบูรณ์ เป็นพี่ชายของคุณคีรีที่อยู่ห้องนี้ไงคะ ยังไงดิฉันขอตัวก่อน ส่วนน้องรีบเก็บของและหวังว่าจะไม่สร้างความวุ่นวายให้ดิฉันและพี่รปภ. ต้องเหนื่อยใช่ไหม” เธอว่าพร้อมแบมือรอรับคีย์การ์ดจากผม “เอาจริงเหรอครับ ผมยังไม่ได้ตั้งตัวอะไรเลย เห็นใจกันหน่อยซี” น้ำเสียงผมอ่อนลงมานิดๆ “อันนี้ทางเราไม่ทราบจริงๆ ปัญหาครอบครัว ลองคุยกันเองดีกว่านะคะ” เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยแบบนั้น ผมเลยงงเป็นไก่ตาแตก “หมายความว่าไง ปัญหาครอบครัว!” “แหม คุณน้อง สมัยนี้แล้วไม่ต้องอายหรอก ยังไงเสียก็นับว่าเป็น ‘น้องสะใภ้’ ของคุณสลิล คงได้ค่าเลี้ยงดูบ้างละ รีบติดต่อตามนามบัตรนี้เถอะ ขืนชักช้าไปจะไม่ได้เงินติดมือสักบาท” “น้องสะใภ้!!” ผมช็อกนิ่งค้างเมื่อทวนคำนั้น “ค่ะ ที่ท่านมาถึงที่นี่เพราะอยากพบคุณคีรี เรื่องมันง่ายแค่นี้เอง น้องก็นัดคุณคีรีแล้วพากันไปขอขมาผู้ใหญ่ให้เรียบร้อย จากนั้นทุกอย่างคงจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง” ผมไม่อาจคุยอะไรได้อีก จึงวางกุญแจและคีย์การ์ดลงบนเคาน์เตอร์เสียงดัง ก่อนมองไปยังกล่องกระดาษหนึ่งใบกับเป้สะพายและถุงผ้าใบใหญ่อีกหนึ่งถุง เอาจริงๆ ผมมาแต่ตัวในตอนแรก หากต้องกลับไปแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเสียใจหรือทำเป็นฟูมฟาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD