บทที่ 1 สั่งสอน

1610 Words
บทที่ 1 สั่งสอน “ฮัลโหลพี่โรม” [ไง ญดา] “วันนี้ว่างรึเปล่า พอดีญดาเพิ่งเลิกงาน อยากชวนไปทานข้าวด้วยกัน” [วันนี้ยังไม่ว่าง นัดเอวาไว้แล้ว] “อ่อ ค่ะ” [พ่อสั่งน่ะ] “อืม ทานให้อร่อยนะ” ปึก! มือเล็กทุบเข้าไปที่พวงมาลัยรถอย่างเต็มแรง ทั้งที่วันนี้อุตส่าห์รีบเลิกงานเพื่อไปทานข้าวกับเขา แต่ดูเขาสิ กลับนัดคนอื่นตัดหน้าฉันซะงั้น แล้วทำไมต้องเป็นยัยนั่น!!! แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรอยู่แล้ว เพราะสถานะระหว่างฉันกับพี่เจโรมเราก็เป็นแค่ ‘รุ่นพี่กับรุ่นน้อง’ ที่สนิทกันเท่านั้นนี่ บรื้นนนน ฉันตัดสินใจเหยียบคันเร่งออกมาอย่างรวดเร็วตามที่ใจต้องการ หัวสมองเริ่มคิดหาวิธีที่จะทำให้อารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ข้างในอกดับเย็นลง ก่อนที่ฉันจะนึกออกว่าควรไปไหนดี J - Pup “ดื่มเยอะไปแล้วนะแก” คิรินวางมือลงมาที่บ่าฉันเป็นการตักเตือน แต่ฉันไม่สนใจยังคงยกแก้วในมือขึ้นมาดื่มต่อเนื่องโดยไม่แคร์คำพูดของเพื่อนสนิทเลยสักนิด “ไหวมั้ยเนี่ยญดา?” ส่วนนี่เป็นเสียงของพระพายเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนที่ถามฉันขึ้นอย่างเป็นห่วง “ระดับนี้ ไม่ไหวได้ไง” “แต่แกคออ่อนมากไม่ใช่เหรอ” “ชนสิ!” ฉันยกแก้วขึ้นมาชนกับเพื่อนสาวทั้งสองก่อนที่จะดื่มมันลงคอไปอย่างฝืนๆ ก็จริงอย่างที่พระพายว่าฉันมันคออ่อนดื่มนิดเดียวก็เดินแทบไม่ไหวแล้ว แต่บังเอิญวันนี้อยากเมาไง! ฉันวางแก้วเปล่าลงตรงหน้าและควักมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปแก้วที่ปราศจากแอลกอฮอล์เพราะถูกฉันกระดกไปจนหมดแล้ว ก่อนที่จะเข้าไปในไอจีและจัดการลงสตอรี่เพื่อบอกให้บางคนรู้ว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน ถ้าเขาแวะเข้ามาดูเขาต้องเห็นแน่!! “ทำอะไรน่ะแก ลงสตอรี่เหรอ?” พระพายชะเง้อคอเข้ามาดูตามนิสัยชอบสอดรู้สอดเห็นของนาง ฉันจึงรีบเก็บมือถือลงกระเป๋าไป “อืม” “อย่าบอกนะว่า…” ยัยคิรินมองหน้าฉันเป็นเชิงรู้ทันว่าฉันต้องการจะสื่อให้ใครเห็น “ไม่ได้เหรอ?” “แต่วันนี้เขาอยู่กับ…ยัยนั่นไม่ใช่รึไง” “ฉันต้องแคร์งั้นสิ” “เยล!” “ดื่มต่อเถอะ” ฉันเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำตักเตือนของคิรินและหันมาสนใจแอลกอฮอล์ในแก้วเช่นเดิม ยัยคิรินจึงทำได้แค่ปลายตามองฉันเงียบๆ ทำนองขี้เกียจจะพูด เพราะถึงพูดไปฉันก็ไม่ฟังอยู่ดี นิสัยฉันก็แบบนี้ ไม่สนและไม่เคยแคร์ใครทั้งนั้น ฉันอยากทำอะไรฉันก็จะทำ ไม่ชอบถูกบังคับ ไม่ชอบทำตามคำสั่งใคร!!! “ขอโทษนะครับ ชนแก้วกับผมหน่อยได้มั้ย?” ผู้ชายหน้าตาดีแต่งตัวดีที่ไหนก็ไม่รู้เดินเข้ามาขอชนแก้วฉัน ในขณะที่ฉันกำลังเอ็นจอยกับเพื่อนๆ อย่างเมามัน ฉันค่อยๆ หันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะตีหน้านิ่งแบบหยิ่งๆ ตามนิสัย “อยากชนกับฉันเหรอ” “ใช่ครับ คือคุณสวยมากๆ ผมก็เลย…” พรึ่บ! “อ๊ะ!” “ก็เลยอะไร?!” เสียงเข้มกดเสียงถามผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่แอบแฝงไปด้วยความน่ากลัวที่ขนาดฉันไม่ใช่คนที่ถูกถามยังสัมผัสได้เลย! “เอ่อ…นี่ใครเหรอครับคนสวย” เขาหันมาถามฉันอย่างงงๆ ฉันจึงรีบปัดแขนที่ถูกมือหนาจับไว้เมื่อกี้ออกเบาๆ และตอบพ่อหนุ่มคนนั้นไป “รุ่นพี่น่ะ เมื่อกี้อยากชนกับฉันใช่มั้ย มาสิ” “อ้อ ครับ” “อย่ายุ่งกับน้องกู!!” ฟึ่บ! แรงดึงเกิดขึ้นบริเวณข้อมือฉันอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงจะลากตัวฉันออกมาจากตรงนั้นโดยที่ไม่สนใจคำทักท้วงของฉันเลย “พี่เจโรม!” ฉันพยายามเรียกชื่อคนที่กำลังลากแขนฉันอยู่เพื่อให้เขาหยุด แต่ก็ไม่ได้ผล พี่เจโรมพาฉันเดินออกมาที่หน้าผับ ซึ่งเจ้าของผับนี้ก็ไม่ใช่ใครหรอก เขานั่นแหละ และใช่ ฉันจงใจมาดื่มที่นี่เพื่อต้องการให้เขารู้ “ทำอะไรอีกเยล!” เรียกชื่อฉันแบบนี้แปลว่าเขาคงหงุดหงิดไม่ใช่น้อย เพราะปกติเขาก็มักจะเรียกฉันว่า ‘ญดา’ ตามที่คนอื่นเรียกนั่นแหละ จะเรียกชื่อนี้ก็ต่อเมื่อโมโหเท่านั้น “ก็มาเที่ยวไง ไม่เห็นต้องถามเลย” “หมายถึงเมื่อกี้” “อ้อ หนุ่มหล่อนั่นน่ะเหรอ” “เยล!!!” “แล้วทีพี่ล่ะ ไปไหนมา กินกันอิ่มแล้วเหรอถึงมาหาฉันได้!” “ที่เป็นแบบนี้เพราะเรื่องนี้?” “ฉัน…” “เฮีย!!” เสียงเข้มของบุคคลที่สามแทรกบทสนทนาระหว่างฉันกับพี่เจโรมขึ้นอย่างไร้มารยาท นั่นจึงทำให้ฉันต้องกลืนสิ่งที่กำลังจะพูดกลับเข้าไปในคอ ว่าแต่เสียงคุ้นๆ สรรพนามที่ใช้เรียกพี่เจโรมก็คุ้นมาก! ขวับ! “นาย” “ไอ้ล่าม มีอะไร?” “นี่ผับเฮียผมนี่ ผมจะแวะมาบ้างไม่ได้เหรอ” ว่าจบสายตาคมก็ตวัดมาจ้องหน้าฉัน พร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ “ฉันยุ่งอยู่” “ยุ่ง?” “อืม แกกลับไปก่อนไป” “เฮียคงยุ่งมาก ถึงต้องรีบหนีเอวากลับเพื่อมาหายัยนี่!!” เอาแล้วไง ล่ามเริ่มหันมาเล่นงานฉันแล้ว อันที่จริงฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าฉันมาก อาจจะเรียกว่า ‘เกลียด’ เลยก็ว่าได้ แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเข้าต้องคอยตามมาขัดขวางเวลาที่ฉันอยู่กับพี่ชายเขาตลอดเลย “พูดให้มันดีๆ นะ” “ไม่เอาน่า แกจะมาหาเรื่องเยลทำไม” “เยลเหรอ” “ขอโทษนะ เรากำลังคุยเรื่องส่วนตัวกันอยู่ ถ้านายไม่มีธุระสำคัญก็ช่วยไปรอที่อื่นก่อนได้มั้ย” ฉันกอดอกและเชิ่ดใบหน้าสวยขึ้นอย่างมั่นใจ แต่ร่างสูงกลับหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับเหยียดยิ้มเย้ยหยันใส่ฉัน “หน้าหนาดีว่ะ ใช้รองพื้นไร” “นี่!!!” “ไอ้ล่ามหยุด!” พี่เจโรมที่คงทนยืนฟังฉันกับล่ามกัดกันไม่ได้อีกต่อไป เขาจึงรีบห้ามศึกระหว่างเราขึ้นซะก่อน เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วฉันกับล่ามไม่เคยกินเส้นกันตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้เจอกันบ่อยนัก จะเจอก็ต่อเมื่อเขาโผล่มาขัดขวางตอนที่พี่เจโรมอยู่กับฉันเท่านั้น แถมเจอกันที่ไหนต้องได้ตีกันที่นั่น รวมถึงครั้งนี้ด้วย “เฮียนั่นแหละหยุดและไปดูเอวาซะ! ตอนนี้เอวาอยู่โรงบาล” “ว่าไงนะ!” “อาการเก่ากำเริบ” ทันทีที่ล่ามว่าจบพี่เจโรมก็เหลือบมาสบตาฉันด้วยสีหน้าลำบากใจ ซึ่งฉันเดาออกได้ทันทีว่าสเต็ปต่อไปจะเป็นยังไง “เดี๋ยวมานะ” “อืม ไปเถอะ” พี่เจโรมมองหน้าฉันอีกไม่นานก่อนที่ขายาวจะก้าวออกไปโดยไม่หันกลับมามองฉันอีก สุดท้ายก็แบบนี้ทุกที เพราะเขามองว่าฉันเป็นแค่ ‘รุ่นน้อง’ คนหนึ่งงั้นเหรอ เขาถึงชอบทำเรื่องเย็นชาใส่ฉันนัก ทั้งที่เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าฉันคิดอะไรกับเขา “เจ็บเหรอ?” ถ้าได้ยินประโยคจิกกัดดังขึ้นมาข้างหูฉันคงลืมไปแล้วว่าตรงนี้มีคนอื่นยืนอยู่ด้วย “ไม่ใช่เรื่องของนาย” “เธอมันก็แค่ตัวสำรอง ยังไงเฮียฉันก็เลือกเอวาไม่ได้เลือกเธอ” ถึงจะชินที่ฉันมักจะถูกล่ามพูดจาทำลายจิตใจทุกครั้งที่เจอกัน แต่ฉันก็หงุดหงิดอยู่ดีนั่นแหละ “ไม่พูด ก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอก” “รับความจริงไม่ได้?” “ไม่นี่ แล้วฝากบอกเพื่อนนายด้วยนะ ว่ามุขที่ใช้น่ะมันโบราณแล้ว เอะอะก็ป่วยเข้าโรงบาล เก่าเกินไปป่ะ” “เธอ!!!” “ถ้าไม่รู้วิธีเรียกร้องให้พี่เจโรมสนใจ ก็มาเรียนกับฉันได้นะ เพราะฉันรู้ใจเขาดียิ่งกว่าใครเลยล่ะ” พรึ่บ! ล่ามออกแรงกระชากแขนฉันก่อนจะดึงให้ร่างฉันเข้าไปประชิดกับร่างหนาจนร่างของเราบดเบียดกันจนแทบไม่มีช่องว่างเหลืออยู่เลย!!! “เลิกทำตัวไร้ค่าเหมือนผู้หญิงริมทางที่มาอ่อยเฮียฉันสักที เห็นแล้วมันรำคาญตา!!” “กลัวได้ฉันเป็นพี่สะใภ้ขนาดนั้นเลย?” “น่าขยะแขยง!” “นายมากกว่า เที่ยวมาตามตื้อให้พี่ชายตัวเองกลับไปหาเพื่อนสนิท ทั้งที่นายเองก็คิดไม่ซื่อกับเพื่อนตัวเอง เสแสร้งทำเป็นว่าอยากให้พี่เจโรมคบกับยัยเอวา แต่ที่จริงนายก็คอยที่จะแอบฉกยัยนั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ” “...” “อย่างน้อยๆ ฉันก็อยู่กับความเป็นจริง ไม่เสแสร้ง!! ส่วนนายมันขี้ขาด แบบนี้ใครมันน่าขยะแขยงมากกว่ากัน?” “ปากดีนักเหรอ” “ทำไม นายจะทำไม ว้าย!” “อย่ามากรี๊ดให้ได้ยิน เดี๋ยวก็ใช้ปากปิดแม่ง!!” “นายล่าม!!!” ฉันถึงกับต้องถลึงตาใส่เจ้าของประโยคที่แสนหยาบคายอย่างตกใจ พูดออกมาได้ยังไง น่าขนลุกที่สุด “เงียบดิ้!” “จะพาฉันไปไหน ปล่อย!!” “ไปสั่งสอน” ไม่ว่าเปล่า แต่มือหนากำลังฉุดดึงแขนฉันตรงไปยังรถของเขาโดยที่ฉันเลี่ยงอะไรไม่ได้เลยเพราะสู้แรงช้างของล่ามไม่ไหว! ≪•◦ ❈ ◦•≫
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD