Chapter 4 ความซับซ้อนของใจ (1)
ภูริตา เรียลเอสเตท สำนักงานใหญ่
"วันนี้มารับผมบ่ายสามนะลุงชัย มีธุระข้างนอกน่ะ"
เสียงเล็ดลอดมาจากริมฝีปากได้รูป หลังจากลินคอร์นเคลื่อนมาจอดที่หน้าตึกของภูดิศซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ ด้านวิชัยยิ้มพลางพยักหน้ารับ ก่อนที่ภูดิศจะก้าวลงจากรถเพื่อเข้าไปด้านใน
"เดี๋ยว คุณ หยุดก่อน! "
เสียงนั้นดังมาจากมุมอับ จู่ ๆ ก็มีคนวิ่งออกมาจากตรงนั้น เขาพรวดพราดเข้าหาภูดิศที่หยุดมองตามเสียงเรียก ท่าทีที่ไม่น่าไว้วางใจของชายแปลกหน้าเพราะการแต่งตัวที่ดูซอมซ่อ ทำให้ไม่อาจเข้าถึงตัวภูดิศได้ เพราะบรรดาบอดี้การ์ดของเขานั้นหูตาไว
ร่างของชายผู้นั้นถูกรั้งให้ออกห่างจากภูดิศ ก่อนถูกลากออกไปนอกเขตบริษัท
"เดี๋ยว ปล่อยก่อน ผมต้องการคุยกับเจ้านายคุณ"
"ไม่ได้ มาทางไหนไปทางนั้น! "
"ปล่อยสิวะ! มีเรื่องสำคัญจริงๆ"
ชายในชุดเก่าๆ โวยวายดิ้นรน ในขณะเดียวกัน สายตาของภูดิศพยายามเพ่งมอง แต่เขาคิดว่าไม่น่าจะเคยรู้จักกันมาก่อน ยิ่งใส่หมวกและแว่นอำพรางมาแบบนี้ เขาเลยไม่รู้เข้าไปใหญ่ว่าชายผู้นี้เป็นใคร
แต่เดาเอาจากภายนอก น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับวิชัย
เขาไม่ได้ห้ามลูกน้อง ได้แต่ยืนมองคนของตัวลากชายคนนั้นออกไป ยอมรับว่าตัดสินคนจากภาพลักษณ์ภายนอก มีลักษณะเยี่ยงโจรเช่นนี้ เขาไม่ยอมให้ได้เข้าใกล้ หรือเสียเวลาเสวนาด้วยแน่นอน และนี่คือเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องจ้างบอดี้การ์ด ด้วยไม่อยากพบชะตากรรมเช่นเดียวกับบิดามารดา
"ปล่อยโว้ย! กูจะคุยกับคุณภูมิ"
ชายหนุ่มเลิกใส่ใจกับคนแปลกหน้า หันหลังเดินเข้าไปด้านในอาคาร หูยังคงได้ยินเสียงเรียกชื่อตนซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น คล้ายจะมีชื่อภริตาแทรกเข้ามาในห้วงการรับรู้ แต่เขากลับมองว่านั่นก็แค่มดปลวกที่แสนน่ารำคาญ คงไม่พ้นมาขอเงิน ชายหนุ่มคิดเช่นนั้นเพราะเจอคนประเภทนี้อยู่เสมอ
ในยามห้าทุ่มเศษ ภริตาพลิกกายนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงกว้าง แม้จะคิดว่าตัวเองไม่มีเรื่องเครียดหรือความว้าวุ่นใจให้นอนไม่หลับ แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้นั้นมันไม่ต่างจากคนร้อนรุ่มกลุ้มใจ หล่อนไม่รู้ว่าภูดิศกลับมาหรือยัง เพราะเขาบอกว่าคืนนี้กลับดึกเพราะออกไปทานข้าวกับลูกค้า...ลูกค้าที่เป็นสาวสวยเสน่ห์ล้นเหลือ คนที่เขาอาจมีสัมพันธ์ด้วยก็เป็นได้
หล่อนเกลียดตัวเองที่คิดแบบนี้ คิดอะไรไม่เข้าท่า ร่างในชุดนอนสีชมพูหวานผุดลุกนั่งด้วยความว้าวุ่น เมื่อจู่ ๆ ก็รู้สึกคิดถึงภูดิศ เพียงเพราะเขาบอกว่าไปทานมื้อค่ำกับลูกค้า ทั้งๆ ที่นั่นคือเรื่องธรรมดา
ร่างสมส่วนเดินออกมานอกห้อง สายตาโฟกัสไปยังห้อง ๆ หนึ่งที่ประตูปิดไม่สนิท มีแสงสลัวลอดผ่านออกมาพอให้ได้รู้ว่านั่นต้องมีคนอยู่ข้างใน ห้องนั้นไม่ใช่ห้องนอนของภูดิศ แต่เป็นห้องไว้รับรองเวลามีแขกมานอนค้างอ้างแรม
หล่อนไม่ใช่คนละซึ่งกิเลส ยังคงมีความอยากรู้อยากเห็นตามประสามนุษย์ทั่วไป สัญชาตญาณใคร่รู้ที่เริ่มทำงานจึงพาสองขาให้เดินตรงไปยังห้องนั้นอย่างช้า ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เลยว่าทำไปเพื่ออะไร
ใจดวงน้อยเต้นตึกตัก เมื่อเสียงบางอย่างเล็ดลอดมากระทบโสตประสาท ขณะที่สองขาก็พาตัวเองไปหยุดยืนหน้าห้อง แววตาคู่สวยมองลอดช่องประตูอย่างอยากรู้อยากเห็น
"อ๊า...ภูมิ...ดีจัง!"
เสียงครางกระเส่าดังอยู่ในนั้น เสียงหวานผสานเสียงแหบห้าวตามจังหวะการกระแทกกระทั้น...หัวใจคนมองเต้นเร่าสั่นไหว มองกายท่อนร่างที่แอ่นรับจังหวะการขยับโยกของร่างอวบอิ่มที่คร่อมทับอยู่ด้านบน เสียงสูดปากราวทั้งสองกำลังเคี้ยวพริกแสนเผ็ดร้อนทำให้คนไม่เคยพานพบหน้าแดงซ่าน... เหมือนถูกสะกดจิต ภริตายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ลืมไปว่ากำลังทำตัวเสียมารยาทและน่าเกลียดสิ้นดี
"อ๊า....โอวววว"
กายสองกายกระตุกเกร็งสั่นเมื่อเกี่ยวก้อยกันไปพบกับความสุขสม ร่างเปลือยเปล่าเอนซุกซบลงกับกายแกร่งอย่างอ่อนแรง...เหมือนมีบางอย่างกระซิบบอก สายตาของภูดิศปรายมองไปทางบานประตูอย่างบังเอิญ เขาเห็นร่างคุ้น ๆ ผินหลังหนีไปอย่างรวดเร็ว
"อุ่น!"
"อ๊ะ! ภูมิ"
เขาดันร่างคนที่เพิ่งมอบความสุขให้หมาดๆ จนพ้นตัว ก่อนจะผุดลุกนั่งอย่างว่องไว ผลุนผลันลงจากเตียง เดินไปคว้าเสื้อคลุมมาพันกายอย่างลวกๆ ผลุนผลันออกไปจากห้องอย่างไม่ไยดีร่างเปลือยเปล่าบนเตียงอีกต่อไป
"ภูมิ จะไปไหนคะ! "
เจ้าของชื่อได้ยินแต่ไม่ตอบ ก้าวเร็ว ๆ จนตามมาทันภริตาที่กำลังจะปิดประตูห้อง ฝ่ามือแกร่งดันต้านเอาไว้ เจ้าของห้องได้แต่ละล่ำละลัก
"อุ่น อุ่นขอโทษนะคะ อุ่นไม่ได้ตั้งใจเดินไปเห็น"
"มันคือธรรมชาติของผู้ชาย อา...อายังไม่อาจขาดมันได้ เธอต้องเข้าใจอานะอุ่น"
ภูดิศเองก็อธิบายเสียงเบาหวิว ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน ทำไมเขาจึงแคร์ความรู้สึกของคนที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กขนาดนี้
" ไม่ อุ่นไม่ได้โกรธคุณอาเลยสักนิดเดียว อุ่นขอโทษที่เสียมารยาท"
หากแต่น้ำตาหล่อนกลับไหลออกมาเองอย่างไร้ซึ่งเหตุผล เกินจะเข้าใจได้ว่าเหตุใดต้องเสียใจ นั่นยิ่งทำให้ภูดิศไม่สบายใจ นึกโกรธตัวเองที่รีบรนจนไม่ปิดประตู เขากำลังทำตัวเยี่ยงสัตว์เดียรัจฉาน ด้วยการสมสู่แบบไม่เกรงสายตาผู้ใด
ตรงกันข้ามกับความรู้สึกภริตา หล่อนอับอายภูดิศเหลือเกิน หากเขาจะโกรธก็ไม่แปลก กับการที่หล่อนทำตัวสอดรู้สอดเห็นไม่เข้าท่าจนไปเจอภาพบาดความรู้สึกเข้าอย่างจัง
น้ำตาทำให้หัวใจแกร่งอ่อนยวบ มือที่ดันบานประตูเปลี่ยนเป็นทำท่าจะช่วยซับน้ำตาให้ หากแต่ความอับอายทำให้ภริตาถือโอกาสนั้นดันบานประตูปิดใส่หน้าคนที่ยืนอยู่ด้านนอก อย่างน้อย...มันก็ช่วยให้หล่อนไม่ต้องเผชิญหน้ากับภูดิศสักระยะ
เสียงถอนหายใจดังอยู่หน้าห้อง ยังไม่ทันจะหันหลังกลับ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ
"โทรศัพท์ของภูมิน่ะ มันดังอยู่นานแล้ว หนิงเลยรับให้"
เจ้าตัวยื่นโทรศัพท์มาให้ แววตาคมกล้าไล่มองร่างที่อยู่ในชุดคลุม ร่างที่ก่อนหน้านั้นยังเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง บรรเลงลีลารักกับเขาอย่างเร่าร้อน
ชายหนุ่มรับมาคุยต่อ คนที่โทรมาไม่ใช่ใคร...ศรุต
"คิม! ทำไมเสียงนายดูสั่น ๆ"
"ผมได้ข่าวจากวิน ข่าวไม่ค่อยดีน่ะครับ!"
ศรุตหมายถึงอนาวิล ช่างแต่งหน้าของภริตา ฝ่ายนั้นกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ เรื่องหัวใจที่กำลังจะชักพาให้คน ๆ หนึ่งทำในสิ่งไม่คาดฝัน
ศรุตไม่เข้าใจตัวเอง เขาเป็นอะไร เหตุใดจึงห่วงอนาวิลจนถึงขั้นขับรถออกจากบ้านเพื่อไปปลอบใจอีกฝ่ายถึงคอนโด และความกลัวที่แล่นพล่าน ทำให้เขาโทร.มารบกวนเจ้านายหนุ่มกลางดึก