Chapter​ 4​ ความซับซ้อนของใจ​ ​(1)

1282 Words
Chapter​ 4​ ความซับซ้อนของใจ​ ​(1) ภูริตา​ เรียลเอสเตท​ สำนักงานใหญ่ "วันนี้มารับผมบ่ายสามนะลุงชัย​ มีธุระข้างนอกน่ะ" เสียงเล็ดลอดมาจากริมฝีปากได้รูป​ หลังจากลินคอร์นเคลื่อนมาจอดที่หน้าตึกของภูดิศซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่​ ด้านวิชัยยิ้มพลางพยักหน้ารับ​ ก่อนที่ภูดิศจะก้าวลงจากรถเพื่อเข้าไปด้านใน "เดี๋ยว​ คุณ​ หยุดก่อน! " เสียงนั้นดังมาจากมุมอับ​ จู่​ ๆ​ ก็มีคนวิ่งออกมาจากตรงนั้น​ เขาพรวดพราดเข้าหาภูดิศที่หยุดมองตามเสียงเรียก​ ท่าทีที่ไม่น่าไว้วางใจของชายแปลกหน้าเพราะการแต่งตัวที่ดูซอมซ่อ​ ทำให้ไม่อาจเข้าถึงตัวภูดิศได้​ เพราะบรรดาบอดี้การ์ดของเขานั้นหูตาไว ร่างของชายผู้นั้นถูกรั้งให้ออกห่างจากภูดิศ​ ก่อนถูกลากออกไปนอกเขตบริษัท "เดี๋ยว​ ปล่อยก่อน​ ผมต้องการคุยกับเจ้านายคุณ" "ไม่ได้​ มาทางไหนไปทางนั้น! " "ปล่อยสิวะ! ​ มีเรื่องสำคัญจริงๆ" ชายในชุดเก่าๆ​ โวยวายดิ้นรน​ ในขณะเดียวกัน​ สายตาของภูดิศพยายามเพ่งมอง​ แต่เขาคิดว่าไม่น่าจะเคยรู้จักกันมาก่อน​ ยิ่งใส่หมวกและแว่นอำพรางมาแบบ​นี้​ เขาเลยไม่รู้เข้าไปใหญ่ว่าชายผู้นี้เป็นใคร​ แต่เดาเอาจากภายนอก​ น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับวิชัย เขาไม่ได้ห้ามลูกน้อง​ ได้แต่ยืนมองคนของตัวลากชายคนนั้นออกไป​ ยอมรับว่าตัดสินคนจากภาพลักษณ์ภายนอก​ มีลักษณะเยี่ยงโจรเช่นนี้​ เขาไม่ยอมให้ได้เข้าใกล้​ หรือเสียเวลาเสวนาด้วยแน่นอน​ และนี่คือเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องจ้างบอดี้การ์ด​ ด้วยไม่อยากพบชะตากรรมเช่นเดียวกับบิดามารดา "ปล่อยโว้ย! ​ กูจะคุยกับคุณภูมิ" ชายหนุ่มเลิกใส่ใจกับคนแปลกหน้า​ หันหลังเดินเข้าไปด้านในอาคาร​ หูยังคงได้ยินเสียงเรียกชื่อตนซ้ำ​ ๆ​ อยู่อย่างนั้น​ คล้ายจะมีชื่อภริตาแทรกเข้ามาในห้วงการรับรู้​ แต่เขากลับมองว่านั่นก็แค่มดปลวกที่แสนน่ารำคาญ​ คงไม่พ้นมาขอเงิน​ ชายหนุ่มคิดเช่นนั้นเพราะเจอคนประเภทนี้อยู่เสมอ ในยามห้าทุ่มเศษ​ ภริตาพลิกกายนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงกว้าง​ แม้จะคิดว่าตัวเองไม่มีเรื่องเครียดหรือความว้าวุ่นใจให้นอนไม่หลับ​ แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้นั้นมันไม่ต่างจากคนร้อนรุ่มกลุ้มใจ​ หล่อนไม่รู้ว่าภูดิศกลับมาหรือยัง​ เพราะเขาบอกว่าคืนนี้กลับดึกเพราะออกไปทานข้าวกับลูกค้า...ลูกค้าที่เป็นสาวสวยเสน่ห์ล้นเหลือ​ คนที่เขาอาจมีสัมพันธ์ด้วยก็เป็นได้ หล่อนเกลียดตัวเองที่คิดแบบนี้ คิดอะไรไม่เข้าท่า​ ร่างในชุดนอนสีชมพูหวานผุดลุกนั่งด้วยความว้าวุ่น​ เมื่อจู่​ ๆ​ ก็รู้สึกคิดถึงภูดิศ​ เพียงเพราะเขาบอกว่าไปทานมื้อค่ำกับลูกค้า​ ทั้งๆ​ ที่นั่นคือเรื่องธรรมดา ร่างสมส่วนเดินออกมานอกห้อง​ สายตาโฟกัสไปยังห้อง​ ๆ​ หนึ่งที่ประตูปิดไม่สนิท​ มีแสงสลัวลอดผ่านออกมาพอให้ได้รู้ว่านั่นต้องมีคนอยู่ข้างใน​ ห้องนั้นไม่ใช่ห้องนอนของภูดิศ​ แต่เป็นห้องไว้รับรองเวลามีแขกมานอนค้างอ้างแรม หล่อนไม่ใช่คนละซึ่งกิเลส​ ยังคงมีความอยากรู้อยากเห็นตามประสามนุษย์ทั่วไป​ สัญชาตญาณใคร่รู้ที่เริ่มทำงานจึงพาสองขาให้เดินตรงไปยังห้องนั้นอย่างช้า​ ๆ​ ทั้ง​ ๆ​ ที่ไม่รู้เลยว่าทำไปเพื่ออะไร ใจดวงน้อยเต้นตึกตัก​ เมื่อเสียงบางอย่างเล็ดลอดมากระทบโสตประสาท​ ขณะที่สองขาก็พาตัวเองไปหยุดยืนหน้าห้อง​ แววตาคู่สวยมองลอดช่องประตูอย่างอยากรู้อยากเห็น "อ๊า...ภูมิ...ดีจัง!" เสียงครางกระเส่าดังอยู่ในนั้น​ เสียงหวานผสานเสียงแหบห้าวตามจังหวะการกระแทกกระทั้น...หัวใจคนมองเต้นเร่าสั่นไหว​ มองกายท่อนร่างที่แอ่นรับจังหวะการขยับโยกของร่างอวบอิ่มที่คร่อมทับอยู่ด้านบน​ เสียงสูดปากราวทั้งสองกำลังเคี้ยวพริกแสนเผ็ดร้อนทำให้คนไม่เคยพานพบหน้าแดงซ่าน... เหมือนถูกสะกดจิต​ ภริตายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น​ ลืมไปว่ากำลังทำตัวเสียมารยาทและน่าเกลียดสิ้นดี "อ๊า....โอวววว" กายสองกายกระตุกเกร็งสั่น​เมื่อเกี่ยวก้อยกันไปพบกับความสุขสม​ ร่างเปลือยเปล่าเอนซุกซบลงกับกายแกร่งอย่างอ่อนแรง...เหมือนมีบางอย่างกระซิบบอก​ สายตาของภูดิศปรายมองไปทางบานประตูอย่างบังเอิญ​ เขาเห็นร่างคุ้น​ ๆ​ ผินหลังหนีไปอย่างรวดเร็ว "อุ่น!" "อ๊ะ! ภูมิ" เขาดันร่างคนที่เพิ่งมอบความสุขให้หมาดๆ​ จนพ้นตัว​ ก่อนจะผุดลุกนั่งอย่างว่องไว​ ผลุนผลันลงจากเตียง​ เดินไปคว้าเสื้อคลุมมาพันกายอย่างลวกๆ​ ผลุนผลันออกไปจากห้องอย่างไม่ไยดีร่างเปลือยเปล่าบนเตียงอีกต่อไป "ภูมิ​ จะไปไหนคะ! " เจ้าของชื่อได้ยินแต่ไม่ตอบ​ ก้าวเร็ว​ ๆ​ จนตามมาทันภริตาที่กำลังจะปิดประตูห้อง ฝ่ามือแกร่งดันต้านเอาไว้​ เจ้าของห้องได้แต่ละล่ำละลัก "อุ่น​ อุ่นขอโทษ​นะคะ อุ่นไม่ได้ตั้งใจเดินไปเห็น" "มันคือธรรมชาติ​ของผู้ชาย​ อา...อายังไม่อาจขาดมันได้​ เธอต้องเข้าใจอานะอุ่น" ภูดิศเองก็อธิบายเสียงเบาหวิว​ ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน​ ทำไมเขาจึงแคร์ความรู้สึกของคนที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กขนาดนี้ " ไม่​ อุ่นไม่ได้โกรธ​คุณอาเลยสักนิดเดียว อุ่นขอโทษที่เสียมารยาท" หากแต่น้ำตาหล่อนกลับไหลออกมาเอง​อย่างไร้ซึ่งเหตุผล​ เกินจะเข้าใจได้ว่าเหตุใดต้องเสียใจ นั่นยิ่งทำให้ภูดิศไม่สบายใจ​ นึกโกรธตัวเองที่รีบรนจนไม่ปิดประตู​ เขากำลังทำตัวเยี่ยงสัตว์เดียรัจฉาน​ ด้วยการสมสู่แบบไม่เกรงสายตาผู้ใด ตรงกันข้ามกับความรู้สึกภริตา​ หล่อนอับอายภูดิศเหลือเกิน​ หากเขาจะโกรธก็ไม่แปลก​ กับการที่หล่อนทำตัวสอดรู้สอดเห็นไม่เข้าท่าจนไปเจอภาพบาดความรู้สึกเข้าอย่างจัง น้ำตาทำให้หัวใจแกร่งอ่อนยวบ​ มือที่ดันบานประตูเปลี่ยนเป็นทำท่าจะช่วยซับน้ำตาให้​ หากแต่ความอับอายทำให้ภริตาถือโอกาสนั้นดันบานประตูปิดใส่หน้าคนที่ยืนอยู่ด้านนอก​ อย่างน้อย...มันก็ช่วยให้หล่อนไม่ต้องเผชิญหน้ากับภูดิศสักระยะ เสียงถอนหายใจดังอยู่หน้าห้อง​ ยังไม่ทันจะหันหลังกลับ​ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ "โทรศัพท์ของภูมิน่ะ มันดังอยู่นานแล้ว​ หนิงเลยรับให้" เจ้าตัวยื่นโทรศัพท์มาให้​ แววตาคมกล้าไล่มองร่างที่อยู่ในชุดคลุม ร่างที่ก่อนหน้านั้นยังเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง​ บรรเลงลีลารักกับเขาอย่างเร่าร้อน​ ชายหนุ่มรับมาคุยต่อ​ คนที่โทรมาไม่ใช่ใคร...ศรุต "คิม! ทำไมเสียงนายดูสั่น​ ๆ" "ผมได้ข่าวจากวิน​ ข่าวไม่ค่อยดีน่ะครับ!" ศรุตหมายถึงอนาวิล ช่างแต่งหน้าของภริตา​ ฝ่ายนั้นกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่​ เรื่องหัวใจที่กำลังจะชักพาให้คน​ ๆ​ หนึ่งทำในสิ่งไม่คาดฝัน ศรุตไม่เข้าใจตัวเอง​ เขาเป็นอะไร​ เหตุใดจึงห่วงอนาวิลจนถึงขั้นขับรถออกจากบ้านเพื่อไปปลอบใจอีกฝ่ายถึงคอนโด​ และความกลัวที่แล่นพล่าน​ ทำให้เขาโทร.มารบกวนเจ้านายหนุ่มกลางดึก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD