“เฮอะ นางเอกคนไหนเอามาแฉวะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจับปิ่นปิ๊นไปคุมกำเนิดที่คลินิกไอ้วสุ” ปกป้องพูดสบายๆ วสุไม่ใช่คนอื่นคนไกล เป็นเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่อนุบาล ส่วนวายุพ่อของวสุก็สนิทกับพ่อเขา “พรุ่งนี้ฉันจะหิ้วปิ่นปิ๊นจากคอนโดฯ ไปคลินิกเอง แล้วก็จะดูด้วยตาของฉันว่าวสุมันฝังยาให้แล้ว”
“อาจจะไม่ทัน เพราะว่าวันนี้วันปิดกล้อง สายรายงานว่าน้องปิ่นขับรถตัวเองไปจอดไว้ที่คอนโดฯ ไอ้พระเอกนั่น แล้วนั่งรถมันไปที่ผับแถวพระรามห้า”
“ไหนว่าอยู่ต่างช่อง แล้วโผล่ไปงานเลี้ยงปิดกล้องกับมันได้ยังไง เป็นแขกไม่ได้รับเชิญนี่มันน่าอายนะ” ปกป้องเผลอถามเสียงดัง
“อันนี้ไม่รู้ว่ะ ด้านได้อายอดปะ เป็นนางร้ายจะต้องแคร์ไปทำไม จริงไหมเพื่อน” แดนเทพยักไหล่
“ร้ายจริงๆ ขอยืมโทรศัพท์หน่อยซิ” ปกป้องพยักพเยิดไปทางโทรศัพท์ของแดนเทพ ขี้เกียจเดินไปหยิบโทรศัพท์ของตนบนโต๊ะทำงาน
เขาเข้ากูเกิลก็พบสิ่งที่ต้องการทันที
“บอกให้คนไปซื้ออันนี้ให้หน่อย แล้วใส่ไว้ในรถฉัน กุญแจรถอยู่ที่ยามน่ะ” ปกป้องยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของ
“ฮ้า! เอาแบบนี้เลยเหรอ” แดนเทพเบิกตาโตกับวิธีแก้ปัญหาของเพื่อน
“อื้อ” ปกป้องตอบ ก่อนจะถอนหายใจ “รีบๆ บอกลูกน้องเถอะไอ้เทวดา เดี๋ยวฉันจะกลับไปนอนแล้ว”
“เคๆ”
ระหว่างที่แดนเทพส่งไลน์บอกลูกน้องของตนอีกทอด ปกป้องก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองโทร.หาลูกสมุนที่ใช้งานกันมานานตั้งแต่เขาได้รับปากกับอาเฟย่า
“ตอนนี้ฉันกลับมาไทยแล้ว แต่งานทุกอย่างยังเหมือนเดิม พวกนายไปเมียงๆ มองๆ คุณปิ่นที่ผับพระรามห้าที” เขาไม่ต้องพูดมาก ลูกน้องเขาจะดูความเหมาะสมเองว่าต้องทำอย่างไร บางครั้งก็ไม่มีอะไร แต่ก็มีบ้างที่ได้ลงไม้ลงมือเพราะความไม่ระวังตัวของปิ่นมุก สมแล้วที่อาเฟย่าเป็นห่วง
“ง่วงนอนมากเลยเหรอ โทร.หาข้าวฟ่างสักหน่อยไหม” แดนเทพเตือน ข้าวฟ่างเป็นเพื่อนสมัยเรียนป.ตรีของพวกเขา แต่อยู่บัญชี เธอชอบปกป้องมาก ทั้งสองมีความรู้สึกที่พิเศษให้กัน แต่ความสัมพันธ์ยังไม่พัฒนาถึงคำว่าแฟน เพราะปกป้องไปเรียนอังกฤษเสียก่อน
ปกป้องทำปากจู๋ขณะครุ่นคิด หัวใจแรงขึ้นมาเล็กน้อย “คุยวันนี้ลิ้นต้องพันกันแน่ๆ เพราะฉันง่วงสุดๆ ไปเลย พรุ่งนี้ค่อยโทร.หาดีกว่า”
“ข้าวฟ่างเก่งบัญชี รู้รอบ บางทีนายอาจต้องใช้คนนอกบริษัทช่วย”
“สุดยอด น่าสนใจ” ปกป้องยกนิ้วให้เพื่อน “เออ พรุ่งนี้เพื่อนที่เรียนด้วยกันที่อังกฤษจะกลับมาไทย มะรืนว่าจะนัดกินข้าวกัน นายหาร้านให้หน่อยสิ”
ปกป้องฝากการบ้านเสร็จก็หยิบสูทที่พาดไว้บนพนักเก้าอี้ เตรียมตัวกลับคอนโดฯ ที่ไม่ได้อยู่มาสามปี แต่คนง่วงนอนก็ถูกดึงไว้ด้วยคำถามที่ได้ฟังจนชาชิน
“ทำไมนายถึงจงเกลียดจงชังน้องปิ่นนักวะ น้องก็สวยชนิดที่ว่า ผู้หญิงทั้งโลกพากันโกรธพระเจ้าไปหมดแล้ว”
“น้องมันร้ายตั้งแต่เด็ก ใครจะรักลงวะ”
“ยังไง” แดนเทพสงสัย
“เขาชอบร้องไห้ให้ฉันโดนแม่กับพี่ๆ ด่า แล้วก็วนอยู่รอบตัวฉันไม่ไปไหน ฉันรู้สึกเหมือนน้องเป็นเนื้องอกน่ารำคาญ”
“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เออสิ”
“แล้วสาบานไหมว่าน้ำหน้าอย่างนายไม่ได้แกล้งน้องก่อน” ต่อให้อมพระมาพูด แดนเทพก็ไม่เชื่อสิ่งที่เพื่อนกล่าวออกมา
“ใครจะไปแกล้ง น้องดื้อตั้งแต่เด็กจริงๆ มีอยู่ครั้งนึงครอบครัวเราสองคนไปเที่ยวอัมพวาด้วยกัน ฉันสี่ขวบครึ่ง ส่วนน้องสองขวบกว่าๆ ความจริงฉันจำไม่ค่อยได้หรอก แต่มันเป็นเรื่องที่แม่เอามาเล่าไม่หยุด เหมือนเป็นผลงานชิ้นโบแดงของฉัน”
“เหรอ สงสัยจะน่าประทับใจมาก เรื่องมันยังไงล่ะ”
“วันแรกก็เที่ยวกันสนุก แต่วันรุ่งขึ้นน้องเกิดป่วย แค่กินยาเพื่อให้ตัวเองหายยังไม่ยอมกิน ส่วนฉันนี่” ปกป้องทุบอกตัวเอง “คือผู้หวังดีก็เลยต้องช่วย”
“ช่วยยังไง ติดสินบนว่าถ้ากินยาจะเต้นให้ดูงี้เหรอ” แดนเทพเดา
“ป้อนสิครับ” ปกป้องหัวเราะ ถ้าแม่ไม่เล่าเขาก็ไม่รู้หรอกว่าตนเองทำอะไรลงไป แต่เขาก็ไม่เล่ารายละเอียดตรงนี้ให้แดนเทพฟังหรอก ว่าเขาใช้วิธีล็อกคอแล้วกดไซริงค์ที่มียาเข้าไปในปากน้องจนร้องสำลัก
“เอ้อเว้ย เป็นคนห่วงใยน้องมาตั้งแต่จำความไม่ได้เลยเนอะ แต่ฉันว่ามันต้องเป็นการป้อนยาที่แสนระยำแน่ๆ น้องถึงได้เข็ด”
ปกป้องปรายตามองเพื่อนที่รู้ไปเสียหมดทุกอย่าง
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าเฟซของตัวเอง แล้วยื่นให้เพื่อนดู “นี่เป็นตัวอย่าง นายคิดว่าคนใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า ‘เวรกรรม ของกะโปก’ เป็นใคร”
“ฮ่าๆๆๆๆ เวรกรรมของกะโปกกำลังติดตามคุณ” แดนเทพอ่านเสียงดัง และขำจนหยุดไม่ได้ เมื่อเห็นการกดติดตาม “สมัยเด็กคงจะแสบไม่เบาใช่ไหม”
*********
เมื่อยี่สิบปีก่อน
หลังกลับจากอัมพวา ธุรกิจใหม่แบบมินิมอลของพยัคฆ์ก็ผุดขึ้นมาในหัว เขาอยากทำร้านไอศกรีมโฮมเมดที่ชูวัตถุดิบหลักเป็นมะพร้าวน้ำหอม วัตถุดิบอีกอย่างที่จะขาดไม่ได้คือนมจากฟาร์ม ทั้งที่เป็นนมสด กับนมที่แปรรูปเป็นชีสและโยเกิร์ต วัตถุดิบอีกอย่างที่พยัคฆ์นึกถึงก็คือองุ่นและไวน์ของลูกคลื่น ทั้งหมดนี้จะถูกบรรจุอยู่ในเมนูไอศกรีมต่างๆ
แต่มะพร้าวน้ำหอมหาได้ยากในปากช่อง เขาจึงซื้อที่ดินที่อัมพวายี่สิบไร่ที่ลุงช้าง คนเฝ้าสวนบอกขายและจ้างลุงช้างให้ดูแลสวนต่อ พยัคฆ์ให้ลุงช้างลงมะพร้าวน้ำหอมแทนมะพร้าวต้นสูงที่ใช้ทำน้ำตาลมะพร้าวสิบไร่ ส่วนที่ยังทำน้ำตาลมะพร้าว พยัคฆ์ยกผลประโยชน์ทั้งหมดให้ลุงช้าง
มะพร้าวน้ำหอมจะต้องใช้เวลาประมาณสามปีเป็นอย่างต่ำกว่าจะให้ผลผลิต แต่นักธุรกิจคิดเร็วทำเร็วอย่างเขารอไม่ได้ ระหว่างรอให้มะพร้าวของตนเองโต พยัคฆ์ก็ลองสั่งมะพร้าวน้ำหอมจากสวนใกล้ๆ ที่ดินเขาที่อัมพวามายังปากช่อง
ไอศกรีมที่ทำออกมามีหลายรสชาติ เขาแจกจ่ายให้กับเด็กๆ และกลุ่มคนที่มาเที่ยวฟาร์มได้ชิม จนได้รสชาติซึ่งเป็นที่นิยม จากนั้นพยัคฆ์ก็เริ่มให้สถาปนิกมาออกแบบร้านไอศกรีมในฟาร์ม และจัดการรวมตัวแก๊งเสือสมิงให้มาโฆษณาผลิตภัณฑ์และร้านในช่วงที่เด็กๆ ปิดเทอม ถือเป็นการเปิดตัวเสือสมิงสุดท้องสองตัว ซึ่งตอนนี้แก๊งเสือสมิงมีสมาชิกทั้งหมดสิบเอ็ดตัว
1 เสือโหด พลอยใส (เจ็ดขวบนิดๆ)
2 เสือห่าม แพรสวย (เจ็ดขวบนิดๆ)
3 เสือห้อย เต๋าเต้ย (เจ็ดขวบครึ่ง)
4 เสือหด พยัคฆ์ (มีสิทธิ์เป็นได้แค่แขกรับเชิญ เพราะหมูใหญ่ ไม่น่ารัก)
5 เสือหึ่ง ทาโร่ (ห้าขวบครึ่ง)
6 เสือหุบ นีโม่ (ห้าขวบครึ่ง)
7 เสือหิว ปกป้อง เปิดเทอมก็จะเข้าอนุบาลแล้ว (ห้าขวบนิดๆ)
8 เสือเหี้ยม นะโม (เกือบสี่ขวบ)
9 เสือห้าว น้ำมนต์ (เกือบสี่ขวบ)
10 เสือโหย ปิ่นมุก (เกือบสามขวบ)
11 เสือหยิก ปราบ (สิบเอ็ดเดือน)
ก่อนวันที่แก๊งเสือสมิงจะรวมตัวกันเพียงสองวัน เฟย่าพาปิ่นมุกกับปราบมาที่ฟาร์มวัวนมของพยัคฆ์เพื่อให้พลอยใสกับแพรสวยซ้อมบทและซ้อมเต้น โดยมีการแต่งตัวเกือบจัดเต็มอย่างวันจริงเพื่อให้ปิ่นมุกกับปราบได้ชินกับเครื่องแต่งกาย คุณแม่คนสวยคาดหวังว่างานนี้จะต้องเป็นการเปิดตัวแบบปังๆ ของลูกทั้งสอง
ตอนมาถึงฟาร์ม ฝนตกอากาศดีแต่ก็ไม่สามารถออกไปซ้อมเต้นได้ เด็กๆ จึงเล่นกันในห้องเด็กเล่น พอกินอิ่มก็นอนหลับกันเป็นแถบ
“นมโหมะ ยังไม่อิ่ม ท้องน้องปึ่มย้องแอ๊กๆ” ปิ่นมุกเดินลากตุ๊กตาเน่าตัวโปรดและขวดนมออกมาหาเฟย่าที่ห้องรับแขก
พยัคฆ์กับปานดวงใจพากันมองเด็กน้อยที่ยิ่งโตก็ยิ่งสวยพลางยิ้มอย่างเอ็นดู
“ร้องยังไงนะคะ ร้องให้ป้าเมย์ฟังอีกทีซิ”
“แอ๊กๆ”
“หมดเกลี้ยงเลย เดี๋ยวแม่ชงให้ใหม่นะคะ” เฟย่ารับขวดนมมาส่องดู ก่อนจะถามถึงลูกชายอีกคน “น้องปราบหลับแล้วเหรอ”
“หยับปุ๋ยๆ เยย น้องปาบผันว่ากินนมด้วย ทำปากแบบนี้ จุ๊บๆๆ” ปิ่นมุกเอาสองมืออวบๆ ประกบกันแล้วเอาไปแนบแก้ม ปิดเปลือกตาลง แสดงท่าหลับให้แม่ดู ปากก็ขยับเหมือนกำลังดูดนมพร้อมทำเสียงประกอบดังจุ๊บๆๆ
“โอ้โห โตขึ้นต้องเป็นนักแสดงแน่ๆ” พยัคฆ์วิเคราะห์
“ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นย่ะ” เฟย่าพูดกับพยัคฆ์แล้วก็หันมาบอกลูกสาว “เดี๋ยวแม่ชงนมให้แล้วเอาไปให้ที่คอกนอนนะ น้องปิ่นไปนอนคอยแม่ก่อน ตกลงไหม”
“ตกยงจ้ะ แท่ดๆๆๆ” ปิ่นมุกรับคำปุ๊บก็กลับหลังหัน ทำเสียงประกอบตอนเดินทุกก้าว
“ขออนุญาตใช้ครัวหน่อยนะ”
“ใช้จนจะเป็นครัวของตัวเองแล้วยังจะต้องขออนุญาตอะไรอีก” พยัคฆ์แซว
เฟย่ายิ้ม จากนั้นก็เข้าไปในห้องครัวของเพื่อนอย่างเคยชินเพื่อชงนมให้ลูก
ระหว่างที่เธอกำลังถือขวดนมอุ่นๆ เดินไปยังห้องเด็กเล่น ยังไม่ทันถึงดีก็ได้ยินเสียงโวยวายของปกป้อง เด็กชายวิ่งออกมาพร้อมกับเอามือปิดหน้าไปซีกหนึ่งสวนทางไป เฟย่าได้แต่มองตามอย่างสงสัย แล้วก็เดินเข้าไปหาลูกสาว