หมดความอดทน…8/3

872 Words
เวลาเดียวกันมนต์มีนากับลูกชายตัวน้อยถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลกำลังเข้ารับการตรวจดูอาการ ลำพังตัวเธอไม่ห่วงตัวเองเลย หัวใจของผู้เป็นแม่บีบรัดจนเหมือนจะขาดออกจากกันขณะมองลูกที่นอนอยู่บนเตียงตรงหน้า เมื่อตรวจอาการของเด็กดูแล้วคุณหมอหันมาพูดกับมนต์มีนาว่า “โชคดีนะคะที่มีคนมาช่วยเด็กไว้ทัน น้องปลอดภัยแล้วล่ะค่ะ หมอขอให้แอดมิตดูอาการก่อนสักคืนแล้วกันนะคะ ดูว่าจะมีไข้มั้ย” แพทย์หญิงหน้าตาใจดีสวมแว่นตากรอบบางสีเงิน อายุราวห้าสิบปีเอ่ยน้ำเสียงนุ่ม ๆ ปลอบโยนหัวใจของคนเป็นแม่ ที่ยังมีอาการสะอื้นอยู่จนถึงตอนนี้ หญิงสาวดวงตาแดงก่ำหันมาสบตากับคุณหมอ พนมมือไหว้ด้วยความขอบคุณ อดที่จะถามไม่ได้ว่า “ถ้าสมมติว่ามาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกของหนูคะคุณหมอ” คุณหมอมองแล้วสูดลมหายใจเข้า บอกตามตรง “ถ้าหยุดหายใจนานเกินสี่นาทีสมองจะถูกทำลายถาวร แม้สามารถจะฟื้นขึ้นมาได้สมองก็จะตายแล้ว ที่เรียกกันว่าเจ้าชายนิทราหรือภาวะผัก และเลวร้ายที่สุดก็คือเสียชีวิตค่ะ ผู้ที่จมน้ำเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง อาจมีปัญหาสุขภาพทั้งกับหัวใจ ปอดและระบบประสาท” มนต์มีนาก้มหน้าลง ยกมือขยี้จมูกที่อู้อี้ คุณหมอจึงให้คำแนะนำกับหญิงสาว ซึ่งเห็นว่าเพิ่งเป็นคุณแม่ด้วย “ต่อไปคุณแม่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะคะ เพราะถ้าเกิดอาการวูบอีกครั้งหน้าอาจไม่ได้โชคดีแบบนี้ หมอจะให้ยาบำรุงคุณแม่ด้วยค่ะ” “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ” หญิงสาวพนมมือไหว้อีกครั้ง “คืนนี้คุณแม่พักผ่อนให้เต็มที่นะคะ เดี๋ยวจะมีนางพยาบาลคอยเข้ามาดูแลทั้งคุณแม่คุณลูกตลอดคืน ไม่ต้องกังวล” พูดจบคุณหมอก็ยิ้มให้กำลังใจหญิงสาว ก่อนจะเดินกลับออกไป แม่ลูกต้องนอนอยู่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งคืน เนื่องจากแพทย์ต้องการสังเกตอาการของคนไข้ตัวเล็กให้แน่ชัด รวมถึงคนเป็นแม่ที่ร่างกายอ่อนแอ เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองได้พักผ่อนเต็มที่หลังจากพาตัวเองกลับไปอยู่ที่ที่เรียกว่าบ้าน ทำให้เธอได้มีเวลาคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น การที่เกือบจะสูญเสียลูกไปในครั้งนี้มันเป็นเพราะการละเลยสุขภาพร่างกายของเธอเองรวมกับการมองโลกในแง่ดีแบบโง่เขลาของเธอที่คิดว่าการอยู่กับญาติพี่น้องอย่างน้อยก็มีคนช่วยกันดูแลกันยามฉุกเฉิน ไม่โดดเดี่ยว และเพราะอยากจะประหยัดเงินเพื่อไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกเมื่อยามจำเป็น ซึ่งก็เป็นจริงส่วนหนึ่ง เพราะถ้าไม่ได้ปิยะนุช เธออาจจะสูญเสียสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตไปแล้ว แต่... เธอมองข้ามสิ่งที่สำคัญจริง ๆ สำหรับตัวเธอและลูกไป การดูแลบ้านที่มีคนอาศัยอยู่ถึงสี่คน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กน้อยที่อยู่ในวัยกำลังดื้อดึงยังไม่รู้ความควรไม่ควรและขาดการอบรม กับอีกหนึ่งเด็กทารกที่ต้องการการเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด ในแต่ละวันเธอต้องดูแลงานบ้านซึ่งหากไม่ทำ ลูกของเธอก็จะต้องอยู่ในสภาพบ้านที่ไม่มีสุขอนามัย คอยดูแลจัดการให้หลานสาวแทนผู้เป็นแม่เพราะสงสารเด็กน้อยที่แม่ไม่ได้เอาใจใส่ ในขณะที่ต้องดูลูกน้อยของเธอเองด้วย เวลาทำงานบ้านมนต์มีนาจะเอามันเดย์ใส่เป้อุ้มไว้ตลอดเวลาเพราะลูกยังเล็กเกินกว่าจะปล่อยให้อยู่ตามลำพัง อีกทั้งยังต้องขายของออนไลน์เพื่อหารายได้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อไม่ให้กระทบกับเงินเก็บ มนต์มีนาตัดสินใจที่จะย้ายออกไปอยู่ตามลำพังกับลูก ไม่อยากรบรากับปิยะนุชและต้องระวังพี่เขยที่จ้องจะฉวยโอกาสกับเธอ หญิงสาวตั้งใจจะหางานประจำทำหลังจากลูกโตได้ประมาณหนึ่ง บ้านของเธอหลังนี้อยู่ชานเมืองพอสมควร คงไม่สะดวกเดินทางเมื่อต้องทำงานประจำ ที่สำคัญที่สุดคือครอบครัวของปิยะนุชไม่ใช่สิ่งแวดล้อมที่เหมาะจะให้ลูกของเธอเติบโตขึ้นมา ถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาลปิยะนุชพร้อมกับสามีและลูกสาวมารับมนต์มีนากับลูกชายกลับบ้าน ทั้งที่ใจจริงมนต์มีนาอยากจะกลับบ้านเองมากกว่า ไม่อยากให้พวกเขามายุ่งกับเธอและลูกอีกแล้ว แต่ปิยะนุชก็เหมือนจะคิดอะไรได้จึงอยากมารับน้องสาวด้วยตัวเอง เมื่อกลับมาถึงบ้าน มนต์มีเอ่ยขอบคุณพี่สาวที่เข้ามาช่วยชีวิตลูกของเธอไว้ทัน “ขอบคุณมากนะที่เข้ามาช่วยลูกของมี่ไว้ทัน” อีกฝ่ายพยักหน้าโดยไม่ได้เอ่ยอะไร ^ ^ ^ ***หลุดจากตรงนี้ไปมี่จะเจออะไรอี๊กกก โปรดติดตามต่อไปด้วยน้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD