มนต์มีนาเดินออกมาขึ้นรถที่จอดอยู่ในอาคารจอดรถของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งหลังจากที่ตัดสินใจมาตรวจกับคุณหมอเพื่อความมั่นใจ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้ซื้อที่ตรวจครรภ์มาลองตรวจดูแล้ว และผลที่คุณหมอแจ้งก็เป็นการแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่คนใหม่
ทันทีที่ทราบผลอย่างแน่ชัดไม่ผิดเพี้ยนร่างบางก็ถึงกับตัวชาไปทั่วขณะ ดวงตาที่จ้องมองรอยยิ้มบนใบหน้าคุณหมอคล้ายอยู่ในสภาวะตกใจกับอะไรบางอย่างจนคุณหมอต้องสอบถามความพร้อมเบื้องต้น เมื่อหญิงสาวตั้งสติได้เธอจึงบอกว่าไม่เป็นอะไร ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าปัญหากำลังจะตามมาอีกมากมาย
เธอท้อง ในวันที่เขาทิ้งเธอไป
หญิงสาวกลับมาคิดถึงอนาคตในรถอีกครั้ง ว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น จะตัดปัญหาให้มันจบ ๆ ด้วยการไม่ให้เด็กคนนี้เกิดมาแล้วเธอก็ดำเนินชีวิตอย่างไม่ต้องมีภาระเพิ่มต่อไป หรือจะบอกคนที่ร่วมทำให้เด็กคนนี้เกิดมาเพื่อให้เขาช่วยมารับผิดชอบ เมื่อคิดถึงผู้ชายคนนั้น คำพูดเหล่านี้ก็ผุดขึ้นมา
‘ถึงเราจะเลิกกัน แต่สิ่งที่ผมให้คุณตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มันก็ทำให้คุณอยู่ได้อย่างไม่ลำบากอะไร’
เป็นการย้ำเตือนเธอให้รู้ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นสิ่งที่เขาให้เธอไว้ก็พอจะทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก และคงจะไม่ลำบากเกินไปถ้าจะเลี้ยงดูอีกหนึ่งชีวิตด้วย เป็นแบบนี้แล้วจะกล้าบากหน้ากลับไปหาเขาอีกเหรอ จากแววตาเอือมระอาที่เขาใช้มองเธอตอนเกรี้ยวกราดกรีดร้องจะทวีความเกลียดชังมากขึ้นแค่ไหนถ้ารับรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมา
อยากจะบอกว่าตัวเธอเองก็ไม่ได้คาดคิดจะท้องขึ้นมาตอนนี้ เรื่องลูกยังไม่ได้อยู่ในแพลนชีวิตของเธอเหมือนกัน จะว่าพลาดพลั้งป้องกันไม่ได้ก็ถูกต้อง
มนต์มีนายกโทรศัพท์โทร. หาลูกพี่ลูกน้องญาติคนเดียวที่เธอคิดว่ายังพอพึ่งพาได้ คุยกันไม่นานหญิงสาวก็ออกรถมุ่งหน้าไปยังบ้านที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี
ตอนนี้พี่สาวของเธอก็อาศัยอยู่กับลูกสาววัยใกล้สามขวบเพียงสองคนหลังจากที่ผู้เป็นป้าเพิ่งเสียชีวิตลงเมื่อสองเดือนก่อน ส่วนพ่อของหลานสาวตัวน้อยก็นาน ๆ ครั้งจะกลับมาบ้าน
ลูกพี่ลูกน้องอายุมากกว่ามนต์มีนาห้าปี เป็นคนหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง ทว่าตั้งแต่คลอดลูกสาวประกอบกับไม่ได้มีเวลาดูแลตัวเองเท่าไหร่ทำให้ตอนนี้กลายเป็นสาวรูปร่างค่อนข้างอ้วนฉุน้ำหนักไม่ลง
มนต์มีนาขับรถกลับมาที่บ้านไม้สองชั้นสภาพกลางเก่ากลางใหม่มีรั้วเหล็กขึ้นสนิมล้อมรอบบริเวณบ้านส่วนของตน หญิงสาวเล่าเรื่องที่เธอเลิกกับแฟนหนุ่มให้พี่สาวฟังเท่าที่อยากจะเล่า และบอกว่าตนเองกำลังท้องจึงอยากจะกลับมาอยู่ที่บ้าน ซึ่งปิยะนุช หรือปลา อาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้กีดกันอะไร เพราะจริง ๆ แล้วบ้านหลังนี้เป็นบ้านของบิดามนต์มีนา ชื่อเจ้าของบ้านเป็นชื่อเธอ แต่หลังจากบิดาของเธอเสียชีวิตป้ากับลูกสาวก็พากันย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ป้าไม่ค่อยชอบแม่ของเธอเท่าไหร่ มีเรื่องระหองระแหงกันอยู่ตลอด จนสุดท้ายเมื่อแม่จากไปอีกคนบ้านหลังนี้ก็เหมือนไม่ใช่บ้านของเธอ กระทั่งมนต์มีนาตัดสินใจย้ายออกมาอยู่กับจวินเธอก็ไม่ได้ย้อนกลับมาที่บ้านนี้อีกเลย จนวันนี้
“จะย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเหรอ อืม ก็ดีเหมือนกันนะ จะได้มาช่วยดูแลรับส่งเปียไปโรงเรียนด้วยตอนพี่ไปทำงาน การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวโคตรเหนื่อยเลยพี่จะบอกให้ ผู้ชายมันเฮงซวยก็ช่างหัวมันเถอะ ว่าแต่มันไม่ให้อะไรไว้บ้างเลยเหรอ”
มนต์มีนาที่นั่งมองหลานสาววัยสองขวบปลายนอนระบายสีภาพวาดอยู่ที่พื้นส่ายหน้าช้า ๆ ในอกชอกช้ำ พี่สาวถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างคับแค้นใจแทนก่นผู้ชายคนนั้นต่อว่า
“เลวจริง ๆ เลย ผู้ชายสมัยนี้ แล้วจะกินจะใช้ยังไง นี่พี่ถามจริง ๆ นะมี่ อย่าหาว่าพี่ใจดำอำมหิตนะ”
ปลานั่งมองหน้าน้องสาวที่เอาแต่นั่งก้มหน้าเงียบ พูดน้อยคำ บอกเล่าแต่เรื่องที่จำเป็น
“...มีเงินเลี้ยงลูกที่จะเกิดมาเหรอ ถ้าคิดว่าไม่มี ก็ไปเอาออกเถอะ เรายังสาวยังสวยยังหาเงินเลี้ยงตัวเองให้สบายได้อีก ไม่ต้องไปคิดเรื่องบาปบุญให้มันหนักสมองหรอกนึกถึงชีวิตตัวเองดีกว่า แต่ถ้ามีลูกเงินทุกบาทที่ได้มาก็ต้องมาทุ่มให้ลูก ดูอย่างพี่สิ หามาเท่าไหร่ก็ไม่พอ”
มนต์มีนาสะอึกกับถ้อยคำเหล่านั้น แต่สิ่งที่พี่สาวพูดมาก็เป็นความจริงทั้งนั้นเธอไม่เถียง หญิงสาวกลืนความขมขื่นลงคอก่อนเงยหน้าสบตาพี่สาว บอกในสิ่งที่เธอคิดใคร่ครวญมาแล้วว่า
“ถ้ามี่เอาลูกออก ชีวิตมี่ก็ไม่เหลือใครอีกแล้วนะ ให้มี่เก็บลูกไว้เถอะ มี่คิดว่ามี่เลี้ยงได้ ลำบากก็ลำบากไปด้วยกันนี่แหละ”
พี่สาวเบะปากใส่ปนหมั่นไส้ในความคิด ถามเหน็บ
“แล้วคิดว่าชาตินี้จะไม่มีผัวอีกแล้วเหรอ ถ้ามีผู้ชายดี ๆ รวย ๆ มาจีบมาทำให้ชีวิตสบายก็จะไม่เอาอีกว่างั้น”
มนต์มีนาเงียบ
“โถ่เอ้ย แค่ไปเอาออกมันจะอะไรกันนักหนา ดีกว่าต้องสูญเสียโอกาสดี ๆ ในชีวิต”
ว่าแล้วปิยะนุชก็หลุบสายตาขุ่นขวางจะมองลงมาที่ลูกตัวเอง
“ถ้าฉันรู้ว่ามีลูกแล้วมันจะทำให้ลำบากขนาดนี้ ฉันก็จะเอามันออกตั้งแต่แรกเหมือนกัน”
ปิยะนุชลุกหนีเข้าไปในครัวด้วยความหงุดหงิดในตัวน้องสาว ประกอบกับปัญหาส่วนตัวที่มีอยู่ คิดในใจ... บ่นอุบอิบกับตัวเองถึงน้องสาวที่ท้องไม่มีพ่อ
‘ถ้ารู้ว่าจะกลับมาฉันไม่ส่งนังเปียเข้าเนิร์สเซอรีให้เปลืองเงินหรอก ให้แกมาช่วยเลี้ยงดีกว่า ทำไมไม่บอกเร็วกว่านี้ว่าจะกลับมาอยู่บ้าน’
หลังจากที่คุยกับพี่สาวแล้วมนต์มีนาก็ขับรถกลับมาที่คอนโดมิเนียม เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาก็รู้สึกถึงความเงียบ อ้างว้างเสียจนเหน็บหนาว จวินไม่ได้กลับมาเหยียบที่ห้องนี้อีกเลยตั้งแต่วันนั้น หลายครั้งที่เธอทนรอไม่ไหวเป็นฝ่ายติดต่อกลับไปหาเขา แต่ก็ถูกปฏิเสธการพูดคุยด้วยการตัดสายไปทุกครั้ง เป็นสัญญาณว่าเขาได้ตัดเธอออกไปจากชีวิตแล้ว
มือเรียวยกมือกุมที่หน้าท้องทรุดกายนั่งลงบนพื้นฟุบหน้าลงบนโซฟาสีขาวแล้วปล่อยเสียงสะอื้น ทำใจยากที่จะจากที่นี่ไปแต่ถ้าอยู่เธอต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกทั้งต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้เกรงว่าจะทำไม่ไหว แต่ถ้ากลับไปอยู่บ้านกับพี่สาวเกิดอะไรขึ้นก็พอจะมีคนช่วยเหลือดูแลกันได้บ้าง
สามวันต่อมามนต์มีนาจึงเริ่มขนของออกจากคอนโดมิเนียมที่เคยอยู่มาสี่ปีจนของใช้ส่วนตัวของเธอไม่เหลือติดไว้ที่ห้องสักชิ้นเดียว
คลาดกันเพียงแค่ขึ้นลงลิฟต์คนละตัวจวินก็เปิดประตูเข้ามาในห้องในรอบหลายวันที่เขาไม่ได้มาเหยียบเพื่อจะมาดูว่ามนต์มีนายังอยู่ที่นี่หรือไม่ และสิ่งที่จวินได้พบก็คือความว่างเปล่าจนน่าใจหาย ชายหนุ่มเดินเข้าไปสำรวจตามมุมต่าง ๆ ก่อนจะจบที่ห้องนอน ตู้เสื้อผ้าที่ไม่พบสิ่งของใด ๆ ของเธออยู่อีก
ไปแล้ว ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ก็ดีแล้วนี่
ชายหนุ่มพยายามตัดความอาวรณ์ออกจากใจ บอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความรัก หากแต่เป็นความผูกพันที่อยู่ด้วยกันมานานเท่านั้น เมื่อปลายทางชีวิตไม่คิดจะมีกันร่วมทางตลอดไปอยู่แล้ว ต่อจากนี้มนต์มีนาก็คงเป็นเพียงอดีตของเขาคนหนึ่งเท่านั้น
^
^
^
***ต่อไปนี้จะเป็นยังไง รอดูชีวิตมี่ และเป็นกำลังใจให้น้องด้วยนะคะ แต่อยากจะบอกว่า มันหนักขึ้นนะ งื้อ...