“ไม่เอาก็ต้องเอาเพราะข้าตัดสินใจแล้ว หากไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นผู้ใดกันเล่า”
“ก็ท่านพี่ไง อยากไปก็ไปเองสิ ไยต้องเกี่ยงให้ข้า หรือเกรงจะสู้เจ้าลูกไก่ไม่ได้”
กวงฟั่นเห็นน้องชายขึ้นเสียง ก็พลันขึ้นเสียงบ้างเพื่อข่มให้คนตรงหน้ารู้สึกตัวว่าใครใหญ่กว่าใคร
“ขืนข้าเข้าไปเอง เจ้าลูกไก่คงจำข้าได้ แล้วทีนี้มันคงไม่รั้งรอที่จะทะลวงสำนักดอกเหมยอำพันให้หายแค้นกับวีรกรรมที่ข้าก่อไว้เมื่อเยาว์เป็นแน่ ยิ่งท่านพ่อพิรี้พิไรเช่นนี้ด้วย หากเจ้าอยากให้สำนักเราพินาศเร็วยิ่งขึ้น ก็เอาตามนั้นก็ได้”
เด็กน้อยหน้าจ๋อยลงไปสนิทตา จริงอย่างที่กวงฟั่นพูด บิดาของพวกเขาเป็นประเภทหากไม่จวนตัวจริงๆ ก็จะไม่ลงมือทำร้ายผู้ใดเป็นอันขาดแม้จะโดนหมิ่นเกียรติก็ตาม ถ้าสำนักปักษามรกตได้ยกพลมาจริงๆ กว่าท่านพ่อจะเจรจาสงบศึกเสร็จ สำนักดอกเหมยอำพันคงไม่เหลือศักดิ์ศรีที่สร้างมาไว้ให้เชยชมเป็นแน่แท้
พอเห็นว่าน้องชายมีท่าทีคล้อยตาม กวงฟั่นก็พึงใจ ไม่รอช้าเอ่ยตะล่อมให้เด็กหนุ่มหลงกลอย่างรวดเร็ว
“ข้าจะบอกให้นะกวงจิน สิ่งสำคัญที่สุดของสำนักวรยุทธ์นอกจากตำราวรยุทธ์แล้ว นั่นก็คือเกียรติภูมิของสำนัก เจ้าจะยอมให้ผู้ใดก็ไม่รู้มาทำลายเกียรติที่บรรพบุรุษเจ้าสั่งสมมาตลอดชีวิตเพียงเวลาแค่ชั่วข้ามคืนเช่นนั้นหรือ ที่ข้าวางแผนโดยใช้เจ้านั้น เพราะเห็นว่าเจ้าไว้ใจได้ที่สุดและคงเห็นแก่ประโยชน์ของสำนักมากกว่าอื่นใดเพราะเจ้าคือบุตรชายของเจ้าสำนักนี้ ลำพังแค่ตัวข้า แม้จะเก่งกาจเพียงใดก็ไม่อาจชนะได้หากไม่มีเจ้าช่วยเหลือ... เพื่อสำนักของเรานะกวงจิน เรื่องแค่นี้เจ้าทำให้ข้าได้หรือไม่”
กวงจินกลายเป็นคนหูเบาด้อยปัญญาไปในพริบตาเมื่อได้ยินคำหว่านล้อม แม้เงียบนิ่งไปครู่ใหญ่แต่สุดท้ายก็ตอบรับพี่ชายอยู่ดีด้วยไม่อยากให้สำนักเสื่อมเกียรติ สู้รู้จุดอ่อนฝ่ายตรงข้ามเพื่อต้อนให้จนมุมก่อนอีกฝ่ายจะมาต้อนให้เราจนมุมยังจะดีเสียกว่า
“ข้าจะช่วยท่านพี่ก็ได้ จะให้ข้าทำอย่างไรก็บอกแผนการมาแล้วกัน แต่อย่าให้ข้าต้องเสี่ยงมากนักล่ะ ข้ายังไม่อยากตายก่อนท่านพ่อจะสิ้นลม”
ได้ยินดังนั้น กวงฟั่นก็แสยะยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง คิดอยู่แล้วว่ากวงจินต้องยอมอ่อน ก่อนรับปากเป็นมั่นเหมาะโดยที่กวงจินไม่รู้เลยว่าแผนการของกวงฟั่นนั้นร้ายกาจกว่าที่คาดหมายเพียงใด
“ไม่ต้องห่วงน่าน้องรัก รับรองข้าจะวางแผนการให้เจ้าเป็นอย่างดี...”
กว่าจะรู้ตัวว่าการร่วมมือกับกวงฟั่นนั้นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ก็ตอนที่ได้ฟังแผนการจากปากคนเจ้าเล่ห์โดยละเอียด เมื่อกวงฟั่นว่าจะให้กวงจินต้องปลอมกายเป็นอิสตรีและแฝงเร้นเข้าไปยังหอคณิกาปักษาภิรมย์ยังแคว้นเสียน อันเป็นหอคณิกาขนาดใหญ่ภายใต้การดูแลของสำนักปักษามรกต โดยที่เด็กหนุ่มไม่รู้มาก่อนเลยว่านอกจากสำนักปักษามรกตจะเป็นสำนักฝึกสอนวรยุทธ์แล้ว ยังมีการทำการค้าด้วย ทว่านั่นก็หาใช่เรื่องสลักสำคัญไม่ นอกเสียจากการถูกกวงฟั่นบังคับให้ใส่ชุดผ้าแพรสีหวานด้วยสีหน้าดุดัน เตรียมพร้อมเริ่มแผนการโดยไม่ทันให้กวงจินได้ทำใจ
เพียงเวลาไม่นาน เด็กหนุ่มก็จัดแจงเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จสรรพ จากมาดคุณชายในตอนแรกก็กลายเป็นสตรีรุ่น เรียกรอยยิ้มจางๆ อย่างพึงใจจากกวงฟั่นได้เป็นอย่างดี ขณะที่กวงจินได้แต่สบถเสียงลมอย่างไม่พอใจนัก ก่อนกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้เต็มแรง กวงฟั่นรวบมือไปไขว้หลัง เดินอ้อมมาชมผลงานก่อนบ่นพึมพำ แล้วร้องเรียกสาวใช้ซึ่งรออยู่ด้านนอกให้เข้ามา
“เปลี่ยนแต่แรกก็สิ้นเรื่องไปแล้ว มาเสียเวลาต่อปากต่อคำกับข้าอยู่ได้ เอ้าพวกเจ้า! จัดการเจ้านี่ที”
สิ้นเสียง สาวใช้จำนวนหนึ่งก็กรูกันรุมทึ้งกวงจิน ทั้งประทินโฉม ทั้งรวบผมปักปิ่นกันอย่างอลหม่าน เด็กหนุ่มได้แต่นั่งนิ่งทำแก้มป่องไปมาราวกับตุ๊กตาถูกจับแต่งตัว กว่าจะเสร็จสิ้นก็นานพอสมควร แต่ผลช่างน่าพอใจยิ่งนักเมื่อเด็กหนุ่มกลายเป็นสาวน้อยสะคราญโฉมในพริบตา จนกวงฟั่นอดครึ้มใจไม่ได้ว่าแผนการของตนคงดำเนินไปอย่างราบรื่น
“เสร็จแล้วก็ออกไปเสีย แล้วอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ผู้ใดรู้เป็นอันขาด หากเรื่องนี้รู้ถึงหูท่านพ่อเมื่อไหร่ ข้าจะลงโทษพวกเจ้าให้เข็ดหลาบ...เอ้านี่ ค่าเหนื่อยของพวกเจ้า เอาไปแบ่งกันให้ถ้วนหน้า”
ชายหนุ่มล้วงเอาถุงผ้าห่อเหรียญเงินจำนวนหนึ่งในสาบเสื้อส่งให้สาวคนหนึ่งรับไว้ บรรดาสาวใช้โค้งคำนับรับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะปิดเป็นความลับอย่างดี เท่านี้กวงจินก็พอจะเดาได้ว่าสาวใช้พวกนั้นคงรู้แผนการของกวงฟั่นเช่นเขา และที่ยอมทำตามคำสั่งก็คงเพราะถูกบังคับอย่างแน่นอน
“ส่วนเจ้าก็ลุกขึ้นได้แล้ว ข้ากับศิษย์สำนักบางส่วนเตรียมม้ารอไว้ด้านหลังสำนัก จะต้องเดินทางอีกไกล รีบไปกันเสียที”
คล้อยหลังสาวใช้ได้ กวงฟั่นก็ออกคำสั่งอีก สร้างความหมางใจให้กวงจินเต็มประดาที่เห็นพี่ชายเอาแต่สั่งๆ ไม่หยุดหย่อน ทำให้กวงจินอดไม่ได้ บ่นกระปอดกระแปดใส่พี่ชาย
“ท่านพี่ไม่ใคร่จะมีใจถามข้าบ้างหรือว่ารู้สึกอย่างไรที่ต้องมาแต่งกายประดุจสตรีเช่นนี้ เอาแต่สั่งๆ บ้าอำนาจอยู่ได้”
คนถูกว่าเหลือบมองด้วยหางตาเล็กน้อย ก่อนบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจนัก “ไยต้องใส่ใจด้วย แค่แผนข้าเป็นไปตามคาดก็พอแล้”
ว่าจบก็หุนหันออกจากห้องไปทันที เป็นสัญญาณให้เด็กหนุ่มรู้ว่าหากเขาไม่รีบตามไปให้ทัน กวงฟั่นคงได้คาดโทษ จึงไม่รอช้า รีบก้าวตามออกไปแต่ก็ไม่วายบ่นทิ้งท้ายระบายอารมณ์ขุ่นมัว
“สำนักดอกเหมยอำพันจะเสียเกียรติเพราะบุตรชายคนเล็กของเจ้าสำนักแต่งกายเป็นสตรีนี่แหละ เจ้าพี่บ้า...”