“ข่าวมันมาแบบนี้ แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าจริงหรือไม่จริง แต่ก็มีอีกข่าวด้วย เห็นคนพูดๆ กันว่าแม่เลี้ยงหนิมเลี้ยงหลานสาวไว้ใช้งาน เยี่ยงทาสเลยนะไอ้นักรบ แล้วข่าวนี้ก็ยิ่งแพร่สะพัดมากขึ้น เมื่อลูกชายกับลูกสะใภ้ของแม่เลี้ยงหนิมเสียไป”
“ไอ้เรื่องใช้งานเหมือนทาสนี่ฉันรู้แล้ว พ่อของฉันถึงได้ส่งฉันมารับนี่ไง”
“แล้วทำไมพ่อแกต้องส่งแกมารับเวธกาไปด้วยว่ะ” อาทิตย์จ้องหน้าเพื่อนเขม็ง เพราะไม่เข้าใจ
“ลุงจักริน พ่อของเวธกาเป็นเพื่อนรักกับพ่อฉัน แล้ว ลุงจักรินก็เคยขอให้พ่อของฉันสัญญาว่า ถ้าหากตัวแกกับเมียของแกไม่อยู่แล้ว ให้พ่อฉันไปรับเวธกามาดูแล แล้วตอนที่ลุงจักรินเสียใหม่ๆ พ่อฉันก็เคยไปรับเวธกาแล้ว แต่ย่าหนิมไม่ยอม แถมยังแจ้งตำรวจมาจับพ่อฉันด้วย เรื่องนี้มันก็ผ่านมาเป็นปีแล้วแหละ แต่พ่อฉันก็ยังไม่เลิกคิดเรื่องจะพาเวธกาออกมา”
“แกก็เลยมาแทนพ่อ”
“อืม...แต่ไม่รู้จะพาไปได้ไหม”
“ฉันว่ายาก เผลอๆ แกอาจจะเข้าคุกด้วย”
“ถ้าเข้าจริง งั้นแกก็เตรียมซื้อข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปเยี่ยมฉันได้เลย” พูดจบนักรบก็หัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลก แต่ลึกๆ แล้วเขาค่อนข้างซีเรียสเลยแหละ แล้วเขาก็อยากจะทำให้สำเร็จด้วย เพราะไม่อยากให้บิดาเครียดกับเรื่องนี้อีก
“ไอ้บ้า! พูดเล่นอยู่นั่นแหละ ว่าแต่แกแน่ใจว่าเวธกาจะไปกับแก”
“ไม่รู้เหมือนกัน” นักรบไหวไหล่แล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม
“ฉันว่าไม่ไปหรอก แล้วยิ่งเวธกามีแฟนแบบนี้ ฉันว่าหล่อนไม่ไปแน่ๆ”
“นี่ตกลงเวธกามีแฟนจริงๆ เหรอ ไอ้อาทิตย์”
“ไม่รู้ แค่ได้ข่าวมา”
“กรรม”
“แกก็ไปสืบเองเลย จะได้รู้ว่ามีจริงหรือไม่จริง”
“งั้นตอนเย็น ฉันขอยืมรถแกหน่อยแล้วกัน ว่าจะไปดูบ้านหลังนั่นซะหน่อย”
“ไปดูทางหนีทีไล่หรือไง” พูดจบอาทิตย์หัวเราะยกใหญ่
“ก็คงงั้นแหละ แต่ตอนนี้ฉันขอไปนอนเอาแรงก่อนแล้วกัน”
“ตามสบาย” จบคำเจ้าของรีสอร์ท สองหนุ่มก็แยกย้ายกัน กระทั่งช่วงเย็นอาทิตย์ก็ขับรถมาให้เพื่อน ครั้นพอได้รถแล้วนักรบก็รีบขับไปทันที เพราะกว่าจะไปถึงก็ค่ำพอดี
ที่บ้านโศศิษฐา
ย่าหนิมเดินออกมามองที่หน้าต่างบนห้องนอน เมื่อเห็นหลานสาวเปิดประตูรั้วออกจากบ้านไปพร้อมอิ๋ง สาวใช้คนสนิทของศิวรรณ ท่านจึงหันไปสั่งสาวใช้ให้ไปตาม ศิวรรณมาพบ รอสักพักศิวรรณก็เปิดประตูเข้ามา
“มาแล้วเหรอ”
“คุณแม่ให้คนใช้ไปตามศิมาทำไมเหรอคะ หรือ คุณแม่ไม่สบาย ให้ศิพาไปโรงพยาบาลไหมคะ”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่อยากรู้ว่าแม่ศิใช้แม่เวออกไปไหนค่ำๆ มืดๆ”
“ใช้อะไรกันค่ะคุณแม่ หลานสาวของคุณแม่ต่างหากที่มาขอออกไปเอง เห็นว่าจะออกไปซื้อของอะไรก็ไม่รู้ แล้วศิก็บอกให้ไปพรุ่งนี้ได้ไหม แต่ยัยเวไม่ยอมจะไปให้ได้ ศิก็เลยอนุญาตแล้วก็ให้นังอิ๋งตามไปด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าหลานสาวของคุณแม่จะแอบหนีไปหาผู้ชายหรือเปล่า” ตอบแล้วก็ลอบสังเกตสีหน้ามารดาไปด้วย เพราะกลัวมารดาจะไม่เชื่อคำพูดของตน
“หล่อนก็รู้ว่าแม่เวจะออกไปหาผู้ชาย แล้วทำไมหล่อนไม่ห้ามให้ได้ล่ะแม่ศิ ฉันไม่อยากขายขี้หน้าชาวบ้านอีกแล้วนะ”
“ก็ยัยเวจะไปให้ได้ แล้วคุณแม่จะให้ศิห้ามยังไงคะ แล้วถ้ายัยเวจะหนีตามผู้ชายไปจริงๆ ศิก็ว่าดีนะคะ คุณแม่จะได้ไม่ต้องมาเสียเงินเสียทองเลี้ยง จริงๆ ยัยเวก็โตจนมีผัวได้แล้ว คุณแม่น่าจะปล่อยๆ ยัยเวไปได้แล้ว”
“แล้วไหนแม่ศิว่าไม่อยากให้แม่เวแต่งงาน แล้วทำไมตอนนี้จะมาไล่ส่งหลานให้ไปมีผัวล่ะ” ย่าหนิมเริ่มสับสนกับความคิดของผู้เป็นลูกสาว เพราะเดี๋ยวก็ไม่ให้มี เดี๋ยวก็ให้มี จนตนตามความคิดไม่ทัน แต่ก็ใช่ว่าตนจะห้ามไม่ให้หลานสาวมีครอบครัว ทว่าจะมีทั้งทีก็ควรเลือกให้มันดีๆ ไม่ใช่ไปคว้าเอาคนงานในโรงสีแถวบ้าน!
“ก็ยัยเวอยากมีไงค่ะคุณแม่ เราก็ต้องปล่อยให้มีไป แต่คนที่ยัยเวเลือกเป็นแค่คนงานกระจอกๆ คงไม่มีปัญญาหาเงินทองมาสู่ขอยัยเว งานนี้คุณแม่คงต้องยกยัยเวให้มันฟรีๆ แล้วล่ะ”
“ก็นั่นนะสิ ทำไมแม่เวถึงใฝ่ต่ำขนาดนี้ มีลูกชายนายตำรวจมาชอบก็ไม่เอา แต่ไปคว้าเอาคนงานแทน เฮ้อ...ฉันกลุ้มใจจริงๆ แล้วนี่ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน หากแม่เวหนีตามคนงานไปจริงๆ”
“ไม่ต้องไปสนใจค่ะคุณแม่ เดี๋ยวอีกหน่อยชาวบ้านก็ลืมกันหมดแล้ว”
“เหมือนเรื่องของหล่อนใช่ไหมล่ะ”
“คุณแม่! ทำไมคุณแม่จะต้องมารื้อฟื้นเรื่องของศิด้วย” ศิวรรณหน้าตาบูดบึ้งทันที มือที่บีบนวดให้มารดาก็หยุดลงเช่นกัน
“ฉันก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นอะไรหรอก แค่ปากเผลอพูดไปเท่านั้นแหละ”
“คุณแม่ก็อย่าเผลอบ่อยก็แล้วกัน ศิไม่ชอบ! ศิเกลียดผู้ชาย เกลียดที่สุด มันไม่รักดี มันใฝ่ต่ำ มีอย่างที่ไหนไปเอาคนใช้มาเป็นเมีย” แต่ลึกๆ แล้วเธอไม่เคยลืมรักแรกของตัวเองเลยทั้งที่อดีตคู่หมั้นทำให้เจ็บเจียนตาย ซ้ำยังอับอายผู้คน จนไม่กล้าออกไปไหนนานเป็นปี
“พูดขึ้นมาแล้วก็ไม่รู้ว่าพ่อวิทยาจะเป็นอย่างไรบ้าง” เพราะอดีตคู่หมั้นของลูกสาวขายบ้านขายช่องย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ กันหมด ทีแรกตนก็โกรธมากเหมือนกันที่อีกฝ่ายทำแบบนี้กับลูกสาวคนเดียวของตน แต่เมื่อคิดถึงเรื่องพ่อแม่ของวิทยาช่วยเหลือ เมื่อครั้งคู่ชีวิตของตนตายจากไป ก็มีสองสามีภรรยานี่แหละที่มาช่วยดูแลไร่ เพราะตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“คุณแม่จะไปพูดถึงผู้ชายเลวๆ พรรค์นั่นทำไม ศิไม่อยากฟัง” ศิวรรณบอกเสียงกระชาก พลันลุกขึ้นยืนเตรียมกลับห้องพัก
“แต่ถ้าไม่นับเรื่องนั้น วิทยาก็เป็นคนดีนะแม่ศิ”
“คนดีที่ไหนจะนอกใจคู่หมั้นตัวเอง แล้วถ้าคุณแม่ยังพูดถึงผู้ชายเลวๆ คนนี้อีก ศิจะไปจากที่นี่ จะไม่กลับมาให้คุณแม่เห็นหน้าอีกเลย”
“แม่ศิ!”
“ศิพูดจริง” ศิวรรณทำปั้นปึ่ง กลบเกลื่อนอาการบางอย่างในใจ เพราะยิ่งมารดาพูดถึงอดีตคู่หมั้น เธอก็ยิ่งคิดถึง ถึงขั้นโหยหาเลยแหละ แต่ก็ต้องเก็บงำความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ เพราะเคยประกาศไว้ว่าจะไม่มีวันหวนกลับไปเจอกับคนเลวๆ คนนั้นอีก แต่ถึงจะหวนกลับไปหาตอนนี้ ก็เอาคืนมาไม่ได้อยู่ดี เพราะป่านนี้คนสารเลวคนนั้นคงมีลูกมีเต้ากับแม่นั่นไปแล้ว
“ฉันรับปากว่าจะไม่พูดเรื่องพ่อวิทยาอีก แม่ศิกลับไปพักเถอะ แต่ก็อย่าลืมดูแม่เวด้วยว่ากลับมาเมื่อไหร่”
“ค่ะคุณแม่” ศิวรรณรับปากไปอย่างนั้น เพราะรู้ดีว่าหลานสาวคงจะไม่ได้กลับมาคืนนี้แน่นอน หรือไม่ก็อาจจะไม่กลับมาเลย
‘อีกไม่นาน ลูกสาวของพี่จักรินก็จะท้องไม่มีพ่อแล้วนะ ได้ยินหรือเปล่า’ ศิวรรณเดินออกมาพูดกับรูปภาพของพี่ชาย ก่อนจะยิ้มสะใจ ที่แผนการแก้แค้นใกล้บรรลุผล