EP 6

1172 Words
เสาวรสไม่เคยคิดจะชอบหน้าลูกนางบำเรอของสามี มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนั้น จำใจต้องฝืนความรู้สึกเอาไว้ แล้วพากัณหาออกจากบ้านไปสถานเสริมความงามเจ้าประจำ เพื่อเปลี่ยนลุ๊คลูกเมียน้อยให้กลายมาเป็นลูกตัวเองอย่างเร่งด่วน เริ่มแรกต้องไปขัดผิวให้ผ่องใสกว่าที่เป็นก่อน โชคดีกัณหาได้ผิวขาวมาจากพ่อ ซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นคนจีนอยู่แล้ว ส่วนสูงก็ไม่หนีกันเท่าไหร่ เพราะได้ความจากพ่อทั้งคู่ แต่วีรดาจะสวยเฉี่ยวเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดกว่า เป็นคนตรงคิดยังไงพูดอย่างนั้น เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง ไม่เคยหยิบจับอะไรเลยตั้งแต่เกิดมา ส่วนกัณหาจะสวยหวาน พูดจาไพเราะและน้อยคำ กิริยามารยาทเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน จะแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเอง ทำงานทุกอย่างตั้งแต่อายุเจ็ดแปดขวบ เพราะต้องช่วยเป็นหัวแรงสำคัญให้ยายเวลาทำขนมแล้วหาบออกไปขาย เรียนจบ ปวช. ก็ได้งานที่สำนักพิมพ์ในแผนกกราฟฟิคแล้ว วันหยุดก็เรียน ปวส. และปริญญาตรีต่อจนจบ จึงถือได้ว่าลำบากตั้งแต่จำความได้ “ทำผมทรงนี้นะคะ เอาให้เหมือนที่สุดเท่าที่จะทำได้” เสาวรสย้ำกับช่างประจำ “ได้เลยค่ะคุณพี่ เพราะผิวขาวเหมือนกัน ทำแล้วออกมาดูดีค่ะแต่คงจะนานหน่อยนะคะ เพราะน้องไม่เคยดัดหรือทำสีผมมาเลย คุณพี่จะไปช้อปก่อนก็ได้นะคะ เสร็จแล้วน้องจะโทรบอก” ช่างรีบเสนอ “ไม่เอาดีกว่าค่ะ พี่จะนั่งรอดูไปด้วย กลัวออกมาไม่เหมือนเดี๋ยวจะยุ่งไปกันใหญ่” ผมยาวสลวยไปถึงกลางหลังและเหยียดตรง ถูกแทนที่ด้วยการซอยสไลท์ เป็นทรงทันสมัย ดัดเป็นลอนใหญ่ สีดำสนิทก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีทองแดงประกายน้ำตาล ทำไฮไลต์แบบบาลายาจ ให้โคนผมเข้มส่วนปลายผมสีสว่าง เหมือนกับรูปที่วีรดาเมลมาให้ แม้จะขัดใจกัณหาสักแค่ไหนแต่ก็จำยอม ตกเย็นต้องไปเยี่ยมยาย กัณหารวบผมขึ้นไปหนีบไว้ด้านหลัง เพราะกลัวยายจะสงสัย แต่ความเหนื่อยและอาการเจ็บป่วย ทำให้ยายไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก ซึ่งนั้นถือเป็นเรื่องดี วันต่อมากัณหาก็ถูกพาไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ มือถือใหม่ แถมด้วยแท็ปเลสใหม่แทนแล็ปท็อปเก่า ๆ ที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง “ต้องซื้ออะไรเยอะแยะขนาดนี้เลยเหรอครับคุณแม่” วิโรจน์อดสงสัย ในการกระทำของแม่กับเมียไม่ได้ “ต้องสิ! ถ้าจะให้นายนั่นไม่สงสัย หรือแกอยากให้มันจับได้ แล้วชวดทุกอย่างล่ะ ถ้าไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นก็เงียบไปเลย ปล่อยฉันกับแม่รสจัดการก็พอ” ลูกต้องรีบหุบปากเมื่อถูกแม่ย้อนหนัก ๆ ให้ “เสื้อผ้าหน้าผมใกล้เคียงกันแล้ว ทีนี้แม่รสก็จัดการหาครูฝรั่งมาสอนแม่นิ่มพูดภาษาอังกฤษ ให้ใกล้เคียงกับเด็กนอกด้วยนะ เผื่อเหตุฉุกเฉินจะได้ไม่เป็นที่สงสัย ติวให้หนัก ๆ นะเรามีเวลาไม่มาก ระหว่างนี้ก็ช่วยฉันคิดด้วยว่า เราลืมสอนอะไรให้แม่นิ่มบ้าง อ้อ! คิดออกแล้ว ให้ยัยมิวส่งรูปและรายละเอียดทั้งหมดมาด่วน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ ที่เรียน หรือแม้แต่เพื่อน แล้วให้แม่นิ่มเอากลับไปอ่าน กันไว้ก่อนเผื่อฝ่ายโน้นเกิดถามขึ้นมา สองปีไม่ใช่เวลาน้อย ๆ เราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด”   “เสียดายยายยังไม่แข็งแรง ไม่งั้นจะทำขนมให้นิ่มเอาไปฝากเจ้านายหน่อย พ่อคุณช่างประเสริฐแท้ ช่วยออกค่ารักษาให้ยายก่อนตั้งเป็นล้านแน่ะ ไหนจะให้มาอยู่บ้านใหม่อีก แล้วไหนจะให้งานใหม่ ให้เงินเดือนนิ่มเยอะกว่าเดิมอีก ถ้ายายหายดีเมื่อไหร่ จะไปกราบขอบคุณถึงที่เลยล่ะ” นั่นคือข้อมูลที่ยายจำปามี จากการบอกเล่าของสองหลาน รวมทั้ง   ธีระนัยกับชลธิชาก็บอกตรงกันไม่มีผิดเพี้ยน นับตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา หลังจากนอนแน่นิ่งในห้องซีซียู่ถึงสามวันสามคืน กัณหาส่งยิ้มบาง ๆ ให้ยาย แล้วห่มผ้าให้ก่อนจะจับมือเหี่ยวของยายขึ้นมาจูบอย่างรักใคร่ “เอาไว้ยายหายดีจริง ๆ แล้วค่อยทำก็ได้จ้ะ แต่ตอนนี้ยายต้องนอนแล้วนะจ๊ะดึกแล้ว นิ่มจะออกไปเก็บของข้างนอกหน่อยจ้ะ” “เฮ้อ!!! เมื่อก่อนยายจะคอยบอกนิ่มกับหนุ่มให้เข้านอนแต่หัวค่ำ ตอนนี้กลับกันไปหมด งั้นก็รีบไปเถอะลูกจะได้รีบเข้ามานอน” ยายจำปายิ้มให้หลานแล้วค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง เพราะเหนื่อยและง่วงจากยาหลังอาหาร กัณหาถึงได้เดินออกจากห้อง รวบรวมข้าวของที่คิดว่าอาจจะต้องได้ใช้สำหรับออกแบบปกให้เจ้านาย ที่อุตส่าห์มีน้ำใจจะส่งงานเป็นชิ้น ๆ ให้ทำไปเรื่อย ๆ เมื่อรู้ว่าลูกน้องต้องลาออกไปทำงานช่วยพ่อ “พี่นิ่ม!!!” ชาลีนั่งทำรายงานอยู่หน้าบ้านเดินเข้ามาเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วมองออกไปประตูรั้ว “เดี๋ยวหนุ่มเก็บให้เอง พี่นิ่มไปเถอะ” น้องชายรีบอาสาเมื่อรู้ว่าพี่คงอยากใช้คืนสุดท้ายอยู่กับแฟน แบบไม่อยากให้ใครรบกวน ชลธิชามาพร้อมธีระนัยก็เหมือนจะรู้ดี เลยเดินเข้ามาหาชาลีช่วยเก็บของ ปล่อยให้สองหนุ่มสาวที่กำลังเป็นทุกข์ เพราะจะต้องพรากจากกันด้วยเหตุแห่งความจำเป็น “คิดแล้วว่านิ่มยังไม่นอน เราเลยชวนชลมาเป็นเพื่อน” ธีระนัยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงหน้าเศร้าหมอง ดวงตาฉายแววเจ็บปวดแสนสาหัส เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงจะต้องเสียคนรักไปให้กับชายอื่น เป็นใครมาจากไหนเขาก็ไม่รู้จัก รู้เพียงอย่างเดียวว่ามีเงิน และเงินนายนั่นก็ซื้อชีวิตยายที่แฟนเขารัก บูชายิ่งกว่าชีวิตเท่านั้น “นิ่มเก็บของอยู่น่ะ” กัณหาตอบเสียงเบา เดินไปนั่งม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ซึ่งกลายเป็นที่รับแขกไปแล้ว ธีระนัยนั่งลงข้าง ๆ ยกแขนขึ้นโอบไหล่คนรักอย่างเข้าใจ เห็นใจและเจ็บปวดหัวใจยิ่ง ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น สองร่างก็โผลเข้าหากันร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุด เมื่อรักต้องมาพบกับหนทางย่ำแย่ “เราจะรอจนกว่านิ่มเป็นอิสระ แล้วเราจะแต่งงานกัน อยู่ด้วยกันมีลูกด้วยกัน มีครอบครัวอบอุ่นเหมือนเคยฝันไว้นะ ไม่มีอะไรมาขวางความรักของเราได้ ต่อให้นิ่มเป็นยังไง เราก็จะไม่มีวันหมดรักนิ่มอย่างแน่นอน เราสัญญา” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD