บทที่2.4

1164 Words
“เพราะว่าถ้านายได้รับอิสระแล้ว ได้กลับไปใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ นายก็อาจจะพอนึกออกว่าจริง ๆ แล้วชื่อที่ตัวเองลืมไปคืออะไรไง” น้ำเสียงของไมอายามอธิบายนั้นนุ่มนวลกว่าเสียงของมนุษย์คนไหน ๆ ที่เขาเคยฟัง และลึก ๆ แล้วก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าเธอกล้าหาญขนาดนี้ได้ยังไง ในเมื่อก่อนหน้านี้เกือบถูกเขาฆ่าตายมาแล้วถึงสองครั้ง และตลอดเวลา...จวบจนตอนนี้เขาก็ไม่เคยหยุดความคิดที่จะจับเธอกินเลย “แต่ถ้านายนึกไม่ออกจริง ๆ ล่ะก็...จะใช้ชื่อนี้ต่อไปก็ได้นะ” “คีธ...” ชายหนุ่มพึมพำชื่อที่เธอมอบให้ แม้จะแอบแปร่งหู แต่ก็...ฟังดูไม่เลวเท่าไหร่นัก “จริง ๆ แล้วมันเป็นชื่อหนึ่งในตัวละครจากนิยายที่ฉันอ่านค่ะ บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่รู้สึกว่ามันเหมาะกับนายมากเลย” “...นิยาย?” ศัพท์นี้แปลกมาก ไม่เคยได้ยินมาก่อน “เดี๋ยวกลับมาจากข้างนอกแล้วจะเอามาให้ดูนะ” “...” พรึ่บ ไมอาหยัดตัวขึ้นยืนหลังจากกล่าวจบ สักพักก็เข้าประเด็น “พ่ออาจกลับมาพรุ่งนี้หรือไม่ก็วันมะรืน เพราะงั้นฉันจะพยายามหาทางช่วยนายให้เร็วที่สุดก่อนพรุ่งนี้เช้านะ” โดยไม่รอให้อีกฝ่ายเออออ ไมอาก็หมุนตัว ก้าวเท้าจากไป “...” ตัวชายหนุ่มที่ยังไม่คุ้นชินชื่อตัวเองได้แต่นั่งเงียบพลางจดจ้องแผ่นหลังบอบบางของไมอาที่ค่อย ๆ ไกลห่างออกไป กระทั่งบานประตูปิดลง ทุกอย่างกลับมาอยู่ในความเงียบ เขาจึงยกปลายนิ้วชี้ของมือขวาขึ้นเกาแก้มตัวเองสองที End Describe. ความจริงแล้วนับตั้งแต่เจอผู้ชายคนนั้น ฉันนอนไม่หลับเลยยันเจ็ดโมงเช้า อาจเพราะถูกเขาทำร้ายและร่างกายเริ่มเกิดเอฟเฟกต์บางอย่างจนไข้ขึ้น ดังนั้นฉันจึงเข้าครัวทำอาหาร จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนเดินทางไปอนามัยเล็ก ๆ ประจำหมู่บ้านซึ่งเปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลาหกโมงเช้าถึงหนึ่งทุ่ม บุคลากรมีเพียงหมอพีทกับคุณโรสพยาบาลผู้ช่วยที่เป็นภรรยาของเขา เมื่อคุณพีทกับคุณโรสเห็นหลักฐานการถูกทำร้าย ทั้งรอยบีบคอ รอยช้ำตรงกลางอกที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนถูกทำร้ายด้วยมนุษย์ธรรมดา ฉันจึงขอร้องให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แค่วินิจฉัยฉัน จ่ายยาให้ฉันตามหน้าที่ก็พอ ซึ่งด้วยจรรณยาบรรณแพทย์ ทั้งสองเลยรับปากอย่างดี เหตุผลที่ขอแบบนั้นเพราะกลัวเรื่องเลยเถิดจนมีคนรู้ว่าพ่อจับคนมาขังไว้จนสภาพจิตใจและการดำรงชีวิตผิดแผกไปจากคนปกติ (ฉันเชื่อว่าอย่างนั้น) ซ้ำชั้นใต้ดินยังเต็มไปด้วยซากศพนับสิบ...แม้ไม่รู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลัง แต่ด้วยพ่อเป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวที่ฉันมี จึงยอมเห็นแก่ตัวที่จะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ท่านถูกคนในหมู่บ้านตราหน้าว่าทำเรื่องผิดบาปแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโครงกระดูกมนุษย์ซึ่งมีจำนวนใกล้เคียงกับคนที่หายสาบสูญไป จนกว่าจะได้คำตอบที่แน่ชัด ฉันไม่อยากให้ใครมาเจอแล้วสรุปเอาว่าทั้งหมดเป็นฝีมือท่าน แต่ถ้าใช่จริง ๆ... หากพ่อเป็นต้นตอของเรื่องราวทั้งหมดจริง ๆ ฉันก็คง... “อ้าว ไมอา มาทำอะไรที่อนามัยล่ะเนี่ย ไม่สบายเหรอ?” จังหวะเดินออกมาจากอนามัยบังเอิญพบกับคุณแอลและคุณคริสที่กำลังแบกอุปกรณ์ล่าสัตว์ไปยังทางเข้าของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นจุดทำพิธีสังเวยชีวิตกวางตามความเชื่อ เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามชั่วโมงจะเริ่มการล่าแล้ว ทุกสัปดาห์คุณแอลและคุณคริสจะทำหน้าที่ในการล่ากวางเพราะเชี่ยวชาญพื้นที่ป่า ซ้ำยังรู้วิธีการล่าที่ถูกต้อง ส่วนพ่อของฉันซึ่งเชี่ยวชาญไม่แพ้กันก็เคยเข้าร่วมบ้างเป็นบางครั้ง แต่อย่างที่เคยบอกว่าท่านไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ดังนั้นส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยมาให้ใครเขาเห็นหน้า คนในหมู่บ้านชาชินกันแล้ว “นิดหน่อยค่ะ ไม่มีปัญหา” ฉันตอบคุณแอลเจ้าของคำถามพร้อมทั้งดึงผ้าพันคอไหมพรมขึ้นคลุมรอยบีบเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายสงสัยจนอาจทำให้บทสนทนายืดเยื้อ “แน่ใจนะ ถ้ามาร่วมพิธีกรรมไม่ไหวก็บอกได้เลย พวกเราจะแจ้งคุณไดแอนให้ เธอเข้าใจอยู่แล้ว” คราวนี้เป็นคำพูดของคุณคริสที่เพิ่งยก 'หน้าไม้' ซึ่งเป็นอุปกรณ์ล่าสัตว์ชั้นดีขึ้นพาดบ่า ส่วนมืออีกข้างกำเชือกเส้นหนาที่ถูกม้วนไว้เป็นวงกลม สิ่งนั้นเอาไว้มัดลำตัวสัตว์ เพราะหลังจากทำการยิงยาสลบหรือทำให้กวางล้มลงกับพื้นได้แล้ว จำเป็นจะต้องใช้เชือกลากมันไปยังลานพิธี “ช่วงนี้หน้าฝนด้วย เด็ก ๆ ควรอยู่ที่บ้านกันมากกว่า” คุณไดแอนคือผู้ใหญ่บ้านของเรา ภายนอกเธอดูเป็นคนเรียบง่าย จิตใจดี แต่จริง ๆ แล้วดุดันและเด็ดขาดในทุกเรื่อง ดังนั้นใคร ๆ ต่างก็เกรงกลัวเธอ แม้แต่ฉันเอง ในส่วนของพิธีกรรม โดยปกติทุกคนต้องเข้าร่วมเพื่อเป็นพยานและแสดงความบริสุทธิ์ว่าอยู่ตรงนี้ในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นการหายตัวไปของเหยื่อทั้งสิบราย เพราะหลายคนเชื่อว่าปีศาจที่แท้จริงอาจแฝงตัวอยู่ในหมู่บ้าน หากแต่อยู่ในร่างของมนุษย์นั่นเอง ช่วงแรก ๆ จึงมีความเข้มงวดจนน่าอึดอัด แต่นานวันเข้า หากใครป่วยหรือมีเหตุจำเป็นก็สามารถให้การยกเว้นได้ “งั้น...หนูฝากคุณแอลกับคุณคริสแจ้งเธอทีนะคะ” ฉันยิ้มแห้ง ยกมือเกาท้ายทอยเบา ๆ จริง ๆ ฉันลังเล เพราะบ้านตัวเองมีสิ่งที่ชวนให้สงสัยเต็มไปหมด ยิ่งไม่เข้าร่วมพิธีกรรมสำคัญด้วยแล้ว อาจมีคนคิดว่าฉันกำลังทำอะไรไม่เข้าท่าระหว่างที่ทุกคนกำลังรวมตัวกันอยู่หน้าหมู่บ้านเป็นแน่ แต่เนื่องด้วยวันนี้สภาพฉันไม่เอื้อมอำนวยจริง ๆ เนื้อตัวสะบัดร้อนสะบัดหนาวจนแข้งขาอ่อนแรง เกรงว่าจะไปเป็นลมล้มพับตรงลานพิธีแล้วจะลำบากคนอื่นเขา “โอเค ดูแลสุขภาพด้วยล่ะ” คุณแอลกล่าวอย่างหวังดี รอยยิ้มละมุนละไมถูกส่งมาให้ ขัดแย้งกับอาวุธในมืออย่างสิ้นเชิง “ปิดประตู ปิดหน้าต่าง ล็อกบ้านดี ๆ นะ จนกว่าพิธีจะเสร็จสิ้น ห้ามเปิดประตูให้ใครเด็ดขาด เข้าใจไหม?” คุณคริสกำชับเสียงเข้มเหมือนกลัวว่าจะมีปีศาจร้ายบุกมากระซวกไส้ฉันถึงที่ “ค่า ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบรับพร้อมยิ้มกว้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD