คุระ เป็นพืชไม้พุ่มเตี้ยจะพบได้มากในบริเวณของป่ารกชัฏ กิ่งก้านจะแตกยอดเกาะเกี่ยวพันกันจนเป็นพุ่ม อีกทั้งยังมีหนามไปทั่วทั้งลำต้นหรือแม้แต่ที่ใบก็ตาม ราวกับเป็นใบมีดคมกริบดีๆ นั่นเอง
หากถูกหนามแหลมคมนั้นแทงเข้าผิวเนื้อแล้ว จะต้องถูกพิษเล่นงานจนเจ็บป่วยกระทั่งมีไข้ขึ้นสูง ซึ่งอาจจะเป็นเหตุทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เลย โดยเฉพาะกับคนที่มีอาการแพ้สารพิษของต้นคุระ
ต้นคุระนี้ ดูเหมือนกับว่าไม่น่านำมาเพาะปลูกหรือควรกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก แต่ทว่าในทางกลับกันดอกคุระนั้นยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในทางการรักษาโรคบางชนิดให้กับพวกชาวชนเผ่าได้นั่นเอง
แต่ในตอนนี้ เห็นทีว่าคนที่เพิ่งจะถูกพิษจากต้นคุระกำลังเล่นงานอยู่ พิษร้ายเริ่มวิ่งเข้าสู่กระแสเลือดมานานหลายชั่วโมง จึงทำให้คนที่โดนพิษจากต้นไม้นี้ มีอาการขดตัวงอนอนสั่นเทิ้มจับพิษไข้ ริมฝีปากซีดเซียวสั่นระริก
อีกทั้งรอยแผลที่ถูกขีดข่วนก็ปรากฏขึ้นเป็นสีม่วงบวมนูนขึ้นมาด้วย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายสั่นเทิ้มจับไข้ของคนตรงหน้านี้ คงต้องได้หมดลมหายใจเพราะทนต่อพิษของต้นคุระไม่ไหวแน่นอน
แต่ทว่าเหมือนโชคชะตายังคงเห็นใจ จึงส่งผลให้ทีมเหล่านักสำรวจของเผ่ากรีนเคิร์กมาเจอเข้าแบบทันเวลาซะก่อน
อุกะ อุกะ!!!!
"ซามูร์เจอเจ้าประหลาดนั่นแล้ว อยู่ตรงนั้น!" หนึ่งในกลุ่มสำรวจของซามูร์ตะโกนเรียกหัวหน้าทีมดังลั่นทันทีที่ได้พบเจอร่างที่หัวหน้าทีมแจ้งไว้
ซามูร์รีบวิ่งรุดเข้าไปตามต้นเสียงที่ได้ตะโกนเรียกหาพร้อมกับชาลรีทันที
เมื่อซามูร์และชาลรีได้เห็นสภาพของเด็กหนุ่มประหลาดตรงหน้า มีอาการไข้จากพิษของต้นคุระกำลังรุมเล้าอยู่ จึงหันมองหน้ากันอย่างเคร่งเครียด
"มีใครพกยาอะไรมาบ้างไหม" ซามูร์หันไปถามคนในทีมที่มาด้วยกัน
แต่ทว่าอนิจจาไม่มีใครพกยาสมุนไพรติดตัวมาด้วยเลย
เนื่องจากทุกคนต่างพากันรีบร้อนออกมาตามหาคนนอนจับพิษไข้ตรงหน้านี้ตามคำสั่งของซามูร์อย่างเร่งด่วน พวกเขาจึงไม่ได้เตรียมตัวให้ดีดั่งเช่นเวลาที่ออกไปสำรวจพื้นที่หลายสัปดาห์
"ข้าว่า จากตรงนี้แล้วแบกกลับไปที่ชนเผ่าเราคงใช้เวลานานเกินไป" ชาลรีออกความเห็นด้วยใบหน้าตึงเครียด
"ถ้าอย่างนั้น คงต้องพาตัวเขาไปที่เผ่าคองกี้ก่อน" ซามูร์รีบช้อนร่างของคนจับพิษไข้ไม่ได้สติแล้วพากันออกตัวเดินทางมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือแทน
แซก! แซก! แซก!
"หยุด แล้ววางมันลงซะ" ก้าวเดินได้ยังไม่ถึงสิบก้าวก็โดนดักหน้าด้วยสองทหารส่วนตัวของหัวหน้าเผ่าเก็งเคอร์เข้าเสียแล้ว
"หลีกทาง ข้าต้องรีบพาเขาไปรักษาพิษก่อน" ชาลรีพูดบอกกับนายทหารสองคนที่มายืนชี้ดาบใส่หน้า
"แต่ท่านเก็งเคอร์บอกให้พวกข้าพาเจ้านั่นกลับไป ส่งมาให้ข้าซะดีๆ"
หนึ่งในทหารพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มมีใบหน้าขึงขังจริงจัง บ่งบอกถึงการไม่ยอมให้ผ่านทางไปได้ง่ายๆ แน่ เพราะได้รับคำสั่งมาว่าให้พาตัวประหลาดคนนี้กลับไปให้ได้เท่านั้น
ชาลรีมองหน้าซามูร์ ทางด้านซามูร์มองใบหน้าซีดเซียวจวนเจียนจะทนพิษไม่ไหวแล้ว ริมฝีปากเริ่มไร้สีเลือด ลมหายใจแผ่วเบา เขาจึงต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง
ซามูร์หันไปมองเหล่าทีมสำรวจที่มาด้วยกันอีกสามคน ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าพวกเขาจะเป็นตัวล่อไอ้ทหารสองนายของหัวหน้าเผ่าไว้ให้เอง แล้วให้ซามูร์กับชาลรีพาคนป่วยหลบหนีไปก่อนซะ
เมื่อทุกคนต่างส่งสัญญาณพยักหน้า ทีมสำรวจทั้งสามนายจึงรีบเข้าไปประจันหน้ากับทหารสองนาย ที่พยายามเดินเข้ามาขวางทางซามูร์กับชาลรีไว้ทันทีเช่นกัน
ระหว่างสองคนที่ไม่มีภาระ กับอีกกลุ่มคนที่ต้องอุ้มร่างคนระทมไข้เอาไว้ด้วย แม้นจะออกวิ่งไม่สะดวกเอาซะเลย
แต่กลับทำให้ทหารทั้งสองนาย ยังรู้สึกว่าเหมือนจะเสียเปรียบกว่าทางกลุ่มทีมสำรวจอยู่ดี จึงได้ยกงาช้างขึ้นเป่าส่งสัญญาณเรียกทหารที่เหลือให้วิ่งมาสมทบรวมตัวกันตรงนี้โดยด่วน
เมื่อซามูร์กับชาลรีดูเหมือนว่าจะหลบหนีไม่รอดแน่ ถ้าหากฝ่าวงล้อมเหล่าทหารของเก็งเคอร์ตรงหน้าออกไปไม่ได้เช่นนี้ ซามูร์จึงยอมที่เสนอต่อรองเจรจาด้วยแต่โดยดี
"ข้าจะไม่คิดหนี พวกเจ้าตามข้ามาด้วยก็ได้ ข้าจะพาเขาไปรักษาที่เผ่าคองกี้ซะก่อน แล้วถ้าหากเขาหายดีแล้ว ข้าจะนำตัวเขาไปส่งให้ถึงมือหัวหน้าเผ่าเอง" ซามูร์พูดด้วยแววตามุ่งมั่น ใช้น้ำเสียงฉะฉานเพื่อให้เหล่าทหารตรงหน้ามั่นใจ
"พวกข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร" ทหารหนึ่งในเจ็ดนายยิงคำถามออกมาบ้าง
"เจ้าก็แค่ไปบอกท่านผู้นำไง ว่าเจ้านี่มันถูกพิษจากต้นคุระเล่นงานจนสาหัสแล้ว แต่กว่าจะพาตัวมันกลับไปที่เผ่ากรีนเคิร์กตอนนี้เลย ข้าเกรงว่ามันคงได้กลายเป็นศพก่อนถึงมือท่านเก็งเคอร์ไปซะก่อน" ซามูร์พูดด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นพร้อมกับดวงตาวาวโรจน์จนดูน่าเกรงขาม
เหล่าทหารลอบกลืนน้ำลายและจำยอมเปิดทางให้แต่โดยดี ซึ่งพวกเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงได้กริ่งเกรงบารมีคนตรงหน้านี้เสียเหลือเกิน
หรือว่าบางทีพวกเขาอาจจะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่พุ่งออกมา หากว่าซามูร์เกิดเอาจริงขึ้นมา ก็ดูท่าว่าพวกเขาคงหัวหลุดออกจากบ่าเพียงแค่ไม่กี่เสี้ยววินาทีเท่านั้นก็เป็นได้
"ท่านคายะข้าว่า พวกเราคงโดนสั่งขังไปอีก 7 วัน 10 วันเป็นแน่" นายทหารร่างสูงโปร่งหันไปพูดกับพลทหารรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรง
"เออ ข้าว่าเตรียมใจกันไว้ได้เลย" คายะพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะพาเหล่าทหารกลับไปยังกรีนเคิร์กด้วยความหวาดหวั่นในใจ แต่ก็ย่อมต้องกลับไปแจ้งเรื่องราวให้กับเจ้านายจอมเหวี่ยงวีนได้ทราบอยู่ดี
☘
ซามูร์อุ้มร่างร่อแร่เดินมาถึงประตูทางเข้าของชนเผ่าคองกี้ทางทิศเหนือจนได้ เจ้าตัวรีบเอ่ยปากแจ้งเจตจำนงกับคนเฝ้าประตูให้แจ้งกับหัวหน้าเผ่าคองกี้ซะ ว่าต้องการขอความช่วยเหลือโดยด่วน
นายทหารเฝ้าหน้าประตูหายไปเพียงชั่วครู่ ผู้นำเผ่ากับภรรยาต่างพากันวิ่งออกมาพบซามูร์ทันที
"ท่านพี่ ข้าได้เตรียมยาแก้พิษไว้ให้แล้ว ท่านพาเขาไปหาท่านพ่อเฒ่าได้เลย"
ซาเดียรีบเอ่ยบอกทันทีเมื่อได้เห็นร่างไม่สู้ดีในอ้อมแขนของพี่ชาย ทั้งที่ยังไม่ทันจะได้ทักทายคนเป็นพี่ซะด้วยซ้ำไป แต่กลับต้องรีบเร่งนำทางพาคนซมไข้ไปหาพ่อเฒ่าอย่างเร่งด่วนกันซะก่อน
ซามูร์วางร่างไร้สติลงบนแคร่ พ่อเฒ่าเริ่มลงมือจับสมุนไพรโปะลงบนแผลปูดบวม น้ำต้มที่มีส่วนผสมของยาแก้พิษกำลังเดือดได้ที่ พ่อเฒ่ารับขันที่ใส่ยาไว้มาจากลูกน้องผู้ช่วยทันที
ปลายนิ้วเหี่ยวชราลองแตะจุ่มลงไปยังน้ำต้มยาที่อุณหภูมิร้อนจัด "เอาน้ำมาเติมหน่อย ร้อนเกินไป" สิ้นคำสั่งลูกน้องวิ่งออกไปเอาน้ำมาเติมจนได้อุณหภูมิที่เหมาะสม
"พ่อหนุ่มไปนั่งซ้อนหลังคนไข้ไว้หน่อย" ซามูร์มองไปทางชาลรีทันที
"บ๊ะ! เอ็งนั่นแหละ คนที่อุ้มคนไข้มาน่ะ เร็วเข้าสิ" ชาลรีรีบโบกมือไล่ให้ซามูร์รีบเดินไปนั่งซ้อนหลังของร่างเจ้าเด็กจับพิษไข้ด่วนๆ ตามคำสั่งของผู้เฒ่าซะ
ซามูร์จำใจต้องเดินไปนั่งซ้อนหลังกับร่างอ่อนปวกเปียกที่ไม่ได้มีเรี่ยวแรงเป็นของตัวเองเลยสักนิด
"จับเขาให้นั่งดีๆ หน่อย ข้าจะป้อนยา" พ่อเฒ่ายังคงสั่งไม่เลิก จนซามูร์เริ่มหน้าตึงขึ้นมาเช่นกัน
คนโดนสั่งขยับนั่งจนได้ท่าที่เหมาะเจาะแล้วคว้าตัวเด็กประหลาดให้ลุกขึ้นนั่งตามด้วย แผ่นหลังบางได้แนบลงมายังหน้าอกเปลือยเปล่าตึงแน่น ทำเอาซามูร์เกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาทันที
แต่ทว่าก็คิดเพียงแค่ว่า อาจจะเพราะพิษไข้ จึงทำให้ร่างนุ่มนิ่มตรงหน้ามีอุณหภูมิที่ผิวกายสูงปรี๊ดเช่นนี้ พอยิ่งต้องได้มาแตะเนื้อต้องตัวกันแบบแนบชิดติดกันขนาดนี้ด้วยแล้ว มันเลยพลอยทำให้ต้องร้อนในอก ราวกับกำลังถูกแผดเผาให้มอดไหม้ตามกันไปด้วยเลยนั่นเอง
"พ่อหนุ่มช่วยจับหน้าเจ้าเด็กหนุ่มให้แหงนหน้าเอาไว้หน่อย" พ่อหมอเอาแต่สั่ง ทว่าตัวเองกลับเดินกระย่องกระแย่งกว่าจะเดินมาถึงแคร่ไม้วางตัวคนป่วยไว้ก็นานหลายนาที
ซามูร์หงุดหงิดคนสั่งอยู่ในใจ แต่ก็ยอมทำตามคำสั่งการอยู่ดี ฝ่ามือใหญ่เชยปลายคางคนไข้ให้แหงนเงย จนหัวทุยๆ หงายลงมาซบลงบนบ่าของตน นิ้วยาวจับคนไข้อ้าปากรอรับยาจากผู้เฒ่าก่อนที่จะได้รับคำสั่งซะอีก
"เออดีๆ จับอ้าไว้อย่างนั้นแหละ" ผู้เฒ่าเอ่ยปากชมเปาะให้คนรู้งาน ก่อนจะค่อยๆ เทน้ำยาสมุนไพรแก้พิษลงลำคอให้กับผู้ไข้ติดพิษจากต้นคุระมา
น้ำยาสมุนไพรสีเข้มในปากผู้ไข้ที่ถูกกรอกลงไปไม่หมด จึงไหลย้อยออกมาจากริมฝีปากซีดเซียวจนมาถึงลำคอขาว ซึ่งกลิ่นของมันนั้นชวนมึนหัวใช่ย่อย ทำเอาคนนั่งซ้อนหลังคนไข้อยู่แทบอยากจะสำรอกตามออกมาด้วยเลย
"ข้าต้องอยู่แบบนี้อีกนานไหม" ซามูร์เห็นผู้เฒ่ากรอกยาเสร็จแล้ว แต่กลับไม่ยอมสั่งให้เขาขยับตัวลุกสักทีจึงต้องเป็นฝ่ายหันไปถามเอง
"อ่อ ได้แล้วละ แต่ข้าว่าอยู่ท่านั้นจะทำให้น้ำยาไหลเวียนในร่างกายได้ดีกว่า"
ซามูร์ถอนหายใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วได้รูปขมวดเป็นปมแต่ก็ยังยอมนั่งนิ่งๆ อยู่กับที่เช่นเดิม
ชาลรีเห็นใบหน้าไม่พอใจของซามูร์มานานจนทนไม่ไหว เขาจึงเดินเข้าไปหาพร้อมเอ่ยปากอาสาจะลงไปนั่งซ้อนหลังคนไข้ให้แทน ด้วยความที่คนอาสากลัวว่าซามูร์จะเมื่อย แล้วเดี๋ยวจะพาลโมโหบ้านแตกซะเปล่า ๆ
ทว่ากลับผิดคาด เพราะซามูร์กลับบอกปัดออกมาว่าไหนๆ เนื้อตัวของตนเองนั้นก็มีแต่กลิ่นยาแล้ว ทนต่ออีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร
ชาลรียกมุมปากขึ้นเล็กน้อยกับความใจดีของซามูร์ผู้ที่ชอบทำเป็นปากไม่ตรงกับใจเสมอ
ผ่านไปราว 30 นาที ร่างที่เคยจับไข้เริ่มมีอาการสั่นกระตุกและอาเจียนพิษสีม่วงออกมาจากริมฝีปากซีดเสียวจำนวนมาก จนซามูร์ถึงกับตกใจตามร่างคนไข้ไปด้วย
ร่างของคนไข้เริ่มกระตุกสั่นรุนแรงอีกระลอกจนหน้าแทบจะคะมำคว่ำลงจากแคร่ ซามูร์ตกใจตามจนแขนแกร่งต้องรีบคว้าเอวบางเข้ามากอดเอาไว้จนแน่น
ร่างแน่นิ่งมีเพียงลมหายใจสม่ำเสมอเท่านั้น หลังจากได้อาเจียนออกมาในรอบที่สาม ซึ่งมันเหลือเพียงแค่น้ำใสๆ ออกมาแล้ว ทำให้พ่อเฒ่าถึงกับยิ้มออกมาได้ด้วยความโล่งใจ
"รอดตายแล้วละ" ประโยคโล่งใจขอพ่อเฒ่าทำให้ทุกคนยิ้มได้
ซามูร์จึงค่อยๆ วางร่างคนรอดตายอย่างหวุดหวิดให้นอนราบตัวลงบนแคร่ไม้ ส่วนตัวเองลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบไปทั้งตัวเช่นกัน
"เหนื่อยแย่เลยนะ" ชาลรีหันไปมองซามูร์ด้วยรอยยิ้มด้วยความโล่งใจไปด้วย
ซามูร์หันมองหน้าชาลรีราวกับจะพูดอะไร แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดและเดินไปทางหัวหน้าเผ่ากับน้องสาวของตนแทน
"ขอบใจท่านมากนะลาฟี่ เจ้าด้วยซาเดีย" ซามูร์เดินเข้าไปทักทายหัวหน้าเผ่า พ่วงตำแหน่งน้องเขยกับน้องสาวของตนอย่างเป็นทางการได้สักที หลังจากที่ผ่านเรื่องวิกฤตมาได้แล้ว
"ข้ายินดีช่วยท่านพี่เสมอ พวกท่านก็พักที่นี่ได้ตามสบายเลยนะ" ลาฟี่ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าเอ่ยปากอนุญาตก่อนจะขอตัว ปล่อยให้พี่ชายกับน้องสาวที่ไม่ได้พบเจอกันมานานพูดคุยกันตามลำพัง
คล้อยหลังหัวหน้าเผ่าเดินจากไปแล้ว สองพี่น้องจึงได้เริ่มต้นใช้เวลาไปกับการสนทนากัน ทั้งคู่ได้เอ่ยถามสารทุกข์ความเป็นอยู่ซึ่งกันและกัน บทสนทนาเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย
กระทั่งซาเดียได้ลองไต่ถามเรื่องราวของคนป่วยไข้จากพิษคุระว่าเป็นมาอย่างไรกัน ทำไมรูปลักษณ์ดูแตกต่างจากพวกเรายิ่งนัก
ทว่าซามูร์ก็ไม่สามารถตอบอะไรได้มาก เพราะเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้จักเด็กหนุ่มคนนั้นเลยสักนิด รู้เพียงแค่ว่าเจ้านั่นช่างโชคร้ายซะเหลือเกิน
คุยกันไปได้สักระยะ ซาเดียจำต้องขอตัวและกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่ามื้อค่ำให้ไปทานอาหารร่วมกัน เพราะเดี๋ยวจะต้องรีบไปจัดเตรียมที่พักไว้ให้ด้วยเลย
พอถึงช่วงเวลามื้อค่ำ ซามูร์และชาลรีก็ได้ไปตามคำเชิญของหัวหน้าเผ่าคองกี้ เข้าร่วมวงสนทนาเรื่องการแลกเปลี่ยนวิถีชีวิต และอัปเดตความเคลื่อนไหวของชนเผ่าต่างๆ กันไปมานานนับอยู่หลายชั่วโมง
เมื่อเห็นแก่เวลาค่ำมืดลงมากแล้ว ซาเดียจึงให้ฝ่ายสามีได้ปลีกตัวออกไปพักผ่อนก่อน ส่วนคนเป็นน้องสาวจึงเดินนำพี่ชายพาไปยังบ้านพักที่เธอได้จัดเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
"ขอบใจเจ้ายิ่งนัก น้องสาวของข้า" ซามูร์เลยขอบอกขอบใจคนเป็นน้อง ซ้ำยังบอกให้น้องสาวรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ
"เจ้านอนบนแคร่ไม้นั้นก็ได้ เดี๋ยวข้านอนบนฟูกกองฟางตรงนี้แทน"
ทันทีที่ซามูร์เดินเข้ามาภายในบ้านพัก ชาลรีรีบกล่าวชี้แจงแบ่งสัดส่วนพื้นที่การนอนทันที ดวงตาคมจึงได้มองการผายมือตามน้ำเสียงของชาลรี
"อืม ขอบใจ เจ้ารีบเข้านอนเถอะ" ซามูร์พยักหน้าพร้อมกับบอกชาลรีให้พักผ่อนซะ เพราะวันนี้ใช้พลังงานกันมาอย่างเหนื่อยล้าเสียเหลือเกิน
เมื่อซามูร์ล้มตัวลงนอนบนแคร่ได้ไม่นาน คนนอนไม่หลับก็ต้องเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง สายตาเรียบนิ่งมองไปทางชาลรีจึงได้เห็นว่าอีกคนนอนคลุมโปงด้วยผ้าขนสัตว์มิดหัวไปแล้ว
คงจะหลับสนิทไปแล้วสินะ ก็เล่นเหนื่อยมาทั้งวัน
ซามูร์จึงได้ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ทว่าเขาก็ไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับได้เลย
แปลกที่แล้วนอนไม่หลับรึ?
ซามูร์เอาแต่ถามตนเองอยู่ในใจ ร่างหนานอนพลิกตัวไปมาทำเอาเสียงแคร่ไม้มันเกิดเสียงดังอี๊ดอ๊าดออกมา พลอยทำให้ชาลรีต้องเปิดโปงออกมาถามไถ่กัน
"เจ้านอนไม่หลับรึ"
"คงจะแปลกที่ ชาลรีไม่ต้องห่วงข้าหรอก เจ้านอนเถอะ ต้องขอโทษเจ้าด้วยนะ" เมื่อซามูร์ตอบกลับมาเช่นนี้ ชาลรีจึงดึงผ้าขนสัตว์กลับขึ้นมาคลุมโปงหนีลมหนาวจนมิดหัวเช่นเดิม
ซามูร์นอนทอดสายตาออกไปยังนอกหน้าต่าง ซึ่งดูเหมือนว่าค่ำคืนนี้พระจันทร์จะเต็มดวง จึงทำให้มองไม่เห็นหมู่ดาวเลย แต่กลับช่วยให้แสงสว่างนำทางได้ดี
ในเมื่อนอนอย่างไรก็นอนไม่หลับสักที ซามูร์จึงลุกขึ้นแล้วเลือกที่จะเดินให้เบาเสียงที่สุดแล้วออกจากบ้านพักแขกไป เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนคนที่หลับอยู่ด้วย
ซามูร์ย่องเดินออกมาดูท้องฟ้าได้ไม่นาน เจ้าตัวก็หันไปมองทางบ้านของผู้เฒ่า เพียงแค่ในใจคิดว่าคนที่โดนพิษเล่นงานแล้วหลับไปตั้งแต่บ่าย ป่านนี้อาการจะเป็นยังไงบ้าง
สมองประมวณคิดได้แค่เสี้ยววินาทีก็ทำเอาสองขายาวได้เดินมาถึงประตูทางเข้าบ้านผู้เฒ่าเสียแล้ว จนตัวเองยังต้องตกใจตัวเองเลยว่าจะมาที่นี่ทำไม
"ก็แค่นอนไม่หลับ ถือว่ามาเดินเล่นละกัน"
ซามูร์ทำท่าจะเดินกลับไปยังที่พักของตนเอง แต่ทว่ากลับได้ยินเสียงเรียกรั้งของผู้เฒ่าไว้ซะก่อน
"เจ้ามาแล้วก็เดินเข้ามาสิ"
ซามูร์จำต้องเดินผ่านม่านประตูเข้าไป จึงได้เห็นผู้เฒ่ายืนขัดหลังจ้องมองที่ร่างของเด็กหนุ่มประหลาดคนนั้นอยู่
"ไหนๆ เจ้าก็พาเจ้านี่มาแล้ว เคยแตะเนื้อต้องตัวกันมาแล้วด้วย งั้นก็ช่วยอยู่ดูแลเช็ดตัวผลัดเปลี่ยนไอ้ผ้าขาดๆ สกปรกนี้ออกซะ"
"ข้านะรึ?"
"เออสิวะ รึจะให้ข้าทำ รึจะให้ลูกน้องข้าทำละ!?"
ซามูร์เถียงผู้เฒ่าไม่ออก แม้เขาจะอึกอักอยากจะเถียงกลับไปซะเหลือเกิน แต่มันก็จริงตามที่ผู้เฒ่าว่ากล่าว เพราะเจ้านี้มากับตนเองและชาลรี แบบนี้จะไปให้ใครมาดูแลแทนได้ยังไงกัน
"น้ำสะอาดอยู่ทางด้านซ้ายของเรือน มีถังไม้อยู่แถวนั้นแหละ เจ้าหาเองเถอะ ส่วนผ้าเตี่ยวอยู่ในหีบนู้น"
"..." ซามูร์ขมวดคิ้วขึง พลสำรวจแบบเขาที่ไม่เคยดูแลใครมาก่อนเลย ทำไมจะต้องมาทำตามคำสั่งของผู้เฒ่าเผ่าอื่นด้วยล่ะ แถมยังต้องดูแลไอ้เด็กประหลาดที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อนด้วยเนี่ยนะ
แววตาไม่พอใจอยากจะค้านหัวชนฝาซะให้ได้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่เงียบเอาไว้ เพราะทางด้านพ่อเฒ่าก็เริ่มส่งแววตากดดันออกมาให้ได้เห็นเช่นกัน
"ส่วนนู้นหม้อต้มยา ข้าเพิ่งกรอกยาไปเมื่อกี้ แต่เจ้าต้องคอยกรอกยาทุก 3 ชั่วโมงด้วยนะ เจ้าคอยดูเวลาเอาละกัน ข้าขอไปพักบ้างล่ะ"
พ่อเฒ่าจอมบงการพอสั่งงานจบก็หาวหวอดออกมาทันที ซึ่งบ่งบอกได้ถึงความเมื่อยล้าที่ต้องคอยเฝ้าระวังคนไข้ที่ถูกพิษจากต้นคุระเล่นงานมาอย่างสาหัส
เล่นเอาพ่อเฒ่าต้องคอยเฝ้าดูลมหายใจ รวมถึงพิษไข้ อีกทั้งบาดแผลปูดบวมให้แน่ใจว่าจะไม่หลงเหลือพิษตกค้างอยู่ในร่างกายแล้ว ซึ่งการไม่ละห่างจากคนซมไข้ก็ทำเอาพ่อเฒ่าชราย่ำแย่เหมือนกัน
ตอนนี้คงต้องปล่อยให้ซามูร์มารับช่วงต่อเพราะตนหมดแรงแล้วเช่นกัน สังขารที่แก่แล้วก็ย่อมต้องการการพักผ่อนบ้างเป็นธรรมดา คงต้องได้เวลาปล่อยหน้าที่ตรงนี้ให้หนุ่มแข็งแรงเขาทำหน้าที่แทน
ซามูร์มองตามแผ่นหลังค่อมของพ่อเฒ่าจอมบงการที่ได้เดินผ่านม่านกั้นประตูออกไปด้านหลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดวงตาคมจึงหันมามองร่างที่ยังคงนอนหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ซามูร์เดินเข้าไปใกล้กับร่างที่ดูมีสภาพดีกว่าตอนที่เขาแบกมาหาคนช่วยแบบที่ไม่รู้เลยว่าเจ้านี่จะรอดหรือจะตายเสียด้วยซ้ำไป
"หึ อึดเหมือนกันนะ สีหน้าดูดีขึ้นเยอะแล้วหนิ" ซามูร์ยืนพูดกับคนหลับไม่รู้เรื่องราวด้วยเลย
"แล้วต้องทำอะไรก่อนนะ"
ซามูร์ประมวลคิด ขาสองข้างก้าวเดินไปทางหีบใส่ผ้า หยิบจับได้ผ้าเตี่ยวผืนที่ดูใหม่มาหนึ่งผืน เขาเอามาวางเตรียมไว้บนแคร่ข้างคนนอนหลับแน่นิ่ง
ร่างสูงมองออกไปนอกประตูบ้าน ก่อนจะก้าวขาเดินตามคำบอกกล่าวของพ่อเฒ่า ซามูร์หยิบถังเล็กตักน้ำใส่ลงในถังน้ำแล้วเดินถือเข้ามาวางไว้บริเวณปลายแคร่ของคนนอนป่วยอยู่
"เอาอะไรเช็ดวะ เอาถังเล็กนี่ราดเลยเหรอ?" พลสำรวจผู้ไม่เคยดูแลใครมาก่อน จำต้องยืนมองเก้กังทำอะไรไม่ถูก พลอยลองนึกย้อนเวลาตนเองไม่สบายนั้นทำยังไงกัน
ก็แค่นอนซมไข้ นอนพักเยอะๆ และก็กินยาสมุนไพรต้ม มันก็หายเองแล้วนิหว่า
เสียงถอนหายใจออกมาอย่างยืดยาวก่อนที่มือใหญ่จะวักน้ำในถังขึ้นมาพรมตัวคนไข้และนำมาแปะๆ ลงบนใบหน้าที่เปรอะเปื้อนของคนป่วย ทว่ามันกลับยิ่งทำให้เลอะเทอะเพราะคราบโคลนคราบฝุ่นเกาะติดเอาออกยากยิ่งกว่าเดิมอีก
ดวงตาคมมองไปยังหีบผ้าอีกครั้ง ร่างสูงเดินไปคว้าหยิบผ้าที่ดูเป็นชิ้นใหญ่กว่าเล็กน้อยติดมือมาด้วย ครั้งนี้ซามูร์จุ่มผ้าลงไปแล้วบิดน้ำออก ลูบไล้ผ้าลงไปบนใบหน้าขาวซีดที่ยังมีแต่คราบโคลนคราบยาต้มเปื้อนเลอะเทอะให้ออกไป
"โอ่ว ไอ้เจ้านี่มีสีผิวขาวจัดเชียว"
ซามูร์ทิ้งสายตาจ้องมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเด็กหนุ่มแปลกหน้า ก่อนที่จะขยับไปเช็ดตามลำคอ ท่อนแขนเล็กกว่าเขามาก "แขนเล็กจังเลยนะ ทำงานไหวรึเปล่าเนี่ย" คนเช็ดไปพึมพำวิจารณ์ทุกสัดส่วนอวัยวะของคนหลับไปเรื่อย
มือใหญ่ลากผ้าชุบน้ำลงไปถึงท่อนขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดวงตาคมมองบริเวณบาดแผลที่ยังคงมีบรรดาใบยาสมุนไพรถอนพิษโปะเอาไว้อยู่
ใบหน้าคมคร้ามก้มลงไปจ้องมองใกล้ๆ เพื่อดูรอยแผลที่เคยปูดบวมจนแทบจะปริแตกก่อนหน้า ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว พวกรอยสีม่วงคล้ำรอบๆ มีเหลืออยู่อีกเพียงเล็กน้อย
ซามูร์วางผ้าลงในถังน้ำ ก่อนจะขยับเข้ามาถกปลายเสื้อขาดวิ่น เพียงแค่ปลายนิ้วยาวได้สัมผัสเข้ากับเนื้อผิวนิ่ม จนทำให้ดวงตาคมเริ่มสั่นไหวกับผิวเนื้ออ่อนนุ่มที่คงอุณหภูมิปกติแบบคนทั่วไป
ซึ่งมันไม่ใช่ร้อนจนแทบจะเผาไหม้แบบเมื่อตอนช่วงบ่ายที่ผ่านมา ยิ่งฝ่ามือใหญ่รั้งเสื้อให้สูงมากขึ้นเท่าไหร่ แววตาสีเข้มยิ่งสั่นไหวตามเท่านั้น ยามที่ได้สบเห็นรูปร่างภายใต้สิ่งปกคลุมของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน
มือใหญ่จึงหยุดชะงักค้างเอาไว้ แม้จะถกชายเสื้อขึ้นไปได้ถึงแค่ลำคอเท่านั้น
ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงอย่างคนกลืนน้ำลายยากลำบาก ตอนเกิดความประหม่า
ตึก ตัก ตึก ตัก
ก้อนอกด้านซ้ายเต้นระส่ำ จนเจ้าตัวไม่รู้ว่ามันจะเต้นรั่วอะไรขนาดนี้ ในเมื่อร่างอ้อนแอ้นตรงหน้าก็ไม่ใช่หญิงสาวเสียด้วยซ้ำ
บ้าไปแล้ว นี่ข้าคงไม่ได้...
ดวงตาคมดุไม่สามารถละสายตาไปจากร่างเล็กตรงหน้าได้เลย
ซามูร์สับสน เจ้าตัวยังคงจับจ้องด้วยแววตาที่อ่านยาก หลังเขาได้ตกภวังค์ไปชั่วครู่ จึงต้องรีบทำการเบือนหน้าหนีและปิดชายเสื้อขาดวิ่นกลับลงมาไว้ตามเดิม
"เจ้านี่ ถ้าให้ใส่แค่ผ้าเตี่ยวผืนเดียว แล้วเนื้อตัวสว่างโร่ขนาดนี้ คงจะยิ่งดูแปลกประหลาดสินะ"