คนแฮ้งค์สะบัดหัวไปมา นั่งเหม่อปล่อยให้สารน้ำในลำธารใสไหลผ่านลำตัวไปเรื่อย ๆ
น้ำค้างพยายามนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนอย่างไรก็นึกอะไรไม่ออกอยู่ดี ว่าอยู่ดีๆ ทำไมตอนตื่นนอนขึ้นมาเมื่อเช้าถึงได้มานอนหลับอยู่ในห้องของหัวหน้าเผ่าได้ยังไงกัน
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงยามเช้า ณ บ้านพักของอาร์ล
น้ำค้างงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วต้องเบิกตากว้างทันที หลังจากได้มองไปรอบๆ ห้องแล้วสติจึงได้กลับมา
เจ้าตัวพลางรีบลูบคลำตามเนื้อตัวของตัวเองเป็นอันดับแรก ทว่าโล่งใจที่ยังใส่เสื้อผ้าชุดเดิมปกติ ก่อนจะกวาดตาสอดส่องมองหาร่างของเจ้าของห้อง แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววและเงาร่างของอาร์ลผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านพักที่แท้จริง
เรียวขายาวจึงสบโอกาสอย่างได้จังหวะหวังรีบฉวยหลบหนีหน้าในทันที บางทีน้ำค้างคิดว่าที่ตนเองอาจจะเผลอเมาเละ แล้วได้ละเมอเดินเข้ามาหาเตียงนอนนุ่มๆ กับห้องนอนอุ่นๆ ตามสันดานก็เป็นไปได้
เพราะน้ำค้างเคยมาเยือนที่บ้านพักของอาร์ลมาก่อนหน้าตามคำเชิญ แล้วเอาแต่พร่ำบอกว่าดีจัง น่าอิจฉาอาร์ลที่มีเตียงนอนนุ่มๆ กับห้องอันแสนอบอุ่นด้วย
แต่เมื่อน้ำค้างเดินออกมาทางหน้าบ้านกลับได้สบสายตาเข้ากับอาร์ลอย่างจัง จนถึงกับอึกๆ อักๆ รีบปั้นหน้าพูดขอโทษที่มารบกวนกันไม่ถูกเลย แต่อาร์ลกลับทำแค่เพียงยกยิ้มให้ แถมยังชวนไปนั่งกินอาหารเช้าด้วยกันอีก
ซึ่งอาหารของชาวหมู่บ้านเรดเมเปิลนั้น มีของกินหลากหลาย ซึ่งเป็นอาหารฟิวชั่นผสมผสานกันระหว่างอาหารชนเผ่ากับอาหารพื้นเมืองได้แบบลงตัว มันทำให้ตักเข้าปากและเคี้ยวกลืนลงคอได้อย่างง่ายดาย
แต่พอนึกหวนถึงตอนที่ถูกไอ้พวกกองโจรชั่วจับตัวไปในตอนนั้น ซ้ำยังต้องถูกยัดอะไรแปลกๆ มากรอกใส่ปากให้กัน ทำเอาถึงกับหวาดกลัวอาหารป่าแบบนั้นไปเลย
คนเอร็ดอร่อยเคลิบเคลิ้มไปกับขนมปังปิ้งทาแยมส้ม อีกทั้งยังมีขนมปังปิ้งทาเนยที่น้ำค้างฉีกเข้าปากแล้วต้องตาโตทันที เพราะด้วยรสชาติของเนยสดแท้นั้นอร่อยมากนั่นเอง
ยิ่งได้กินกับนมสดยิ่งรู้สึกสำราญใจ จนทำเอาลืมเลือนเรื่องที่กลัดกลุ้มใจตอนที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา แล้วดันนอนแผ่หลาอยู่ท่ามกลางเตียงนอนอย่างยึดที่นอนของคนตรงหน้าไปซะสนิทเลย กระทั่งอาร์ลได้เอ่ยปากถามออกมาเอง
"เตียงนอนข้านอนหลับสบายดีมั้ย ชอบหรือเปล่า"
น้ำค้างถึงกับสำลักอาหารออกมาทันทีทันใดเลยทำให้อาร์ลลอบยิ้มออกมาด้วย พลางขยับมือเข้าไปช่วยลูบแผ่นหลังเล็กให้ใจเย็นๆ เสียก่อน พร้อมกับเอ่ยขอโทษที่ดันโพล่งถามอะไรกะทันหันออกมาในขณะที่กำลังกินมื้อเช้ากันอยู่แบบนี้
หลังจากนั้นน้ำค้างที่รู้สึกกระดากอายมาก จึงรีบเปลี่ยนเรื่องเป็นการขออนุญาตออกไปใช้พื้นที่ ตรงบริเวณแถวลำธารน้ำใสท้ายสวนของหมู่บ้านด้วยเลย
ซึ่งตอนแรกอาร์ลจะอาสามาด้วย แต่น้ำค้างรีบปฏิเสธกลับคืนแบบทันควัน พร้อมบอกว่าอยากจะแช่น้ำเล่นนานๆ จึงไม่อยากให้อาร์ลมาเฝ้าเดี๋ยวเสียเวลานาน
เผื่อว่าจะมีชาวบ้านถามหาเข้ามาติดต่อขอความช่วยเหลือหรือออกความคิดเห็นสักเรื่อง แล้วอาจจะแย่หากไม่เจอกับหัวหน้าเผ่าได้
อาร์ลจึงต้องยอมจำนนกับเหตุผลของคนแสนฉลาดตอบ น้ำค้างที่เอาตัวรอดเก่งเสียจนอาร์ลต้องแอบเสียดายอยู่ลึกๆ ภายในใจ
ใบหน้าเหยเกแววตารู้สึกผิด กำลังนั่งขบคิดแบบไม่ตก จึงเอาแต่บ่นงึมงำออกมาอยู่คนเดียว ตลอดระหว่างการแช่ตัวลงในสายน้ำไหลเย็นผ่านร่างกายให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้หน่อย
เพราะเจ้าตัวจำอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว ว่าตนเองนั้นได้ไปกระทำความเดือดร้อนอะไรให้กับอาร์ลบ้างรึเปล่านี่สิ
"อ้าาา ไอ้ค้างเอ๊ยย สงสัยเมื่อคืนกูต้องทำอะไรอุบาทว์ออกไปแน่ๆ เลย"
ฮื้อออ
น้ำค้างตีตนไปก่อนไข้ เพราะเคยทำตัวก๋ากั่นริอ่านอยากลองของมึนเมาเข้าปากแล้ว พอเมายับได้ที่จึงได้เคยทำตัวบ๊องๆ บวมๆ ออกไป
จนต้องโดนเพื่อนๆ แซวใส่กันแบบสนุกปาก บางทีก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกอับอายและเอือมระอาอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน แทบจะต้องมุดหน้าหนีทุกครั้งที่พวกเพื่อนตัวแสบชอบนินทาเม้าท์มอยกันในแก๊งเด็กแสบด้วย
ร่างกายขาวผิวละออเริ่มกลับมาดีขึ้นแล้ว ทว่าจะยังคงมีร่องรอยของบาดแผลตกค้างจากการที่ได้รับมันมาจากต้นคุระ ที่ยังคงหลงเหลือความอัปลักษณ์ปูดโปนเอาไว้ให้ดูต่างหน้าเพียงเท่านั้น
ส่วนบาดแผลตามร่างกายและรอยหัวเข่าที่แตกร้าว ก็กลายเป็นแผลที่ตกสะเก็ดไปแล้ว จึงเหลือเพียงแค่รอยแผลเป็นที่ผิวเนื้ออ่อนโผล่ขึ้นมาเติมเต็มแทนที่
น้ำค้างนั่งจมอยู่กับห่วงความคิดสะระตะไปเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่ที่ตนดันทะลึ่งโผล่มายังดินแดนแปลกๆ แถบนี้ ก็ได้พบเจอเข้ากับประสบการณ์ชีวิตที่แปลกประหลาดหลากหลายรูปแบบมาก แถมยังเจอแต่เรื่องเสี่ยงต่อชีวิตเกือบขิตไปหลายรอบแล้วด้วย
ถ้าหากว่าตนได้กลับไปยังบ้านเกิดจริงๆ คงได้กลายเป็นนักเขียนเล่าแชร์ประสบการณ์ชีวิตเสี่ยงตายในดินแดนลี้ลับ สงสัยต้องเอาไปเขียนลงเว็บบล็อกไม่ก็ตีพิมพ์เป็นหนังสือรูปเล่มไปวางขายบนเชลล์ในร้านหนังสือได้เลยนะเนี่ย
ฮึ ฮึ แค่คิดก็สนุกแล้วว่ะ
คนคิดเรื่องสนุกๆ ในยามที่ได้ปล่อยวางสมองที่เคยเหนื่อยล้ากับการที่ต้องมาพบเจอกับเรื่องอันหนักอึ้งแบบไม่เว้นว่าง ริมฝีปากบางเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มสำเริงใจอยู่ผู้เดียว กับท่ามกลางธรรมชาติแบบส่วนตัวกับบรรยากาศสบายสุด ๆ
ทว่านึกถึงเรื่องสนุกได้ไม่นาน คนที่ลอยคออยู่กลางสระก็คิดไม่ตกอยู่ดี ว่าที่ไม่ได้มีโอกาสกลับบ้านเสียทีเพราะอากาศไม่เป็นใจ จนเรือไม่ยอมมาเทียบฝั่งที่อาร์ลบอกว่าสามารถออกสู่โพ้นทะเลที่มีแผ่นดินใหญ่เชื่อมต่ออยู่ได้สักที
"เฮ่อ แบบนี้ชาติไหนกูจะได้กลับไปหาป้าถินว่ะ ตอนแรกว่ารออีกแค่เดือนเดียว แต่ที่ไหนได้ มันไม่ง่ายนะเนี่ยชีวิตตามวิถีธรรมชาติเนี่ย"
ดวงตากลมที่ปิดพักสายตาลงไปนานนับหลายนาทีก่อนหน้านี้ พอเมื่อได้เปิดเปลือกตาขึ้นมาแล้วถึงกับต้องสะดุ้งเฮือก พลางขยี้ตาเพื่อให้เห็นชัดๆ ว่าสิ่งที่เห็นในคลองจักษุถึงกับต้องเบิกกว้างออก กับการได้เห็นเป็นจินตภาพหรือว่าตนเองนั้นกำลังตาฝาดกันแน่
"ฝันไป ฝันไปแน่ๆ เลยไอ้ค้างงง!!"
ดวงตากลมเบิกกว้างโตแทบจะถลนออกมานอกเบ้า พร้อมกับนิ้วเรียวชี้ไปยังใบหน้าคนที่มาเยือนตรงพื้นที่ป่าส่วนตัวแห่งนี้ ด้วยความตกใจจนคิดว่าทะลุมิติไปอีกรอบ
"น้ำค้าง..นั่น! ใช่เจ้าจริงๆ ด้วย"
คนที่ออกตามหาตัวคนต่างถิ่นมานานนับหลายเดือน เมื่อได้มาสบเห็นในพื้นที่ที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอ ทั้งคู่ต่างก็ต้องตกใจใส่กัน จนพากันคิดว่าฝันไปแน่ๆ โดยอัตโนมัติเช่นกัน
ซามูร์รีบกระโดดลงจากหลังอานม้าตัวโตมีขนสีดำขลับ สองขายาวเร่งก้าวเข้าไปหาคนที่หายวับไปกับตา ทั้งที่เมื่อเสี้ยววินาทีก่อน ยังลอยคอนอนตีกรรเชียงอย่างสบายอุราอยู่แท้ๆ เลย
"น้ำค้าง น้ำค้าง" ซามูร์พุ่งตัวลงไปในลำธารจนสามารถว่ายตามเข้าไปประชิดและคว้าตัวคนที่เอาแต่ว่ายหนีกันอยู่นั่นแหละให้หยุดอยู่กับที่ได้สักที เพราะถึงอย่างไรเสียคนในเมืองก็ย่อมต้องว่ายน้ำได้ช้ากว่าคนชนเผ่าที่อยู่ในป่ามาตั้งแต่เกิดอยู่ดี
"เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย น้ำค้าง.." ฝ่ามือใหญ่คว้าท่อนแขนอีกคนเข้ามาประชิดตัว พร้อมกับลูบใบหน้าของคนที่ตนเองไม่ได้เจอมานานราวกับเป็นปี
ใบหน้าเหลอหลาตกใจปะทะเข้ากับแผงอกเข้าจนได้ คนไม่เชื่อสายตาตัวเองจึงต้องยอมอยู่นิ่งๆ เมื่อซามูร์ออกแรงกอดที่หนักขึ้น จนมันเริ่มแนบแน่นกว่าเดิม
จึงทำให้คนที่ตกใจแทบช็อกตาตั้งเมื่อครู่นี้ก็ต้องยกท่อนแขนของตนขึ้นมาโอบกอดกลับคืนด้วยความโหยหาคนตรงหน้าเช่นกัน
"ซามูร์ จะ..เจ้ามาได้ยังไง" น้ำเสียงฟังดูสับสนในสถานการณ์ เริ่มควานหากล่องเสียงของตนเองเจอสักที
"ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบแย่ เจ้าไม่ได้ถูกทำร้ายใช่มั้ย" ซามูร์ผละตัวออก เพื่อจับน้ำค้างหมุนตัวหันซ้ายที ขวาที ก่อนที่จะโดนน้ำค้างโวยวายใส่เพราะตัวเองนั้นยังโป๊เปลือยอยู่เลย
เมื่อซามูร์โดนน้ำค้างแว้ดๆ ใส่ดั่งเช่นเดียวกับในวันวานที่เคยได้อยู่ด้วยกันมาก่อน จึงเกิดความโล่งใจพร้อมกับหัวเราะออกมาได้ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา
"ซามูร์ นี่เจ้าขำเหรอ หัวเราะใส่ข้าเหร๊อ ห๊ะ?!" ใบหน้าขาวขึ้นสีด้วยความเขินอาย จนต้องบิดเบือนความเขินอายด้วยกันฟาดคนตรงหน้าไปส่งๆ โดนบ้างไม่โดนบ้าง
ซามูร์ยกยิ้มก่อนจะฉวยข้อมือว้าวุ่นเอาไว้ แล้วดึงจอมโวยวายเข้ามากอดเสียจนจมอก เพื่อให้เลิกประทุษร้ายใส่ตัวเองไปโดยปริยาย
เมื่อบรรยากาศโดยรอบได้พาไปหรือจะเป็นการที่ทั้งคู่ได้หวนกลับมาพบกันอีกครั้งก็ไม่อาจทราบได้ จึงพลอยทำให้ช่วงจังหวะการเต้นของก้อนเนื้อที่หน้าอกข้างซ้ายของทั้งคู่ ได้กลายเป็นท่วงทำนองเดียวกันไปซะแล้ว
สายตาที่จับจ้องมองกันอย่างโหยหา โดยที่ไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา ริมฝีปากที่จรดแนบชิดกันจนไร้ช่องลมให้พัดผ่านได้ จึงเริ่มต้นแตะสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา จนกระทั่งเร่าร้อนตามแรงอารมณ์ปรารถนาของทั้งคู่
"อ๊ะ~ อ่ะ ซามูร์ อย่าบีบ!"
มือเรียวตามตะปบฝ่ามือใหญ่ที่เริ่มจะอยู่ไม่สุขแล้ว จนต้องรีบผละตัวออกแล้วว่ายน้ำหนีให้ห่างอย่างหนีไปตั้งหลักซะก่อน สายตาหลงใหลมองตามแผ่นหลังบางพลางยกยิ้มออกมาก่อนที่จะออกตัวว่ายน้ำตามคนที่มีใบหน้าแดงก่ำไปบ้าง
ซึ่งในตอนนี้ใบหน้าของน้ำค้างนั้นแดงก่ำ ราวกับลูกมะเขือเทศสุกปลั่ง จนดึงดูดสายตาชวนให้น่ามองและลิ้มลองทันทีเลยละ
เมื่อคนเขินหมดหนทางจะหนีได้แล้ว น้ำค้างจึงถูกกักกอดเอาไว้ในอ้อมแขนของซามูร์อยู่ดี ทั้งคู่จึงได้เริ่มเล่าเรื่องราวที่ตนเองต้องเผชิญผ่านความตายกันมาอย่างหวุดหวิดด้วยกันทั้งคู่
คนในอ้อมกอดเริ่มออกอาการหนาวสั่นแล้ว ยิ่งตอนที่มีสายลมพัดผ่านมาเป็นระยะ ซามูร์จึงยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น พลางก้มลงไปบรรจงฝากรอยจูบเอาไว้บนลาดไหล่เล็ก
"หนาวแล้วอ่ะ ซามูร์ ข้าหนาว" ริมฝีปากเล็กสีเชอร์รีเริ่มไร้สีแล้ว ซี่ฟันกระต่ายเริ่มสั่นกระทบกันดังกึกกัก บ่งบอกได้ว่าร่างกายเย็นลง จนมีปฏิกิริยาแสดงออกมาเช่นนี้
ผู้ที่โอบกอดเอาไว้จึงต้องยอมพาคนหนาวสั่นให้ขึ้นฝั่งด้านบน เพราะเจ้าตัวน้อยสั่นราวกับลูกนกถูกน้ำฝนชโลมตัวจนชุ่มฉ่ำมาเลย
ก่อนจะขึ้นถึงฝากฝังมือน้อยๆ แม้นจะติดสั่นรีบยกขึ้นมาปกปิดอวัยวะส่วนลับของตนทันที จนซามูร์ต้องเผลอยกมุมปากขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวอีกแล้ว
ดวงตาคมหรี่ลงจับจ้องทันทีเมื่อน้ำค้างใส่ชุดที่ดูแปลกตาไปสำหรับชนเผ่ากรีนเคิร์ก ชนเผ่าที่ไม่เคยคิดจะติดต่อกับโลกภายนอกเลยตลอดจนเกือบจะพันปีมาแล้ว
"ข้าหล่อใช่มั้ยละ ถึงต้องจ้องกันขนาดนี้" น้ำค้างกางแขนยกขาสลับกัน ภูมิใจนำเสนอชุดที่ตัวเองใส่ให้คนตรงหน้าดูด้วย ซึ่งเป็นเสื้อคาร์ดิแกนสีเนื้อทับลงบนเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีครีมพอดีตัว
ซามูร์ไม่ได้พูดอะไรออกมาตามสไตล์คนพูดน้อยเช่นเคย จนใบหน้าที่ยกยิ้มแฉ่งเมื่อครู่ต้องยู่ปากลง แล้วเริ่มบ่นนุ้บนิ้บเช่นทุกครั้งเหมือนกัน
ฝ่ามือใหญ่อบอุ่นลูบลงบนเลือนผมสีเข้มไปมาอย่างเบามือ ก่อนจะดุนหลังให้ออกเดินไปพร้อมกัน มืออีกข้างจับจูงม้าสีดำที่ใช้เป็นพาหนะขับเคลื่อนมานานหลายเดือน จนได้กลับมาเจอคนที่ตามหาตัวเข้าแล้วจนได้
น้ำค้างพาซามูร์ไปหาอาร์ล ทั้งคู่จึงได้ทำความรู้จักกันแม้นใจลึกๆ ของชายหนุ่มทั้งคู่ต่างก็รู้ความคิดของอีกฝ่ายอย่างรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าไม่มีใครคิดซื่อกับน้ำค้างเลย
แต่ก็ไม่ได้มีใครพูดอะไรออกมา นอกเหนือจากยินยอมทำความรู้จักกันไปตามที่น้ำค้างต้องการเท่านั้นเอง
☘
น้ำค้างคอยสลับกันมองตามร่างสูงทั้งสองที่เริ่มมีใบหน้าตึงเครียดใส่กัน เอาแต่ส่งเสียงพูดจาด้วยถ้อยคำถากถางที่ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
จนน้ำค้างคิดได้ว่า หากตนเองนั้นยังเอาแต่ยืนมองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมาอยู่แบบนี้ คงได้มีเรื่องกันขึ้นมาจริง ๆ แน่นอน
"หยุด! หยุด! เดี๋ยว พอๆ พอแล้ว..จะขึ้นเสียงกันทำไมเนี่ย?"
คนตัวเล็กที่สุดได้เข้ามายืนแทรกกลางระหว่างการประจันหน้าของพี่เบิ้มทั้งสอง ที่ยังคงยืนเถียงกันจนคอเป็นเอ็น ทว่าก็ยังไม่สามารถลดละการถกเถียงกันไปมาแบบที่หาทางออกที่ดีกันได้เลย
"นี่จะเถียงกันทำไม แค่เรื่องที่นอนเอง" น้ำค้างพูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย พลางยกแขนดันหน้าอกทั้งสองฝ่ายเอาไว้ ทั้งคู่ยังคงประจันหน้าใส่กันอย่างดุดันขึงขัง
"ไม่ใช่แค่นะ! // มันเป็นเรื่องใหญ่ต่างหากเล่า!"
คนห้ามทัพถึงกับต้องสะดุ้ง จนท่อนแขนที่ดันหน้าอกแกร่งทั้งสองฝั่งตกลงกลับไปแนบอยู่ข้างลำตัวตามเดิม
คนตัวเล็กเริ่มเผยรอยยิ้มจืดเจื่อนออกมาก่อนจะทำตัวหดลีบเล็ก แล้วเลี่ยงเดินห่างออกมาให้พ้นสายตาจากเจ้าพวกร่างยักษ์ที่เป็นบ้าตรงหน้ากันไปซะเลย
"ปล่อยแม่งทะเลาะกันทั้งคืนไปเหอะ น่าเบื่อว่ะ"
หลังจากถอยห่างออกมาจากบ้านผู้นำเผ่าที่มีซามูร์เข้าไปชวนทะเลาะกันอยู่นั่นได้แล้ว น้ำค้างจึงรีบวิ่งปรู๊ดเข้าไปยังบ้านพักของตัวเอง พร้อมกับรีบหาท่อนไม้มาขัดที่บานประตูเอาไว้อย่างเรียบร้อย แบบพร้อมนอนแล้วด้วย
ปล่อยให้ไอ้พวกยักษ์ขมูขีฟึดฟัดฮึดฮัดใส่กันไปเองเถอะ
ใครอยากจะนอนที่ไหนก็ช่างหัวมันละ
กูขอนอนคนเดียวละกัน รำคาญ!!
"น้ำค้าง! / น้ำค้าง!!"