บาดแผลลึกจากปลายดาบที่ประทับลงบนท่อนขามีมัดกล้ามรวมไปถึงรอยปาดลึกที่แผ่นหลัง ซึ่งในตอนนี้ได้มีใบยาสมุนไพรโปะอยู่แทนรอยแผลสยดสยองแล้ว
ช่วงลำตัวที่เคยบอบช้ำจ้ำม่วงก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ ส่วนหน้าท้องที่ถูกแทงลึกลงไปนั้นรอยแผลก็เริ่มสมานกันดีขึ้นแล้วเช่นกัน เพราะเผ่ากรีนเคิร์กมีหมอผีมากฝีมือสามารถรักษาให้หายขาดได้แทบทุกความเจ็บปวด
ทว่ามีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ซามูร์เอาแต่คอยบีบเคล้นขยำมันแทบจะตลอดเวลา ก็เพื่อให้ได้ระลึกนึกถึงความเจ็บปวดเสียจนแทบจะเป็นบ้า ซึ่งมันก็คือรอยแผลเป็นตรงบริเวณหน้าอกที่ได้เริ่มตกสะเก็ดแล้ว
แต่สิ่งที่ยังคงเหลือทิ้งเอาไว้ให้ระคายเจ็บช้ำน้ำใจ ก็คือรอยแผลเป็นแห่งความอาฆาตแค้นอย่างลืมไม่ลงเลยทีเดียว และไม่มีวันที่จะลืมมันได้อย่างแน่นอน
เพราะสิ่งนี้ราวกับเป็นเครื่องคอยตอกย้ำที่ทำให้ซามูร์ต้องจดจำไปจนวันตายได้เลย ภาพแห่งความเจ็บปวดที่น้ำค้างถูกพรากตัวออกไปจากตนเองแบบต่อหน้าต่อตาในวันนั้นก็เช่นกัน
โดยที่ซามูร์ไม่สามารถช่วยเหลือและแย่งชิงตัวคนที่พร่ำเรียกชื่อกันทั้งน้ำตา ให้กลับมาสู่อ้อมอกของตนเองไว้ได้เลยซะมากกว่า
"ซามูร์ ท่านหัวหน้าเผ่าเรียกพบ" ชาลรีผู้ที่ได้เยี่ยมใบหน้าเข้ามาเยือนพร้อมกับเอ่ยปากแจ้งข่าวคราว
ใบหน้าสลดของชาลรีที่แสดงออกมาในตอนนี้คงบอกได้ชัดเจนดีแล้วว่า ชาลรีนั้นก็คงรู้สึกผิดจากก้นบึ้งของหัวใจแน่นอน
หากในวันนั้นชาลรีไม่ถูกม้าพยศแล้วพาวิ่งเตลิดออกนอกเส้นทางไปไกลเสียก่อน อาจจะยังพอพึ่งพาให้ชาลรีรับช่วงต่อพาน้ำค้างหลบหนีมาก่อนได้ ซึ่งมันน่าจะต้องดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน
แม้ว่าเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นมาหลายสัปดาห์ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่มันยังคงเกิดความหน่วงหนึบในใจอยู่เสมอมา ยามที่ต้องนึกถึงใบหน้าเปื้อนยิ้มของใครอีกคน
ซามูร์ถูกชาลรีเข้ามาช่วยพยุงในการเดินไปทางบ้านของหัวหน้าเผ่า แม้นชาลรีจะแจ้งเก็งเคอร์ไปแล้วว่ารอให้อาการของซามูร์ดีกว่านี้แล้วค่อยเรียกพบไม่ดีกว่าหรือ แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาก็ยังคงสมกับเป็นหัวหน้าเผ่าเผด็จการเสมอต้นเสมอปลายอยู่ดี
ทั้งที่ชาลรีก็คิดในใจว่า แล้วทำไมถึงให้คนป่วยเดินไปหาตนเอง ทั้งที่ตัวเองก็อยากจะพูดคุยแถมยังมีสังขารปรกติดีกว่าตั้งเยอะ นี่หรือสิ่งที่คนเป็นญาติเขาพึงกระทำกัน
"ข้าบอกให้เจ้ากลับมาตั้งนานแล้วทำไมถึงรั้นข้าตลอด ห๊ะ?" เก็งเคอร์ขึ้นเสียงตะคอกใส่คนที่เดินเข้ามาหาแล้วเอาแต่ทิ้งตัวนั่งลงนิ่งๆ ไม่ยอมพูดจา
"เจ้ากล้าแข็งข้อกับข้าเสมอ ราวกับไม่เคยนับถือหรือให้เกียรติข้าเลย" เก็งเคอร์สะบัดหน้าหนี หลีกเลี่ยงการปะทะคารมกับคนตรงหน้ามากจนเกินไป
เพราะอย่างไรเสียเก็งเคอร์ก็ย่อมรู้ดีแก่ใจว่าซามูร์เป็นหลานชายหัวอ่อน ให้ความเคารพและจงรักภักดีต่อตนเองเสมอมา แถมยังสามารถยืมมือหลอกใช้ได้ตลอดอีกด้วย
ตราบใดที่คนตรงหน้านี้ ยังไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับไอ้หลานชายทรพีที่ไม่รักดีคนนั้น
"ท่านลุงเข้าใจข้าผิดแล้ว ที่ข้าต่อต้านท่านนั่นเป็นเพราะจะให้ข้าพาตัวน้ำค้..แค่กๆ เอ่อคือท่านจะให้ข้าพาตัวเจ้านั่นกลับมาในตอนนั้นทันทีเลย มันคงถูกพิษของต้นคุระต้องเล่นงานจนตายซะก่อน จะให้ข้าหิ้วร่างที่ไร้จิตวิญญาณมันมาให้ท่านรึ"
ซามูร์ดันเผลอเรียกชื่ออีกคนอย่างสนิทสนมอย่างเคยชิน จนต้องกระแอมไอกลบเกลื่อนแล้วถึงจะพูดอึกอักต่อ ไม่เช่นนั้นเก็งเคอร์อาจจะจับพิรุจได้
"แล้วทำไมเจ้าต้องยื้อเวลาในตอนที่ข้าส่งทหารไปรับด้วย ทั้งที่เผ่าคองกี้ถูกกองโจรเข้าปล้น จนเจ้าและมันอาจจะถูกฆ่าตายไปซะก่อนก็เป็นได้" เก็งเคอร์พูดจาราวกับเป็นห่วงเป็นใยดูมีเหตุผล จนซามูร์ต้องยอมอ่อนข้อลงให้กับคนเป็นลุงอีกจนได้
"ข้าขอโทษท่านลุง ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์จนมันบานปลายเช่นนี้ขึ้น" แววตาสลดลงของซามูร์ทำให้เก็งเคอร์ถอนหายใจออกมา ซึ่งมันก็ทำให้ตนเองใจเย็นขึ้นมากโขด้วยเช่นกัน
"เจ้าก็รู้ว่าข้าเหลือแค่เจ้าที่เป็นหลานชายแท้ๆ แถมยังเป็นที่พึ่งพาได้เพียงหนึ่งเดียว ข้าก็ต้องย่อมเป็นห่วงเจ้าเป็นที่สุดอยู่แล้วใช่มั้ยละ ซามูร์เอ๊ย" เก็งเคอร์มองหลานชายที่เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวจริง ๆ ที่สามารถไว้ใจได้
"ข้าจะออกไปตามหาเจ้านั่นกลับมาให้ท่านจงได้" ซามูร์ลองหยั่งเชิงเก็งเคอร์ว่ายังจะจริงจังตามคำทำนายของผู้เฒ่าลาฟกี้อยู่หรือไม่
แม้นในใจซามูร์ภาวนาขอให้เก็งเคอร์ยอมละวางมือไปซะ แล้วตนจะหาเวลาเลี่ยงออกไปตามหาและช่วยเหลือน้ำค้างให้ปลอดภัยเอง แต่แล้วคำตอบที่ได้รับกลับมาทำเอาซามูร์หายใจแทบไม่ออก อกข้างซ้ายมันรัดตึงบีบจนแน่นอึดอัดใจไปหมด
"แน่นอนหลานรัก หากไม่ใช่เจ้า ข้าก็ไม่เชื่อใจใครทั้งสิ้น ไว้เจ้าหายดีแล้ว ข้าคงต้องฝากความหวังไว้ที่เจ้าแล้วละ" เก็งเคอร์พูดออกมาแบบสบายๆ ไม่ได้หวั่นใจเลยสักนิดว่าป่านนี้น้ำค้างจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่กลับห่วงแต่ความต้องการของตัวเองเพียงเท่านั้น
ขอแค่เพียงให้ตนเองได้ในสิ่งที่ผู้เฒ่าลาฟกี้ทำนายไว้ให้ ชายผู้นำเผ่าที่ทั้งละโมบทั้งกระหายอำนาจคนนี้ย่อมเห็นแก่ตัวจนถึงที่สุด แล้วสามารถจะทำการได้ทุกอย่าง เพียงเพื่อสนองความกระหายอยากของตัวเองโดยแท้จริงอย่างสิ้นเชิง
"ท่านเชื่อมั่นคำทำนายของผู้เฒ่าลาฟกี้ถึงเพียงนั้นเลยรึ” ใบหน้ากังวลเอ่ยถามคนเป็นลุง ดีที่ซามูร์สามารถปกปิดแววตาอันสั่นไหวด้วยการก้มหน้าลงไปมองพื้นแทนซะ
"ข้าต้องเชื่อสิ ลาฟกี้เล่นทำนายเอาไว้ซะใหญ่โตเชียวละ น่าตื่นเต้นดีออก เจ้าว่ามั้ย"
"ข้ายังไม่รู้เลยว่าท่านผู้เฒ่าลาฟกี้ทำนายไว้ว่าอย่างไร" ซามูร์เงยหน้าขึ้นเพื่อจ้องมองเข้าไปนัยน์ตาของคนที่พูดเห็นแก่ตัวทุกอย่างออกมาได้อย่างง่ายดาย
ทั้งที่ซามูร์ก็พอจะรู้คร่าวๆ จากพลทหารส่วนตัวของเก็งเคอร์มาบ้างแล้ว แต่แค่อยากจะรีเช็กอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าคำทำนายนั่นเป็นจริง ตามที่ท่านลาฟกี้ทำนายทายทักออกมาก็เท่านั้น
"ลาฟกี้บอกกับข้าว่า ถ้าได้เจ้านั่นมาเป็นเมียของหัวหน้าเผ่า แล้วข้าจะได้มีอำนาจมากล้น เพราะดวงเสริมบารมีต้องกัน จนทำให้เผ่ากรีนเคิร์กแห่งนี้เกิดความอุดมสมบูรณ์พูนสุข เผ่าแห่งนี้จะยิ่งใหญ่ มั่งคั่งไปตราบนานเท่านานเลยละ"
หลังจบคำพูดของคนเห็นแก่ตัว ซามูร์แทบจะเก็บกักความรู้สึกเอาไว้ไม่ไหว ใบหน้าดุดันกัดฟันกรอด ฝ่ามื่อที่ทิ้งไว้ข้างลำตัวกำลังกำไว้แน่นจนกระดูกขึ้นข้อขาวแทบจะปริแตกเลยทีเดียว
"เข้าใจแล้ว งั้นข้าขอลาล่ะท่านลุง" ซามูร์รีบขอเอ่ยลาปลีกตัวออกห่างจากคนตรงหน้าโดยด่วน ก่อนที่จะทนไม่ไหวแล้วบุ่มบ่ามพลั้งมือทำอะไรลงไปจนเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นได้อีก
"หายไวๆ นะหลานชายของข้า" เสียงอวยพรไล่หลังให้กับคนป่วย ทว่าคนที่ได้ยินน่าจะเป็นแค่ทหารเวรยามเฝ้าหน้าประตูเพียงเท่านั้น
เพราะซามูร์ได้ก้าวขายาวๆ เดินห่างออกไปไกลแล้วด้วยใบหน้าทะมึนราวกับว่าพร้อมที่จะฆ่าใครหน้าไหนก็ได้ ณ ตอนนี้
☘
ซู่!!
น้ำค้างที่วูบกลางอากาศแล้วถูกลากถูไถมากับพวกกองโจรใจเหี้ยม ซึ่งในตอนนี้น้ำค้างถูกกองโจรปลุกให้ตื่นด้วยการสาดน้ำใส่หน้า
อึก..
ร่างเล็กที่เคยขาวสะอาด บัดนี้เริ่มกลับมามอมแมมเหมือนกับสภาพในตอนที่ไปฟื้นอยู่ท่ามกลางป่าติดน้ำตกจนถูกสอยไปให้เผ่ากินคนนั้นเลย
ฮึก!!
น้ำค้างเบิกตาโผลงเมื่อความทรงจำอันน่ากลัวในวันวานได้ผุดแทรกตีรวนเข้ามาในหัวอีกครั้ง จนทำเอาความตื่นกลัวกลับเข้ามาทบทวนในความทรงจำให้เองอีกแล้ว
เรียวขาสะบัดดีดดิ้นได้เพียงอย่างเดียว เพราะทั้งริมฝีปากในตอนนี้ได้ถูกผูกปิดเอาไว้จนแทบจะหายใจไม่ออก เรียวแขนก็ถูกผูกมัดไว้กับต้นไม้ใหญ่
แววตาหวาดวิตกมองไปยังกองไฟที่พวกนั้นสุ่มก่อเอาไว้ ยิ่งทำให้น้ำค้างคิดดีไม่ได้เลย หากจะถูกจับไปย่างสดคงจะร้อนรนทรมานจนทนไม่ไหวแล้วสิ้นใจตายไปเป็นแน่
อนิจจา ไม่รู้ว่าชีวิตกูทำเวรทำกรรมอะไรมานักหนา
ถึงต้องมาเจอเข้ากับเรื่องราวป่าเถื่อนแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ด้วยว่ะ
คนที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความกลัวถูกสายตาอีกคู่จ้องมองมาอย่างใกล้ชิด ริมฝีปากที่มีเส้นเข็มแหลมแทงทะลุขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ด้วยความสงสัย จนน้ำค้างอยากจะกรีดร้องออกมา แต่ก็ทำไม่ได้เพราะอ้าปากไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ปลายจมูกจรดใกล้เข้ามาดอมดมผิวเนื้อของคนตรงหน้าฟุดฟิดจนขนลุกน่าขยะแขยงไปหมด ดวงตาที่เคยเบิกกว้างก่อนหน้า บัดนี้กลับรีบปิดพับสนิทลงไป เพื่อหลีกหนีความกลัวตรงหน้าจนทำเอาน้ำตาไหลอาบแก้มลงมาพรากๆ ราวกับเขื่อนแตก
"จิลาช นั่นเจ้าทำอะไร!"
น้ำเสียงจากหัวหน้าเผ่าตัวจริงดังขึ้น ทำให้ไอ้ปากมีแท่งเหล็กเสียบอยู่ต้องยอมร่นตัวถอยห่างจากร่างที่ถูกผูกติดกับต้นไม้ออกไป พร้อมกับหัวเราะแหะๆ กลบเกลื่อนความอยากรู้อยากเห็นจนเกินพอดีของตน
"ข้าแค่ต้องการตรวจสอบสินค้าเอง ท่านไบจาร" ฝ่ามือสากยกขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ แสร้งทำเป็นผิดไปแล้ว เพื่อที่ท่านหัวหน้าเผ่าจะได้ไม่เอาเรื่องตน
"ไม่ใช่หน้าที่เจ้า อย่าสู่รู้นัก!" เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ราวกับป่าวประกาศก้องว่าสินค้าชิ้นนี้ห้ามแตะต้องโดยเด็ดขาด
น้ำค้างหรี่ตามองภายใต้ความมืดและน้ำเสียงที่อยู่ในความสงบอีกครั้ง จึงเห็นได้ว่า พวกคนเผ่าเรียกชายผู้ที่ดูมีอำนาจสูงสุด แบบนี้คนนั้นก็น่าจะเป็นหัวหน้าเผ่าที่มีชื่อว่า ไบจาร สินะ
แล้วเผ่านี้มันชื่อว่าอะไรละเนี่ย?
แต่ก็ช่างแม่งเหอะวะ
น้ำค้างเลิกให้ความสนใจเรื่องพวกโจรชั่วนั่นแล้ว ตอนนี้ต้องดึงสติให้อยู่ในโหมดสอดส่องมองหาทางหนีทีไล่ก่อนเถอะ ชีวิตเสี่ยงตายแบบนี้คงต้องหาทางรีบหนีเอาตัวรอดไปอย่างเดียว
แววตาเลิ่กลั่กสบเห็นว่าพวกนั้นได้ไปยืนประชุมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งจากการคาดคะเนดูแล้ว เผ่านี้น่าจะมีสักราวๆ 40-50 คนเห็นจะได้
แต่ทว่ากลับยังไม่เห็นพวกหญิงสาวหรือเด็กเล็กเลย ซึ่งมันจะดูแปลกเกินไปไหม
หรือมันจะมีแต่พวกโจรเท่านั้นหว่า?
แถมการแต่งตัวที่ต้องใช้โคลนพอกปกปิดใบหน้าเอาไว้ ก็สมกับเป็นกองโจรดีนะ ทั้งที่ไม่ต้องพอกหน้าด้วยโคลนเข้มก็แยกแยะไม่ออกอยู่ละ หน้าตาแทบจะเหมือนกันหมด
ทันทีที่คิดได้แบบนั้นน้ำค้างอยากจะตีปากตนเองสักทีสองที ที่ได้เผลอคิดด้อยค่าความเป็นมนุษย์ไปซะแล้ว แต่ทว่ามือที่ถูกผูกมัดเอาไว้จนแน่นหนาก็ไม่สามารถกระดิกขยับออกได้เลยสักนิดเดียว
ป่านนี้ซามูร์จะเป็นอย่างไรบ้าง
แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ก็แข็งแกร่งซะขนาดนั้น
แต่เจ้านั้นอ่วมไปทั้งตัวเลยนะ ทั้งโดนฟันโดนแทง แถมยังโดนซ้อมมาก่อนหน้าด้วยนี่สิ เฮ่ออ..
แล้วนี่ข้าจะไปห่วงคนป่าคนเขาทำไมกัน ต้องห่วงชีวิตตัวเองก่อนดีกว่ามั้ยอะ
จะตายห่าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เนี่ย เสี่ยงตายแม่งทุกวินาทีไปเลยสิ ไอ้สาดเอ๊ย..
ฮื้อออ...
น้ำค้างเอาแต่วนเวียนคิดไปเรื่อยเปื่อย เพ้อพกร่ำไห้กับการปลงเวทนา อนิจจา ทุกขา อนัตตากับชีวิตของตนเองอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ
"ตื่น ไอ้เวรนี่เป็นภาระฉิบหาย ถ้านายไม่บอกว่ามันน่าจะราคาดี กูฟันหัวมึงทิ้งแล้ว"
"เอ่ แต่ว่าก่อนจะขายนี่ขอลองเล่นสินค้าสักทีสองทีก่อนได้มั้ยวะ”
วาจาจาบจ้วงชวนแหวะเมื่อได้ยิน น้ำค้างคิดว่าไอ้พวกนี้คงไม่คิดว่าเขาจะพอรู้ภาษาชนเผ่าของพวกมันสินะ ถึงได้คะนองปากอยากจะพูดพล่ามอะไรออกมาก็พูดแพร่มใส่กันแบบนี้เลย
ไอ้ชาติชั่ว สารเลว!!
"พิกยะ นี่มึงจะหาเรื่องให้นายบั่นหัวทิ้งซะแล้วมั้ยเล่า มึงพูดอะไรหัดเกรงใจหัวที่อยู่บนบ่ามึงหน่อยเถอะ"
ชายผู้ที่เข้ามาลากตัวน้ำค้างให้ออกห่างจากมือสากของชายผู้ที่มีจิตคิดอุบาทว์ แล้วได้นำตัวคนที่ถูกมัดปิดตาปิดปากไปรับช่วงดูต่อแทนเอง
น้ำค้างถอนหายใจออกมา ดวงตาล่อกแล่กพยายามแอบเพ่งมองดูภายใต้ผ้าสีดำที่ผูกปิดตาไว้ เผื่อว่าอาจจะมองเห็นอะไรได้บ้าง แต่ทว่าก็ไม่เห็นอะไรเลยสักนิดเดียวราวกับมืดมิดตาบอดสนิทไปแล้ว
ครั้งนี้น้ำค้างรู้สึกถึงแรงที่ถูกพลักให้ล้มลงไปนั่งคลุกฝุ่นอยู่กับพื้น จนต้องครางอื้ออึงในลำคอด้วยความเจ็บปวด
แคร้ง..แคร้ง..
เสียงคล้ายกับโลหะกระทบกันที่มาพร้อมกับสัมผัสเย็นเฉียบถูกแตะลงเข้ากับข้อเท้าจนทำเอาต้องสะดุ้ง น้ำค้างขอเดาว่ามันน่าจะเป็นโซ่ตรวน
ข้อเท้าของเขาที่ไอ้คนร่างยักษ์ใจดีนั่นคอยถนอมดูแลรักษาให้อย่างดี กลับต้องถูกจองจำจนคิดว่ามันน่าจะได้แผลใหม่ขึ้นมาอีกแล้วละ
..ซามูร์..
น้ำค้างเผลอนึกถึงคนที่ดูแลเขาเป็นอย่างดีขึ้นมาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าตั้งแต่ถูกแยกจากกันมา ยิ่งรู้สึกว่าตนเองนั้นเอาแต่เฝ้าวนเวียนคิดถึงชายร่างยักษ์คนนั้นกี่ร้อยหนกันแล้วละเนี่ย
ซามูร์..เจ้าคิดจะออกมาตามหาข้าบ้างรึเปล่า?
ดวงตากลมหม่นแสงลงเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าทั้งสองข้าง ยามที่ยังคงนึกถึงใครบางคนอยู่ แต่จำต้องสะบัดหัวไล่ความคิดออกไป เมื่อภาพความทรงจำสุดท้าย ก่อนที่จะถูกจับแยกให้ห่างออกจากกันมันยังบาดลึกฝังหัวกันอยู่เลย
หวังว่าเจ้าจะไม่เป็นอะไรนะ ซามูร์