พักหลังมานี้ น้ำค้างเริ่มมีฟิลขยันตื่นแต่เช้าได้เหมือนสมัยต้องไปโรงเรียนเลยล่ะ ทุกเช้าน้ำค้างต้องมาเยี่ยมเยือนยังบ้านพ่อเฒ่าได้เองแบบไม่เกรงกลัวแล้ว
การที่ต้องให้พ่อหมอเช็กดูอาการที่ข้อเท้าทุกวัน รวมไปถึงเช็กระบบของร่างกายหลังจากที่ถูกพิษจากต้นคุระเล่นงานจนเกือบถึงแก่ชีวิตด้วยนั้น
แม้จะถูกพ่อเฒ่าให้ดุบ้าง บ่นใส่กันบ้างนิดหน่อย แต่มันกลับทำให้น้ำค้างพลอยอดที่จะนึกถึงป้าถินไม่ได้เลย พวกคนเฒ่าคนแก่มักจะขี้ห่วง แต่ก็ขอให้ได้ปริปากบ่นออกมาให้ฟังกันเสียก่อน
ตอนนี้น้ำค้างผู้ที่ต้องได้มีชีวิตต่างถิ่นแบบที่มาขออาศัยอยู่กับเผ่าคองกี้ได้ประมาณเกือบสี่สัปดาห์แล้ว ซึ่งทำให้ทุกคนจึงเริ่มมักคุ้นชินซึ่งกันและกันได้ดีกว่าช่วงแรกๆ ที่ต่างฝ่ายต่างมองกันไปมาราวกับตัวประหลาด
อีกทั้งน้ำค้างยังค่อยๆ ปรับตัวการใช้ชีวิตได้กลมกลืนกับชาวชนเผ่านี้ได้อย่างสบาย แม้นอาหารบางมื้อจะไม่ถูกปากไปบ้างก็ตาม แต่ก็ไม่ได้รู้สึกย่ำแย่แบบที่กินอะไรไม่ได้เลยเหมือนช่วงแรกๆ แล้ว
ส่วนเรื่องภาษา ด้วยความที่น้ำค้างเป็นเด็กฉลาดความจำดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมยังเป็นคนที่อัธยาศัยดีชอบขยันชวนชาวบ้านเสวนาพูดคุยไปเรื่อย จึงทำให้ภาษาชนเผ่ากระเตื้องขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์
ทว่ามีเพียงอย่างเดียวที่น้ำค้างยังไม่ชินสักทีเลย นั่นก็คือพวกหญิงสาวเผ่านี้ พวกเธอจะไม่มีผ้าปกคลุมเนินอกและยอดปทุมถันกันสักคนเลย
ทั้งที่ คองกี้ เป็นเผ่าที่นิยมปลูกฝ้าย สามารถนำมาทอเป็นผ้าแล้วนำไปค้าขายแลกเปลี่ยนกับชนเผ่าอื่นได้แท้ๆ แบบนี้เขาเรียกว่าผลิตส่งให้คนอื่นใช้ ส่วนเผ่าตนเองใช้ชีวิตเรียบง่ายตามวิถีธรรมชาติขั้นสุดซะงั้น
จริงๆ น้ำค้างก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรด้วยหรอก ทว่าจะรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเวลาที่ต้องพูดคุยกับพวกเธอด้วยก็เท่านั้น จึงต้องระมัดระวังสายตาไม่มองต่ำลงไปมากกว่าที่ใบหน้า หากเผลอหันไปเจอเข้ากับระดับสายตาแบบพอดิบพอดี น้ำค้างจะรีบก้มหน้าเบนสายตา เพื่อหลีกเลี่ยงความเขินอายแทนเจ้าตัวที่ถูกเห็นเข้าซะอีก
เห็นจะมีแค่เพียงเมียของหัวหน้าเผ่าหรือว่าซาเดียที่เป็นน้องสาวของซามูร์เท่านั้น ที่จะมีเครื่องประดับทับพาดปกปิดบนเนินออกเอาไว้ อันนี้อาจจะเป็นสิทธิ์พิเศษและความต่างของตำแหน่งของที่นี่กระมัง
มื้อเช้าวันนี้น้ำค้างได้ลองทอดไข่ลงบนหินแผ่นใหญ่แทนกระทะแบบที่บ้านเราใช้กันด้วย มันก็สนุกดีแถมยังได้ลองเคี่ยวน้ำนมโคให้หนืดเหนียว จนมันกลายเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติแท้ๆ ซึ่งสามารถเก็บไว้กินได้หลายมื้อและยังแจกจ่ายให้กับหลายบ้านได้ด้วย
ณ เผ่าคองกี้แห่งนี้ ในช่วงเช้าถึงช่วงสายจะยังคงมีกลุ่มชายหนุ่มที่มาล้อมวงกินข้าวกันให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งจะแตกต่างกับช่วงกลางวันอย่างสิ้นเชิง
เพราะส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจะเหลือเพียงแค่กลุ่มของหญิงสาวและพวกเด็กๆ ส่วนพวกผู้ชายจะแยกย้ายกันไปเลี้ยงแพะบ้าง เลี้ยงโคบ้าง ซึ่งเขาจะเรียกกันว่าออกไปทำงานทางด้านปศุสัตว์กัน
และจะมีกลุ่มที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเพาะปลูกพืชพรรณ ฝ่ายที่ต้องออกไปหาอาหารกับการเก็บของป่า เพื่อนำไปการค้าขายแลกเปลี่ยนกับชนเผ่าอื่นๆ ด้วย
ลาฟี่บอกเล่าว่าชนเผ่าคองกี้นี้จะแตกต่างกับเผ่ากรีนเคิร์กของซามูร์ ตรงที่เผ่าซามูร์จะมีเพิ่มหน้าที่การงานเป็นทีมพลสำรวจ ทีมลาดตระเวน ทีมออกล่าหาอาหาร และยังมีพลทหารอารักขาสำหรับหัวหน้าเผ่าโดยเฉพาะอีกด้วย
ซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่ถูกคัดสรรจากหัวหน้าเผ่าเองโดยตรง และพลทหารพวกนั้นจะได้อภิสิทธิ์พิเศษด้วย แต่ลาฟี่ไม่ได้บอกว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ก็คงคุ้มค่ากับตำแหน่งที่เสี่ยงอันตรายละมั้ง
น้ำค้างเริ่มพูดคุยประโยคยาวๆ แบบง่ายๆ ได้เข้าใจมากกว่าเดิม แต่ก็ไม่ถึงกับเข้าใจได้ไปเสียหมดทุกอย่าง เพราะทุกวันนี้ก็ยังคงงงในการสื่อสารกับเจ้ายักษ์ด้านข้างอยู่บ่อยๆ เลย
ช่วงสายได้รับแจ้งว่ามีพลทหารจากกองพลของเก็งเคอร์เข้ามาเยือนยังเผ่าคองกี้ เพื่อขอพบกับซามูร์ ซึ่งเวรยามที่เฝ้าหน้าประตูชนเผ่าแห่งนี้จึงยอมให้เข้ามาพบได้
เมื่อพลสำรวจแบบซามูร์และพลทหารอารักขาของหัวหน้าเผ่าเก็งเคอร์ได้ประจันหน้ากันอีกครั้ง มีสิ่งเดียวที่น้ำค้างรู้สึกถึงได้ นั่นคือความน่ากลัวจากสายตาของเหล่าทหารทั้งห้านายที่จ้องเขม็งมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน
จนคนที่ถูกจ้องมองอยู่ต้องทำตัวหดลีบขยับย้ายไปยืนแอบหลบอยู่ด้านหลังของซามูร์ ช่วยให้น้ำค้างรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยและอุ่นใจขึ้นได้เยอะเลย
หลังเจรจาด้วยบรรยากาศตึงเครียดแล้ว เหล่าพลทหารหน้าตาดุดันแสนน่ากลัวของเผ่ากรีนเคิร์กก็ได้กลับออกไปเรียบร้อยแล้ว แต่เหมือนซามูร์ยังคงมีหน้าตาเครียดขึงไม่หาย กอปรกับการพูดเจรจาก่อนหน้านี้ราวกับมีเรื่องไม่สู้ดีนัก
ขนาดน้ำค้างยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุดูอึมครึมไปหมด ตนระแวงจนไม่ได้ลองตั้งใจฟังเลยสักประโยค แถมคนพวกนั้นยังพูดคุยกันเร็ว บางครั้งยังมีกระแทกขึ้นเสียงใส่กันอีกด้วย
น้ำค้างจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามกับซามูร์เลยว่าคุยอะไรกันไปบ้าง จึงทำได้เพียงแค่ลอบมองเสี้ยวหน้าทางซามูร์ที หันไปแอบเหล่มองสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของชาลรีที แค่ได้เห็นบรรยากาศอึมครึมแบบนี้ น้ำค้างจึงเลือกที่จะปล่อยให้ซามูร์เป็นฝ่ายพูดออกมาเองดีกว่า
"น้ำค้าง.." นั่นไง มาละ
"ถ้าร่างกายเจ้าหายดีแล้ว พวกเราคงต้องได้เวลากลับไปเผ่ากรีนเคิร์กสัปดาห์หน้านี้"
น้ำค้างรู้สึกถึงบางอ้อได้ในทันที ว่าทำไมสีหน้าของซามูร์และชาลรีถึงได้ตึงเครียดขนาดนี้
แล้วถ้าต้องกลับไปที่กรีนเคิร์ก..
ผมจะโดนจับไปเผาทั้งเป็นที่กลางลานประหารนั่นอีกหรือเปล่า?
"น้ำค้าง เข้าใจรึเปล่า.." เสียงซามูร์เอ่ยถามออกมาชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง หลังจากมองใบหน้าเหม่อลอยมีแววตาวูบไหว
"รู้แล้ว" ใบหน้าเลิ่กลั่กเพิ่งได้สติกลับมา เอ่ยตอบกลับคืนด้วยภาษาถิ่นที่ได้ร่ำเรียนมาจากที่นี่
น้ำค้างเริ่มเคยชินกับผู้คนชนเผ่าของที่นี่ จนไม่นึกอยากกลับไปยังเผ่ากรีนเคิร์กที่ดูป่าเถื่อนแห่งนั้นเลย แถมยังเป็นเผ่าที่จับเอาตนเองไปมัดไว้กลางลานแบบนั้นด้วย เป็นเผ่าบ้าอะไรที่ก็ไม่รู้ ไม่ได้รู้สึกดีด้วยเลยสักนิด
แต่กระนั้น น้ำค้างก็คงจะไม่สามารถพูดคำในใจอะไรออกไปได้มากกว่านี้
ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มเริ่มสงบนิ่ง ดวงตาหวาดหวั่นเอาแต่มองลึกเข้าไปยังแววตากังวลของคนหน้าเรียบนิ่ง ที่กำลังมองจ้องกันอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน แบบที่ต่างคนต่างก็ไม่ได้มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย
คืนนี้น้ำค้างเกิดความรู้สึกว่าอยากจะเบียดตัวเข้าหาคนด้านข้างซะเหลือเกิน แต่ก็ทำได้เพียงแค่นอนมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเจ้าร่างยักษ์ที่ยอมดูแลกันมาตลอด ตั้งแต่ตนสติแตก จนผ่านอาการปอดแหกมาได้ตั้งเยอะก็เพราะคนข้างๆ นี่แหละ
กระทั่งตอนนี้ พอจะทำใจได้บ้างแล้วเมื่อต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้ คนนอนคิดหนักได้หลับสนิทลงไปแล้ว หลังจากที่ในหัวเอาแต่นึกย้อนทบทวนกับเหตุการณ์ระทึกต่างๆ ที่บังเกิดขึ้นมาในชีวิตแบบไม่ทันตั้งตัวจนได้ผล็อยหลับลงไปได้สักที
ซึ่งไม่ได้รู้สึกถึงแรงดึงรั้งตัวเข้าไปกกกอดอยู่กับแผงอกแน่นอย่างแนบชิด อยู่ภายใต้ผ้าห่มขนสัตว์ผืนเล็กเลยสักนิดเดียว
"ข้าควรทำอย่างไรดี หากเจ้ากลับไป เก็งเคอร์ต้องจับเจ้าทำเมียแน่"
☘
วันนี้น้ำค้างเริ่มรู้สึกเหนียวตัวหัวเหม็น เจ้าตัวจึงรู้สึกอยากอาบน้ำเสียเหลือเกิน แต่ชาวเผ่าที่นี่เหมือนกันเขาไม่อาบน้ำกันรึเปล่า น้ำค้างก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกัน
วันนี้คงต้องถามซามูร์ให้รู้คำตอบให้ได้!
ซามูร์สัมผัสได้ถึงเจ้าตัวปัญหา ที่กำลังเดินตรงดิ่งเข้ามาในระหว่างที่กำลังนั่งเหลาไม้ทำลูกดอกอาบยาพิษให้ชนเผ่าคองกี้อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่กับชาลรี
"ชาลรี..อากูล / ซามูร์ ข้าอยากอาบน้ำ.."
น้ำค้างเอ่ยปากทักทายชาลรี ก่อนจะหันมาส่งรอยยิ้มหวานดั่งที่ชอบทำเสมอให้กับซามูร์ในเวลาที่ต้องการอะไร หรือจะชอบทำเพื่อกลบเกลื่อนความอาย หรือแม้แต่หลังกระทำความผิดอะไรก็ตามแต่ คนหน้าเป็นคนนี้ก็ขอยิ้มหวานหยดย้อยให้เอาไว้ก่อน
แม้นจะไม่รู้ว่าซามูร์คิดอย่างไร เพราะเอาแต่เฉยเมยกลับคืนมาให้กัน แต่น้ำค้างก็ไม่ได้สนใจ ขอแค่ยิ้มไว้ก่อนก็พอแล้ว
มุมปากของคนที่ทำเป็นนิ่งเฉยกลับยกขึ้นสูงเล็กน้อย ก่อนจะส่งสายตาดุขึงไปทางชาลรี ที่ชอบทำตัวเสมือนรู้ดีไปเสียทุกอย่างจนน่าหมั่นไส้ไปหมด
ฝ่ามือใหญ่ยังคงขยับเหลาไม้ไผ่ไม่หยุด ราวกับไม่ได้ยินเสียงที่เริ่มจะอู้อี้เอาแต่บ่นนุ้บนิ้บ กับแสดงท่าทางงอแงอยู่คนเดียวเป็นประจำ ในยามที่ถูกขัดใจเหมือนกับเด็กเล็กไม่มีผิดเพี้ยน
ใบหน้ายิ้มหวานค้างเมื่อครู่ จึงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นมู่ทู่ลงไปเรื่อยๆ ที่ไม่เห็นมีใครแยแสด้วยเลย สองขาเรียวขยับเดินเข้าไปใกล้ๆ กับร่างกำยำที่ยังคงเอาแต่นั่งทำงานหน้านิ่งโดยไม่สนใจการมาเยือนของตนเลยสักนิด
"ซามูร์.."
น้ำค้างทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างของคนหน้านิ่ง พลางใช้เท้าเขี่ยเศษหินเศษดินเล่นเมื่อยังถูกเพิกเฉยใส่กัน
เมื่อยิ่งไม่ได้รับความสนใจน้ำค้างแทบอยากจะเอาหัวโขกไอ้ร่างยักษ์จอมเย็นชาซะให้รู้แล้วรู้รอด น่ารำคาญใจยิ่งนัก แต่ก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เลย
จึงต้องเอาแต่นั่งรอเสียอยู่นานสองนาน แต่ก็ยังคงถูกเมินเฉยใส่อยู่ดี
เมื่อน้ำค้างเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว เจ้าตัวจึงปึงปีงกระแทกไหล่ใส่คนที่ได้นั่งพิงอยู่นาน ก่อนจะฮึดฮัดใส่แล้วผุดลุกขึ้นยืนทันควัน ใบหน้าบูดบึ้งทำใจยอมเดินกลับบ้านพักแบบที่อารมณ์เสียขึ้นมาจริงๆ แล้วด้วย
ทว่าก่อนที่จะได้ก้าวขาเดินหนีกันออกไป ข้อมือเล็กกลับถูกฝ่ามือใหญ่คว้าเอาไว้ได้ทันเสียก่อน
"ไม่อยากอาบน้ำแล้วรึไง" คนเย็นชาเมื่อหลายสิบนาทีก่อนยอมเอ่ยปากถามออกมาจนได้ พร้อมกับส่งสายตาที่อ่านไม่ออกมองจ้องหน้ากันอยู่
"ไม่อาบแล้ว!" เจ้าของน้ำเสียงฟืดฟาดขึ้นจมูกตอบออกมาด้วยอารมณ์ไม่ปกติ
“ปล่อย..ปล่อยเลยนะ” พยายามบิดข้อมือออก แต่กลับไม่เป็นผล จึงยิ่งทำตัวแง่งอนใส่ด้วยอาการแง่งอนเข้าไปใหญ่
“ฮึ้ย..ซามูร์!” ใบหน้าบึ้งตึงแยกเขี้ยวใส่คนหน้าที่นิ่ง ไม่ได้รู้สึกถึงแรงลูกแมวขู่ฟอใส่กันเลยสักนิด
ชาลรีผู้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าทุกอย่าง แทบจะเก็บอาการอยากพูดแซวซามูร์เอาไว้แทบไม่ไหว กับคู่พ่อแง่แม่งอนตรงหน้า ซึ่งดูยังไงๆ ก็เหมือนกับว่าเป็นผัวเมียที่ชวนทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ว่าได้
"ฮือ ก็มันใกล้จะมืดแล้วด้วย ข้าไม่ไป.."
ข้อมือที่พยายามบิดออกจากนิ้วมือคีบเหล็ก ยังไงก็ไม่มีแกะออกได้ปัญญา น้ำค้างจำต้องยอมแพ้และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
เพราะท่าทางของคนที่เอาแต่ยืนตัวสูงตระหง่าน มองจ้องหน้าเขม็งกันอยู่ได้ โดยที่ไม่ยอมพูดตอบโต้อะไรกลับมาสักคำ แถมยังยึดข้อมือของตนเอาไว้ไม่ให้ขยับตัวหนีไปไหนได้อีกด้วย
"ชาลรี ข้าต้องพาตัวปัญหาไปจัดการก่อน ส่วนเจ้าก็เลิกทำเถอะ วันนี้ข้าว่าพอแล้วล่ะ" แม้นปากจะเอ่ยบอกกับชาลรี แต่ทว่าสายตากลับไม่ได้ละไปจากใบหน้าบูดบึ้งเลยแม้แต่น้อย
"เจ้าไปเถอะ เดี๋ยวข้าทำต่ออีกสักนิดก็จะเลิกแล้ว" ชาลรีตอบออกมาอย่างยิ้ม ๆ
"ปล่อยก่อน.. ปล่อยได้แล้วมั้ง" น้ำค้างบิดข้อมือตนเองให้หลุดออกจากการถูกจับกุมจากฝ่ามือใหญ่ได้สักที
ซามูร์ไม่ได้ว่าอะไร เจ้าตัวยอมคลายมือออกให้คนขี้บ่นได้เป็นอิสระแล้วเลือกที่จะเป็นฝ่ายเดินตามหลังคนเจ้ากี้เจ้าการไปแบบเงียบๆ แทน
น้ำค้างกึ่งเดินกึ่งวิ่งจนมาถึงลำธารน้ำใสที่เดิมก็ได้ผลัดเสื้อผ้าออกทันที ครั้งนี้ไม่ต้องโป๊เปลือยอาบน้ำอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากได้นำเศษผ้ามาเย็บติดกัน จนได้เป็นผ้าผืนใหญ่แล้ว ซึ่งเหมาะสำหรับนุ่งอาบน้ำได้ด้วย มันเหมือนกับผ้าขาวม้าที่บ้านเกิดของน้ำค้างเป๊ะเลย
แถมตอนที่ได้รับชิ้นส่วนของเนื้อผ้าจากกลุ่มสาวๆ หลายบ้านรวมกัน แล้วจึงนำมาเย็บติดกันทำเป็นชุดเดรสตัวยาวใส่เองได้อีกด้วย น้ำค้างรู้สึกภาคภูมิใจกับฝีมือของตัวเองสุดๆ จนต้องอวดให้คนที่นอนอยู่ข้างกันทุกคืนดูด้วย
แต่คำตอบที่ได้รับมาก็เป็นเพียงใบหน้าเฉยเมยไม่เคยเปลี่ยน จะมีอาการเพิ่มเข้ามาก็เป็นเพียงแค่ถูกมือหยาบวางแปะลงบนหัวและขยี้เส้นผมไปมา จนมันกระเซอะกระเซิงราวกับเป็นเด็กน้อยที่หัวยุ่งฟูไปหมด
"ซามูร์.." น้ำค้างลอยคอในสระมรกตด้วยท่าทางสบายใจ หลังจากได้ว่ายท่ากรรเชียงมานานหลายนาทีแล้ว
ซามูร์ที่นั่งเฝ้าอยู่ตรงขอบสระรอคนที่เล่นน้ำสุขใจอยู่ในสระ ก็เอาแต่กวาดสายตามองไปรอบๆ ทิศ ทำการตรวจตราอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำแบบเช่นครั้งก่อน ที่ได้มีเงาตะคุ่มมาแอบมาสอดแนมหรือมาแอบเฝ้าดูคนต่างถิ่นเฉยๆ กันแน่ จนบัดนี้ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครด้วยซ้ำ
"ซามูร์.." น้ำค้างถูกเมินจนเริ่มจะชินแล้ว เจ้าตัวจึงเลือกที่จะว่ายกลับเข้ามาเกาะอยู่ขอบสระ เพื่อเข้าใกล้กับคนที่เอาแต่นั่งมองฟ้าดินอยู่นั่น
"ถามอะไรหน่อยสิ" น้ำค้างยื่นมือไปเขย่าท่อนแขนแข็งแรง จนได้รับความสนใจจากซามูร์ที่ยอมหันหน้ากลับมามองใบหน้าที่ยิ้มหวานรออยู่
"ทำไมชาวเผ่าเขาไม่ค่อยอาบน้ำกันเหรอ" น้ำค้างเอ่ยถามจบแล้ว จึงรอคำตอบด้วยสายตาแป๋วแหว๋ว ราวกับเด็กน้อยวัยห้าขวบ ที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไมซะเหลือเกิน
"คงงั้น" คำตอบสั้นๆ อย่างเรียบง่ายไร้คำอธิบายต่อท้าย น้ำค้างเผลอทำแก้มป่องอย่างขัดใจออกมาเอง ตามนิสัยลูกคุณหนูเอาแต่ใจ
"เพราะอะไรอะ เหตุผลอ่ะ ขอเหตุผลอธิบายหน่อย" ภาษาถิ่นปนภาษาของน้ำค้างที่บัญญัติขึ้นเอง จนมันฟังดูแปลกประหลาด
ทำเอาคนที่มองหน้ากันอยู่แล้ว ถึงกับต้องขมวดคิ้วใส่อย่างขัดใจเช่นกัน ที่น้ำค้างชอบมิกซ์ภาษาพูดออกมาจนมันวิบัติไปหมดเช่นนี้
"เพราะกลิ่นตัวจะหายไป แล้วจะเป็นอันตรายเวลาเดินเข้าป่าลึก" คำตอบที่แสนจะยืดยาวที่สุดตั้งแต่ที่เคยได้อยู่ร่วมกันมาในรอบเดือน
ซึ่งมันเป็นประโยคที่น้ำค้างสามารถเข้าใจได้ง่าย คงเพราะซามูร์มีความใจเย็นกับการอธิบายประโยค โดยการพูดช้าๆ และชัดถ้อยชัดคำ
"อ่อ..งี้นี่เอง นึกว่าจะมีแต่ในตำนาน เรื่องจริงก็ใช่เหรอเนี่ย" ริมฝีปากนิ่มขยับพูดพึมพำอยู่คนเดียว ซามูร์พักสายตาที่ริมฝีปากบางที่เริ่มซีดเซียวไร้สี คงเป็นเพราะอากาศที่เริ่มเย็นลงด้วยแล้ว
"พอได้แล้ว เลิกเล่น ขึ้นมา" คำพูดดุจคำสั่งออกมาจากปากพ่อที่ชอบบงการให้ลูกจอมดื้อทำตาม จนทำให้น้ำค้างเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาเสียดื้อๆ เช่นกัน
น้ำค้างไม่สนใจ ปล่อยเบลอในสิ่งที่อีกคนสั่งและปล่อยจอยกับการว่ายน้ำในสระมรกตเล่นต่อ เลยทำเป็นเมินเฉยกลับคืนใส่ไปบ้าง โดยไม่ได้ดูสายตาคมดุที่จ้องมองกันอยู่
"น้ำค้าง" น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้นจากคนที่นั่งมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่คิ้วกลับขมวดมุ่นแล้ว แต่ทว่าคนที่ถูกเรียกก็ยังคงทำเป็นเมินเฉยกลับคืนไปอยู่ดี
หลังจากที่จอมซนคนเจ้าเล่ห์ได้นึกสนุก ผุดคิดไอเดียกับการจะลองแกล้งคนจู้จี้ตรงหน้าให้ตกใจเล่นดูสักหน่อย น้ำค้างจึงทำเป็นผลุบตัวหายลึกลงไปรอที่ก้นสระอยู่นานหลายนาที
"น้ำค้าง!" ดวงตาคมเลิ่กลั่กทันที เมื่อได้หันกลับมามองหาคนดื้อรั้น ที่ตนได้ละสายตาไปเพียงชั่วอึดใจเดียว แต่กลับได้หายไปจากกลางสระเสียแล้ว
ใบหน้าร้อนรนผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จึงได้สบเห็นร่างที่ตนมองหาจมดิ่งลงไปยังก้นสระสีมรกตนั่นแล้ว ซามูร์รีบกระโจนลงสระแบบไม่คิด แล้วออกแรงว่ายไปยังกลางสระอย่างรวดเร็ว ยื่นมือไปคว้าร่างที่กำลังจมดิ่งลึกลงไปที่ก้นสระขึ้นมาด้วยทันที
ใบหน้าเข้มติดกังวล เอาแต่ส่งเสียงสั่นเครือเรียกชื่อคนจมน้ำแบบซ้ำๆ ให้เจ้าตัวได้ลืมตาตื่นมาเสียที
“น้ำค้าง”
ใบหน้าเคร่งเครียดคว้าตัวคนที่นอนหลับตาพริ้มเข้ามากอดเอาไว้ด้วยความรู้สึกหวั่นใจ
“น้ำค้าง..น้ำค้าง” ฝ่ามือใหญ่เร่งเขย่าตัวคนในอ้อมกอดเป็นพัลวันทันที
"ฮ้าาา ฮู้วว..ซามูร์ ข้าล้อเล่น ตกใจปะ" ใบหน้าทะเล้นยกยิ้มพลางหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว เพราะรู้สึกสมใจแล้วที่ได้แกล้งให้อีกคนมีอาการแตกตื่นให้เห็นจนได้
แต่เมื่อซามูร์ได้รู้แล้วว่าอีกคนจงใจแกล้งเล่นกันแรงเช่นนี้ ก็ทำให้คนที่ตกใจจนรีบกระโจนลงน้ำไปช่วยกันแบบไม่คิดชีวิต รู้สึกโกรธขึ้นมาแบบจริงจังแล้วเช่นกัน ฐานเล่นอะไรไม่เข้าเรื่องเลย
มือใหญ่ผละตัวออกทันที ปล่อยให้เด็กเลี้ยงแกะลอยเคว้งอยู่กลางสระเช่นเดิม ซามูร์ออกตัวว่ายกลับเข้าฝั่งอย่างหัวเสียที่โดนหลอกให้ตกใจจนแทบช็อก
"โกรธเหรอ" น้ำค้างเริ่มหน้าเสียเมื่อเห็นอีกคนมีใบหน้าบึ้งตึงน่ากลัวแถมยังพยายามจะหนีตนเองอีกด้วย
"ซามูร์..เดี๋ยว..รอข้า.." น้ำค้างพยายามว่ายตามคนตัวใหญ่ด้านหน้าไปจนเกือบจะถึงตัวคนโกรธอยู่แล้ว
แค่ก ๆ
แต่ครั้งนี้คนติดเล่นเริ่มจะหมดเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ ทว่าก็ได้ซามูร์ที่ยังมีอารมณ์กรุ่นโกรธใส่กันอยู่ ยอมหันกลับมามองคนสำลักน้ำหน้าดำหน้าแดงพร้อมกับยอมยื่นมือออกมาหากัน
จึงทำให้น้ำค้างยิ้มออกมาได้บ้างแล้วรีบคว้าข้อมือใหญ่เอาไว้ สองขาเรียวตีขาเร่งสปีดว่ายเข้าไปหาร่างสูงที่ยังอุตส่าห์ใจดี จนยอมหยุดยืนรอกันใกล้ขอบสระทันที
"ขอโทษ" น้ำเสียงออดอ้อนเปล่งออกมา พร้อมกับยึดข้อมือใหญ่คว้าไปจับเอาไว้จนแนบแน่น พยายามแทรกนิ้วมือที่ผสานกันไว้ ซ้ำยังถือวิสาสะยกมือที่ยึดมาทาบลงบนแก้มของตนเองอีกด้วย
แววตาดุขึงเมื่อครู่กลับเริ่มสั่นไหวขึ้นมาแทน หลังจากถูกอีกคนยึดมือไปกอบกุมเอาไว้ จนต้องเป็นฝ่ายที่ออกแรงดึงคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าเข้ามากอดไว้แทนซะเอง
ทำเอาน้ำค้างยังต้องตกใจในการกระทำอันผลีผลามของคนตรงหน้าด้วยเลย
ซึ่งไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเข้ามาดลจิตดลใจ หรืออาจจะเป็นเพราะบรรยากาศรอบข้างของช่วงยามเย็นพาไปกันแน่ เราทั้งคู่จึงได้คล้อยตามกันไปด้วย
จากแสงแดดที่เคยเจิดจ้ากำลังลาลับขอบฟ้า ได้กลายเป็นเพียงแค่แสงสีส้มอ่อนที่ปรากฏออกมาให้ได้เห็น หรืออาจเป็นเพราะว่าอากาศหนาวเย็น จนเกิดม่านหมอกที่ได้เริ่มเข้ามาปกคลุมพื้นที่ให้กันอย่างเป็นใจด้วย
มันยิ่งส่งผลให้น้ำค้างได้เคลิบเคลิ้มตามได้อย่างง่ายดาย ถึงกับยอมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับปลายนิ้วยาว ที่กำลังเชยปลายคางมนของตนขึ้นมาใกล้ชิดกันมาก ขนาดที่ว่าลมหายใจเป่ารดกันอยู่
แววตาสั่นไหวทว่าอ่านยากของทั้งคู่สอดประสานมองกันอย่างลุ่มลึก กระทั่งถูกใบหน้าเรียบนิ่งโน้มตัวลงมาแล้วจรดริมฝีปากหนาลงบนอวัยวะเดียวกันแล้วฉกชิงลมหายใจทันที แบบชนิดที่เรียกได้ว่าริมฝีปากที่ถูกประกบกันไปแล้วนั้นมันแนบสนิทจนไร้ช่องว่างเลยล่ะ
ทั้งที่ริมฝีปากหนักก่อนหน้านี้ ไม่ค่อยจะยอมอ้ากว้างเพื่อเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้แบบง่ายๆ เสียด้วยซ้ำไป