Area 7 : ความอับอายเพราะถูกลอกคราบให้เป็นชีเปลือย

2384 Words
"น้ำค้าง!!" เสียงตะโกนเรียกไล่ตามหลังดังขึ้น จึงทำให้น้ำค้างต้องหันกลับไปมองด้วยดวงตาเบิกโพลงให้กับคนที่วิ่งตามกันออกมา เมื่อซามูร์เข้าใกล้ตัวปัญหาได้แล้ว จึงรีบคว้าตัวคนที่เดินกะเผลกออกมายืนตากฝนอยู่นั้นเกิดความตกใจ จนเซถลาเข้าปะทะกระแทกเข้ากับแผงอกกำยำ "ซามูร์.." คนในอ้อมกอดเปล่งเสียงอู้อี้ด้วยความงวยงง เพราะก่อนหน้านี้ก็เห็นว่ายังนอนหลับสนิทอยู่เลยแท้ ๆ ซามูร์ผละตัวออกก่อนจะก้มลงมองจ้องใบหน้าคนดื้อ ขยันหาเรื่องเจ็บตัว นี่ขนาดขาเจ็บยังพยายามรั้นออกมายืนตากฝนเพื่ออะไร เขาก็ไม่สามารถเข้าใจความคิดคนตรงหน้าได้เลย น้ำค้างเริ่มทำอะไรไม่ถูก จึงยกยิ้มแก้สถานการณ์ไปก่อน เพราะดูจากสีหน้าทะมึนของคนตัวยักษ์แล้วรู้สึกตนเองจะไม่ปลอดภัย เผลอๆ คงถูกตำหนิอยู่ในใจเป็นล้านคำแล้วกระมัง "เอ่อ..ซามูร์ ข้าหนาว" ทั้งคู่ที่ยังคงยืนตากฝนด้วยกันท่ามกลางสายฝนที่ได้กระหน่ำสาดเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเลย เปรี้ยงงง!! คนสะดุ้งตัวโยนที่เอ่ยปากสั่นเทาก่อนหน้ารีบขยับตัวเข้าใกล้กับซามูร์มากกว่าเดิม เหมือนกับว่าแทบจะมุดตัวซุกใบหน้าตรงแผงอกคนตัวล่ำตรงหน้า เพื่อหลีกหนีแสงและเสียงฟ้าผ่าที่ไม่ชอบใจเอาซะเลย ร่างสูงที่ถูกพาออกมายืนตัวเปียกไปด้วยกัน จึงเลือกที่จะช้อนตัวคนขี้กลัวแต่ก็ดันละเมอเดินออกมายืนตากฝน ท่อนแขนแข็งแรงยกตัวน้ำค้างให้ลอยหวือขึ้นจากพื้นเจิ่งนอง ให้กลับเข้าบ้านไปด้วยกันแทน ซามูร์วางร่างบางเปียกปอนลงบนแคร่ไม้ก่อนที่จะผละตัวเดินไปควานหาชิ้นผ้ามาให้คนนั่งสั่นงกเงิ่น เพราะอากาศคืนนี้มันทั้งหนาวทั้งมีสายฝนเทลงมาเยอะเลย ทว่าคนตรงหน้าก็ยังขยันทำให้ตัวเองเปียกกลับเข้าที่พักมาอีก ฮัดชิ้ว!! มือใหญ่วางชิ้นผ้าโปะลงบนหัวคนที่เพิ่งจามออกมาเสียงดัง น้ำค้างรู้สึกผิดจึงเงยหน้ามองใบหน้าเรียบนิ่งติดแววตาดุแล้วจึงแก้ขัดด้วยการยกยิ้มใส่เสียเลย ทว่าซามูร์กลับเดินหนีไปทางหีบผ้าอีกรอบ พร้อมเดินกลับมาด้วยชิ้นผ้าที่ใช้ขยี้ซับน้ำไปตามเส้นผมที่ถักเปียอย่างเป็นระเบียบเอาไว้ "ซามูร์..ขอโทษ" น้ำค้างพูดขอโทษออกมาด้วยภาษาถิ่นจนซามูร์ต้องยอมหันมามองคนหน้าเป็นจนได้ ซามูร์ดึงผ้าขึ้นมาคลุมไหล่ตนเอาไว้ แล้วเดินไปทิ้งตัวลงด้านข้างคนที่ประหม่าหรือหวาดระแวง คงกลัวว่าจะถูกตวาดว่าใส่จนนั่งตัวเกร็ง ฝ่ามือใหญ่หยิบชิ้นผ้าบนหัวคนที่เอาแต่เกร็งตัวขึ้นมาเช็ดให้ทั้งเส้นผม และลำคอ ท่อนแขน ไล่ต่ำลงไปจนถึงฝ่าเท้าที่เปรอะเปื้อน ดวงตาคมมองเสื้อผ้าที่ดูดซับน้ำเอาไว้ ไม่แน่ใจว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้คนตรงหน้าคงได้ป่วยไข้อีกเป็นแน่ ซามูร์จึงตัดสินใจเลิกชายเสื้อขึ้นพลางรีบถลกถอดออกทางหัวแบบเร็วพลัน จนเจ้าตัวคนใส่ถึงกับสะดุ้งพยายามขัดขืนเต็มแรง "ซามูร์ เจ้า! นี่ ทำอะไร?!" ซามูร์ไม่ฟังคำคัดค้านคนตรงหน้าแล้ว เมื่อบังคับถอดเสื้อได้เสร็จ จึงขยับมือเลื่อนไปหวังจะดึงกางเกงที่เปียกแบบแทบจะเก็บกับน้ำไว้ได้เป็นลิตรอย่างดีออกด้วย "ไอ้ยักษ์ ไอ้เหี้x มึงจะทำไรเนี่ย ไอ้บ้าซามูร์" น้ำค้างโวยวายใส่ ทว่าไม่สามารถต้านแรงของท่อนแขนและข้อมือคีมเหล็กได้เลย จนตอนนี้ตัวเองต้องเป็นฝ่ายล้มนอนหงายท้องดิ้นกระแด่วอยู่บนแคร่ไม้อย่างน่าอาย เมื่อกางเกงที่ตนเองไม่คิดจะถอดให้คนตรงหน้าได้เห็นแบบตอนที่อยู่บ่อน้ำอีกต่อไปแล้ว แต่ทว่าตอนนี้มันได้ปลิวหายติดไปอยู่ที่มือไอ้ร่างยักษ์ได้อย่างง่ายดาย แม้กระทั่งชั้นในก็ถูกรูดติดกับกางเกงยีนขาสั้นออกไปด้วยในคราวเดียวกัน น้ำค้างน้ำตาไหลด้วยความอับอาย มือเล็กรีบคว้าผ้าห่มขนสัตว์เข้ามาห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าที่เปียกชื้นเย็นชืดเอาไว้ทันที ฮื้ออ.. ฮึก.. "ไอ้เหี้x! ไอ้บ้ายักษ์โหดซามูร์ ฮึก.." ริมฝีปากแดงเอาแต่ด่าสาดใส่คนที่ไม่ได้สนใจ ซามูร์ที่เอาเสื้อผ้าของนอนร้องไห้พร่าด่าไปบิดสะบัดและพาดตากแยกชิ้นส่วนไว้ให้ที่ราวไม้ไผ่ ที่เพิ่งจะทำขึ้นเองแบบง่ายๆ เมื่อครู่ โดยการนำไปพาดระหว่างช่องหลังคาให้ใช้ตากผ้าได้เป็นอย่างดี ซามูร์เดินกลับมาเห็นตัวต้นเรื่องดิ้นเย้วๆ เมื่อครู่ แต่ตอนนี้กลับนอนร้องไห้เฉยเลย ดวงตาคมมองจ้องคนใต้ผ้าห่มสักพัก ก่อนจะทำการยื้อดึงผ้าห่มคลุมออก เพื่อให้ได้เห็นคนที่ร้องไห้โยเยราวกับเป็นเด็กน้อย แต่ทว่าอีกคนกลับมือเหนียวยิ่งกว่าไม่ยอมให้มือใหญ่ได้ผ้าห่มไปอีกเด็ดขาด ร่างสูงตัวเปียกชุ่มส่ายหน้าไปมาก่อนจะยอมแพ้แล้ว ซามูร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินกลับไปเปลี่ยนผ้าเตี่ยวของตัวเองเช่นกัน หลังจากที่ได้ผลัดเปลี่ยนผ้าเรียบร้อยแล้ว ซามูร์จึงเดินกลับมาล้มตัวนอนบนแคร่ไม้อีกครั้ง ทำเป็นตีเนียนนอนเบียดแนบชิดกับคนใต้ผ้าห่มจนโดนส่งเสียงฮึดฮัดใส่กลับมา ซึ่งซามูร์ไม่รู้เลยว่าบัดนี้ใบหน้าของตนนั้นมันเริ่มมีรอยยิ้มติดมุมปากผุดขึ้นมาบ่อยครั้ง ตั้งแต่ได้เจอกับตัวป่วนคนตรงหน้านี้มาหลายวันเสียแล้ว ☘ เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ เปิดขึ้น จึงได้สบเห็นใบหน้าของคนที่นอนหันหน้าเข้ามาหากันใกล้กันมากจนเกินไป ถึงทำให้เรื่องเมื่อคืนตีรวนกลับเข้ามาในหัวเองโดยอัตโนมัติ พอยิ่งเมื่อได้ขยับตัวยิ่งต้องเบิกตาให้โตกว่าเดิม เพราะแขนขาของตนเองนั้น ดันไปพาดก่ายอยู่กับร่างกำยำที่อยู่ใต้ผ้าห่มขนสัตว์ผืนเล็กด้วยกันแบบแนบแน่นจนเกินไปอีก ดีที่ว่าไอ้ร่างยักษ์ใจร้ายตรงหน้านี้มันยังคงนอนหลับสนิทอยู่ น้ำค้างพยายามตั้งสติแล้วจึงค่อยๆ ขยับตัวให้เบามากที่สุด ท่อนแขนเรียวค่อยๆ ยกออกจากท่อนแขนมัดกล้ามอย่างเบาแรง แล้วจึงต้องยกท่อนขาเรียวออกจากการก่ายขึ้นไปพาดบนท่อนขามัดกล้ามให้เบาที่สุดด้วย เมื่อลุกขึ้นมานั่งได้ก็ต้องตกใจอีกครั้ง น้ำค้างเพิ่งจะนึกได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนโป๊เป็นชีเปลือยอยู่ด้วยนี่นา ฝ่ามือเรียวยกขึ้นมาปิดหน้าพลางลูบใบหน้าของตนเองไปมาด้วยความอับอาย ก่อนที่จะเอื้อมมือไปดึงผ้าเพื่อมาห่มคลุมร่างให้มิดชิดก่อนจะลุกขึ้นยืน ขาเรียวภายใต้ผ้าห่มขนสัตว์ขยับเดินไปทางเสื้อผ้าที่ถูกพึ่งตากไว้ตรงราวตากผ้าทำเอง โดยฝีมือไอ้ร่างยักษ์ที่เริ่มนอนขดตัวเข้าหากันแล้ว เพราะผ้าห่มป้องกันความหนาวได้หายไปอยู่บนตัวน้ำค้างหมดทั้งผืนแล้วนั่นเอง มือเล็กขยับจับสัมผัสเสื้อผ้าที่ยังไม่แห้งคงความชื้นแฉะไว้คงที่ พร้อมงึมงำบ่นออกมา "เฮ้ออ ไม่แห้งง่ะ" ใบหน้ามู่ทู่เดินคอตกไปทางหีบผ้าแทน ในหัวเอาแต่คิดว่าสงสัยต้องโดนใส่ผ้าเตี่ยว ไม่ก็ชุดใบไม้แบบชนเผ่าคองกี้แห่งนี้แน่นอน แต่ทว่าเมื่อเปิดหีบขึ้นดวงตาโตวาววับทันที เมื่อได้สบเห็นชิ้นผ้าที่ดูเป็นชุดที่สุดแล้ว น้ำค้างยกยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าหยิบมาสวมใส่ลงบนร่างกายของตนเองทันทีแบบที่ไม่ได้ลองเทียบกับร่างกายก่อนด้วยซ้ำไป เพราะก็ไม่รู้จะเทียบไปทำไม ในเมื่อกระจกเงาก็ไม่มีให้ส่องดูอยู่ดี ซ้ำยังเป็นชุดเดียวที่มีความยาวที่สุดแล้ว นอกนั้นมีแต่ชิ้นผ้าผืนเล็กๆ ใครจะไปยอมหยิบมาห่อหุ้มร่างกายแบบโชว์เนื้อหนังกันล่ะ "ได้อยู่และมั้ง น่าจะดีกว่าผ้าเตี่ยวอะไรนั่น" คนมีผ้าชิ้นใหม่ปกคลุมร่างกายแล้ว ก้มๆ เงยๆ มองดูชุดที่ตนเองใส่เรียบร้อยแล้ว คนตาขวางจึงหันไปทางคนร่างยักษ์ที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ น้ำค้างกลอกตามองบน พร้อมเบ้ปากให้ก่อนหนึ่งกรุบ ด้วยความที่ยังรู้สึกแง่งอน แต่ก็ยอมขว้างผ้าห่มขนสัตว์ใส่ลำตัวกลับคืนให้คนที่กำลังนอนขดตัวหลับอยู่ ริมฝีปากจิ้มลิ้มยกยิ้มเจ้าเล่ห์หลังได้ระบายอารมณ์แบบเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ได้แล้วจึงรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย ใบหน้าสดใสจึงเลือกที่จะเดินกะโผลกกะเผลกออกจากบ้านพักของตนไปทางบ้านของพ่อเฒ่าเอง เนื่องจากผ้าที่พันขาเอาไว้ก่อนหน้านี้ มันได้อันตรธานหลุดหายไปหมดแล้ว โดยที่น้ำค้างไม่ได้รู้เลยว่า คนที่นอนขดตัวจุดยิ้มขึ้นที่มุมปากอยู่ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมานานแล้วด้วย แถมเอาแต่หรี่ตาแอบมองดูการกระทำของคนต่างแดนอยู่ตลอดเวลาด้วยซ้ำไป โชคดีที่น้ำค้างฟังคำบ่นภาษาของคนแก่แบบพ่อเฒ่าไม่รู้เรื่อง แต่เท่าที่สังเกตดูก็น่าจะโดนเทศนายืดยาวเลยนั่นแหละ น้ำค้างจึงยกยิ้มกลบเกลื่อนใช้วิธีเดียวกับเวลาซามูร์ไม่พึงใจ หลังได้เปลี่ยนผ้าพันขาแล้ว น้ำค้างจึงเดินเตร่จนได้ไปเจอเข้ากับซุ้มทำอาหาร จนต้องถูกดึงดูดความสนใจให้เดินเข้าไปหากลุ่มสาวชาวบ้านที่เหล่าหญิงสาวหลายคนกำลังขมักเขม่นกำลังช่วยกันทำอาหารอยู่ด้วย "อากุล~ " น้ำค้างยิ้มหวานให้ ก่อนจะเอ่ยปากทักทายกับเหล่าสาวๆ ทุกคน จนได้รับคำทักทายกลับมาด้วยไมตรีเช่นกัน หลังจากที่น้ำค้างได้มาพำนักอาศัยอยู่กับชนเผ่าแห่งนี้ได้หลายวันแล้ว ทำให้ทุกคนจึงพอจะคุ้นหน้าคุ้นตากับน้ำค้างบ้าง จนดูเป็นเรื่องปกติคุ้นชินกันไปเสียแล้ว น้ำค้างพอจะสนทนากับพวกหญิงสาวได้บ้างเล็กน้อย จากการถูกสอนภาษาฉบับทางลัดจากหัวหน้าเผ่าลาฟี่ และจากการที่ทุกคนต่างพากันช่วยสอนภาษาถิ่นเพิ่มเติมให้กับน้ำค้างในระหว่างตอนที่ร่วมกันทำอาหารไปด้วย เมนูอาหารมื้อนี้เรียบง่าย มีเพียงมันเผาใต้เตาถ่านหิน ส่วนบนแผ่นหินนั้นเป็นแผ่นแป้งกลมๆ ตอกไข่ไก่ใส่ลงไปผสมกับผักอะไรสักอย่างที่น้ำค้างไม่รู้จักมาก่อน แล้วจึงนำไปย่างใช้กินแทนข้าว วันนี้น้ำค้างจึงได้เรียนรู้การทำอาหารของชาวชนเผ่าเพิ่มด้วย อีกทั้งยังได้เรียนรู้คำศัพท์ประโยคง่ายๆ จากการทำอาหารด้วยความสนุกสนาน และสดใหม่ ใบหน้าติดยิ้มรู้สึกกระชุ่มกระชวย สนุกสนานกับชีวิตสโลไลฟ์อย่างไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ตนจะสามารถเข้ากับพวกชาวชนเผ่าได้ถึงเพียงนี้ น้ำค้างที่เริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตสโลไลฟ์แบบที่ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ไม่ต้องมีกลิ่นควันบุหรี่ ไม่ต้องสูดก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ แถมยังไร้แม้แต่ฝุ่นPM2.5 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เร่งทำให้ระบบหายใจพังอีก ซึ่งอาหารมื้อนี้ดูว่าจะอร่อยเป็นพิเศษ เพราะตนเองได้มีส่วนร่วมลงมือทำด้วย จนทำให้คนร่างยักษ์ที่นั่งอยู่ด้านข้างกัน ถึงกับต้องคอยแอบลอบมองกันแบบไม่ละสายตาส่วนน้ำค้างนั้นก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับการกินเชียวแหละ "น้ามค้าน ทำไมเจ้าถึงใส่ชุดนี้ละ" หญิงสาวกลางวงมื้อเช้าเริ่มเปิดปากสนทนาในสิ่งที่สงสัยตั้งแต่แรกเห็น ทั้งที่เธอได้ลองเอ่ยถามกับน้ำค้างตั้งแต่ทำอาหารด้วยกันแล้ว แต่คนถูกถามกลับฟังไม่เข้าใจเลย จึงยังไม่ได้ให้คำตอบกับเธอหายข้องใจสักที หญิงสาวอีกคนที่ขี้สงสัยอยู่ก่อน จึงรีบเข้ามาร่วมสมทบด้วยเช่นกัน จนคนถูกถามได้รับสายตาจ้องมองมาทางน้ำค้างอย่างต้องการคำตอบทุกคู่สายตาเลย น้ำค้างเริ่มงุนงงว่าพวกสาวๆ เขาเอ่ยถามถึงเรื่องอะไรกัน ใบหน้าฉงนจึงต้องหันหน้าไปหาที่พึ่งเช่นกัน เพราะหวังว่าคนที่เข้าใจตนเองมากที่สุดนั้นอาจจะช่วยขยายความให้เข้าใจได้บ้าง แม้จะยังคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องหรือเข้าหน้ากันไม่ติดดีเพราะเรื่องเมื่อคืนก็ตาม แต่ในขณะนี้ซามูร์ก็เปรียบเสมือนว่าเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของน้ำค้าง จึงต้องยอมลดทิฐิเป็นฝ่ายอ้าปากคุยด้วยก่อนก็ได้ ทว่ากลับได้คำตอบเป็นการไหวไหลเพียงแค่นั้น นอกจากสาวๆ จะไม่ได้คำตอบแล้ว น้ำค้างเองก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเช่นกัน ซึ่งทำเอาใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มเมื่อครู่กลับต้องมู่ทู่ลงทันที ฝั่งคนที่ไม่ได้ไยดีจะให้คำตอบอยู่แล้ว ทำเป็นหัวทวนลมพร้อมกับเลือกที่จะหยิบแผ่นแป้งคลุกไข่ขึ้นมาจ่อรอยัดใส่ปากของคนหน้าบู้บี้แทนซะเลย "ซามูร์ ตอบสิ! อื้ออ" ทันทีที่น้ำค้างอ้าปาก มือใหญ่ที่จ่ออาหารชิดขอบปากไว้ก่อนหน้าแล้ว จึงได้รีบยัดสิ่งนั้นเข้าปากที่อ้ากว้างออกทันที จนได้รับสายตาอาฆาตกลับคืนมาให้ ซึ่งมันทำให้ซามูร์รู้สึกได้ว่า ช่วงนี้ตนเองนั้นช่างอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD