เปลวเร่งอีกครั้ง เมื่อเห็นหญิงสาวมัวแต่เพลินชมดอกไม้ป่า ตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติจนลืมว่ากำลังจะค่ำลงทุกที “ก็หันหน้าไปทางอื่นก่อนสิ” เธอบอกเบาๆ ชายหนุ่มขยับห่างออกจากที่ตรงนั้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันหลัง ยกท่อนแขนกำยำขึ้นกอดอก ทำเป็นไม่สนใจว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นที่ลำธารแห่งนั้น เปลวทุ่มเทความสนใจไปกับการระแวดระวังภัย เพราะตระหนักดีว่าการที่ตนกับหญิงสาวซึ่งกำลังอยู่ในที่โล่งแจ้ง ตรงลำธารแห่งนั้น ยากที่จะรู้ได้ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่น ที่กำลังซุ่มซ่อนดูอยู่หรือไม่? กระทั่งชั่วครู่ผ่านไป “เปลวฆวัจน์” หล่อนเรียกชื่อของเขาออกมาเบาๆ น้ำเสียงนั้นหวานกว่าทุกครั้งที่เขาเคยได้ยิน ชายหนุ่มหรี่ตา…ไม่ได้เกิดจากอาการฉงนใจ หรือรู้สึกถึงความผิดปกติของผืนป่า แต่รู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของหญิงสาว รู้สึกแปลกๆกับคำว่า ‘เปลวฆวัจน์’ เธอไม่เคยเรียกชื่อเขาออกมาเต็มๆ และชัดเจนเช่นนี้มาก่อ