4

1818 Words
“นะพิมนะ แผนกเราไม่มีใครกล้าแสดงเลยสักคน” “อีกอย่างเด็กใหม่อย่างพิมต้องแสดงนะมันเป็นธรรมเนียมรู้ไหม ดูอย่างพี่วิสิ ตอนเข้ามาใหม่ยังได้แสดงเลย... ปีนั้นแสดงอะไรนะพี่วิ”  คนเกลี้ยกล่อมตะโกนถามพี่วิที่ทยอยเก็บผ้าปูที่นอนและเปลี่ยนปลอกหมอนอันใหม่เมื่อหมดเวลาให้บริการแล้ว แว่วเสียงตอบกลับว่าแสดงอะไร ก็ทำเอาคนที่เหลือขำกันยกใหญ่ พิมนารานั่งฟังเสียงกล่อมที่จะให้เธอแสดงในงานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับผู้อำนวยการคนใหม่และฉลองยอดที่ตั้งไว้ทะลุตามเป้า ตอบตกลงอย่างเสียมิได้  “ก็ได้ค่ะ” การแสดงที่พิมนาราได้รับคือรำบายศรีสู่ขวัญ เพื่อต้อนรับผู้อำนวยการคนใหม่อย่างเป็นทางการและถูกจัดขึ้นเป็นลำดับแรกสุดของงาน เธอต้องเข้าร่วมการฝึกซ้อมอยู่นานร่วมเดือนกับสาวสวยของแผนกอื่นอีกแปดคน หลังเลิกงานและทุกๆวันหยุดก็ยังต้องไปดูแลคุณหญิงเพ็ญแขอยู่อย่างสม่ำเสมอไม่ได้ขาด แต่เธอไม่ได้เจอหน้าชายที่มอบจูบแรกให้เธออีกเลย จนถึงวันนี้           งานเลี้ยงถูกจัดขึ้น ทุกอย่างถูกเตรียมไว้เป็นอย่างดีบนดาดฟ้าของตัวตึก พิมนาราตื่นเต้นไม่น้อย ที่ต้องแสดงต่อหน้าคนหมู่มาก ที่สำคัญต้องแสดงต่อหน้าคนที่เธอแอบชื่นชอบนี่สิที่ทำให้เธอประหม่าอย่างที่สุด พอนึกถึงวันนั้น ใบหน้าก็พลันแดงและร้อนขึ้นมาอีกครั้ง พิมนาราถูกจับแต่งหน้าแต่งตัวจนแทบจำเค้าโครงเดิมไม่ได้ คนที่เกลี้ยกล่อมให้เธอแสดงงานนี้ถึงกับออกปากชม “พี่วิดูพิมสิ สวยขึ้นอีกหลายกองเลยเนอะ” “ใช่...ปกติก็น่ารักอยู่แล้ว วันนี้แต่งหน้าแต่งตัวยิ่งสวยไปใหญ่” พี่วิคนลงมือแปลงโฉมให้ชมไม่หยุดปาก เมื่อประธานในพิธี ซึ่งก็คือภีมเดินทางมาถึง และกล่าวเปิดงานเรียบร้อย การแสดงชุดแรกคือรำบายศรีสู่ขวัญเริ่มขึ้นทันที สายตาคมของคุณหมอหนุ่มนักธุรกิจจับนิ่งที่ร่างงดงามในชุดนางรำของพิมนารา อดยอมรับในใจไม่ได้ว่าเด็กจอมมารยาคนนี้บทจะแต่งหน้าแต่งตัวก็สวยขึ้นอีกเยอะ วันนี้เธอจึงดูเด่นสวยสะดุดกว่าคนอื่นในชุดเดียวกันมาก การร่ายรำดูอ่อนช้อยสวยงามนักยามเธอเคลื่อนไหวตามเสียงเพลง จวบจนการแสดงเสร็จสิ้นภีมปรบมือพร้อมส่งยิ้มตามมาให้           งานมีคั่นกลางการแสดงด้วยการจับของรางวัล และรางวัลใหญ่ของงานคือสร้อยคอทองคำขาวพร้อมจี้มีมูลค่าก็ตกเป็นของพิมนาราอย่างที่เจ้าตัวก็คาดไม่ถึง           ขณะขึ้นรับรางวัลกับประธานในพิธี ภีมกล่าวชมเมื่อเธอยื่นมือไปรับของกับเขา “วันนี้สวยมากนะพิมนารา” ได้ฟังคำชมจากปากของผู้ชายในดวงใจแล้วอดที่จะเอียงอายไม่ได้แต่ไม่ลืมตอบรับคำชมของเขา “ขอบคุณค่ะ” จนงานเลิก พี่วิที่วันนี้เอารถมาชวนให้เธอกลับด้วยกัน เพราะดึกมากแล้วและด้วยเป็นห่วงไม่อยากให้เธอนั่งรถกลับตามลำพัง จึงบอกให้พิมนาราไปเปลี่ยนชุดและยืนรอที่ตรงทางออกด้านล่าง  แต่รออยู่นานรถของพี่วิก็ไม่มาเสียที จึงต่อสายหาทันทีเมื่อเห็นว่าจะดึกเกินไป หากพี่วิขัดข้องเธอจะได้กลับเอง “พี่วิ อยู่ไหนคะ” “พิม ขอโทษทีนะ พอดีแฟนพี่มารับ พี่ว่าจะโทรไปบอกอยู่พอดี” เสียงพี่วิที่คล้ายคนร้องไห้ทำให้เธอไม่กล้าซักไซ้ต่อ และเพราะจำได้เลาๆว่าพี่วิมีเรื่องไม่เข้าใจกันกับแฟนหนุ่ม จึงไม่ติดใจถามอะไรอีก “ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเดี๋ยวพิมกลับบ้านเลยนะ” “ขอโทษทีนะพิม” “ไม่เป็นไรค่ะพี่” วางสายจากพี่วิ พิมนาราจึงเดินออกมาจากตรงนั้นเพื่อไปรอขึ้นรถประจำทาง แต่แล้วรถหรูคันหนึ่งก็ขับมาจอดเทียบข้างๆ พร้อมเปิดกระจกบอก “พิมนารา ขึ้นรถเร็ว” พอเห็นว่าเป็นใคร เธอทักกลับเสียงสั่นเล็กน้อย หัวใจเต้นโครมครามทันที “มะ...หมอ” “เร็ว” เสียงเร่งเพราะมีคันอื่นต่อท้าย ทำให้พิมนาราต้องเปิดประตูขึ้นไปในที่สุด เจ้าของรถถามเมื่อออกรถมาแล้ว “ทำไมมายืนคนเดียว เพื่อนๆล่ะ” “พอดีมีธุระกันน่ะค่ะ เลยแยกย้ายกันกลับใครกลับมัน” ภีมหยุดรถตรงไฟจราจรที่เปลี่ยนสีพอดี มือเข้าเกียร์เรียบร้อยแล้วจึงหันมาชม “วันนี้...สวยมากนะ” ถ้าคำนี้หลุดออกจากปากคนอื่นเธอคงเบื่อไปแล้ว แต่นี่มันหลุดออกมาจากปากของผู้ชายคนที่เธอมีใจ ให้ฟังเท่าไรก็ไม่มีวันเบื่อเป็นแน่ แถมยังเร่งให้เลือดฝาดตรงแก้มแดงขึ้นอีกด้วย งึมงำบอกอย่างอายๆ “ขอบคุณค่ะ” พอรถเคลื่อนตัวออกไป ภีมก็บอกขึ้นใบหน้าหล่อเหลามองตรงสลับมองเธอไปด้วย “ผมขอแวะไปเอาเอกสารที่ห้องสักหน่อย ไม่รีบกลับใช่ไหม” “เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะหมอ จริงๆแล้ว หมอจอดตรงป้ายนี่ก็ได้นะคะ พิมกลับเองได้ค่ะ”  เธออึกอักบอกอย่างเกรงใจ ได้ยินคนอื่นๆในโรงพยาบาลคุยกันว่าหมอภีมทำงานหนักมาก ยี่สิบสี่ชั่วโมง บางวันทำยี่สิบชั่วโมงเลยก็มี “ดึกแบบนี้จะกลับเองได้ยังไง...ผมไม่ให้กลับหรอก” เสียงทุ้มบอกมา เจืออะไรบางอย่างในนั้นกับประโยคตอนท้ายแต่สาวน้อยอย่างพิมนาราคงไม่มีทางตามทัน ภีมขับรถไปอีกครู่ก่อนเลี้ยวเข้าคอนโดมิเนียมติดแม่น้ำเจ้าพระยา “ผมแวะห้องสักเดี๋ยวนะ พิมลงไปด้วยสิ ขึ้นไปนั่งดื่มอะไรรอผมก่อน” “คะ...อ้อ...ค่ะ ค่ะ”           เธอตอบรับอย่างเก้ๆกังๆแล้วเปิดประตูรถหรูออกมายืนแหงนมองตึกสูงแสนหรูหราเบื้องหน้า อดประหม่าไม่ได้เลยเมื่อต้องอยู่ใกล้กับคุณหมอหนุ่มนักธุรกิจคนนี้ ห้องของภีมอยู่ชั้นสิบเก้าวิวด้านนอกมองเห็นแม่น้ำพอดิบพอดี ภายในห้องกว้างขวางโอ่โถง และตกแต่งหรูหราสวยงามจนไม่กล้าเหยียบเท้าเข้าไปในนั้น กลัวจะทำให้ห้องของเขาหมองลงเพราะคนธรรมดาๆแบบเธอ “นั่งก่อนสิ ดื่มน้ำอะไรดี” เธอนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเคอะเขินค่อยตอบเขา “อะไรก็ได้ค่ะ” ภีมยิ้มก่อนเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ หยิบน้ำผลไม้รินใส่แก้วส่งให้  “ดื่มน้ำผลไม้ก็แล้วกันนะ” “ขอบคุณค่ะ”  เธอบอกเขาก่อนหลบสายตาลงอย่างประหม่าเมื่อภีมเอาแต่จ้องมองเธอไม่หลบไปไหน ไม่เห็นเขาไปทำธุระ หรือเอาเอกสารอะไรอย่างที่บอกแต่เธอไม่กล้าถามออกไปแบบนั้นแน่ “ผมบอกหรือยัง ว่าวันนี้พิมสวยมาก” ภีมชมอีกรอบพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้เธอมากยิ่งขึ้น “บอกแล้วค่ะ”  เธอตอบพร้อมหลบสายตาคม อยากตอบด้วยว่าเขาบอกเธอหลายรอบแล้ว พิมนาราค่อยๆยอมรับกับตนเองว่าชอบภีมมาก เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูดี อบอุ่น อ่อนหวาน อยู่ใกล้เขาทีไรเธอสั่งให้หัวใจหยุดเต้นโครมครามอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้สักที ภีมโน้มตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิมก่อนกระซิบคำบอก “ผมชอบ... กลิ่นแบบนี้ของพิม เชื่อไหมว่าผมไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้จากที่ไหนมาก่อนเลย” เธอปล่อยให้เขาดอมดมที่แก้มโดยไม่ปัดป้องใดใดเลยสักนิด ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่คงแดงเถือกไปหมดแล้ว ภีมเลื่อนใบหน้าของเขาออกแล้วเอ่ยชมงึมงำแต่ยังได้ยิน พร้อมกับแตะปากลงบนเปลือกตาของเธอไปพลาง “และผมยังชอบ...ดวงตาของพิมด้วยนะ”           พิมนารากลั้นลมหายใจปิดตาลง รอรับสัมผัสจากเขาโดยไม่รู้ตัว เนื้อตัวของเธอสั่นเทาเล็กน้อย หนาวร้อนสลับไปมาในร่างกายจนคล้ายจะจับไข้เสียอย่างนั้น ภีมผละออกมาเพียงนิดและเงียบไป เธอจึงเปิดเปลือกตาขึ้นมอง และเมื่อได้สบสายตาคมของเขา ภีมก็โน้มหน้าเข้ามาพร้อมกับเอ่ยขึ้น “แต่ที่ผมชอบที่สุด...คือริมฝีปากของพิม”           “คะ?…” ภีมโน้มใบหน้าลงมาปิดทับตรงบริเวณที่เขาเอ่ยปากชมเมื่อครู่ทันที ไม่ทันฟังคำของเธอให้มากความอีกต่อไป   กลีบปากสีแดงสดประทับลงมาปิดที่ปากของเธออย่างอ่อนโยน ปลายลิ้นอ่อนนุ่มอุ่นร้อนเกี่ยวกระหวัดเข้ามาอย่างช้าๆ ทว่ารุกเร้ายิ่งนัก พิมนาราสะท้านเยือกกับความรู้สึกแปลกใหม่ คล้ายหนาวเย็นเหมือนยืนอยู่บนธารน้ำแข็ง  เธอยกแขนขึ้นคล้องรอบคอเขาโดยอัตโนมัติ ซ้ำยังบดเบียดความอ่อนนุ่มของทรวงงามเข้าหาเขาราวกับต้องการซึมซับความระอุอุ่นให้กับตนเอง ท่าทางเงอะงะของเธอกลับปลุกเร้าความปรารถนาของภีมที่คอยบอกกับตนเองว่าไม่มีให้ลุกฮือทวีมากยิ่งขึ้น  เขาบดริมฝีปากหนักหน่วงพร้อมกระชับอ้อมกอดแนบแน่นชิดเชื้อจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ลมหายใจของคนทั้งคู่หอบสะท้านราวกับจะขาดอากาศอย่างไรอย่างนั้น ภีมสอดมือสัมผัสนวดผิวเนื้อเนียนสะอาดใต้เสื้อผ้าของเธอดุจปลุกเร้า โหมความต้องการให้โหมกระหน่ำมากยิ่งขึ้น เสียงครางแว่วที่ข้างหูยิ่งปลุกกำหนัดจนสุดจะทานทน  ภีมช้อนร่างบอบบางมุ่งสู่ห้องนอน วางเธอลงแล้วตามลงมาปลุกความปรารถนาให้กระหน่ำขึ้นมาอีกครั้ง  เสื้อผ้าของเธอถูกเขาปลดเปลื้องออกจนเปลือยเปล่าในที่สุด ผิวเนื้อเนียนละเอียดผุดผ่องถูกใจภีมจนต้องสัมผัสแตะผะแผ่วด้วยริมฝีปากและเล็มเลียด้วยลิ้นร้อนๆ เรียกเสียงครวญครางจากเจ้าของร่างไม่หยุดหย่อน ปลายนิ้วเขาปัดผ่านผิวเนื้ออ่อนนุ่มที่ไวต่อการสัมผัส เรียกเสียงครวญครางแว่วหวิวยิ่งฟังยิ่งชวนให้ใจสั่นอยากจัดการร่างบอบบางให้ลองรับเต็มอารมณ์ในนาทีนั้นเสียให้เสร็จสิ้น  สัมผัสจากสองเรือนกายเสียดสีทวีความปรารถนา พิมนาราเลื่อนมือขึ้นสัมผัสเขาบ้างโดยสัญชาติญาณเรียกเสียงครางแหบต่ำๆจากเขาได้ในที่สุด และการล่วงล้ำก็ค่อยๆเกิดขึ้นในนาทีถัดไป คับแน่น เสียดเสียว เร่าร้อนจนแทบทานทนไม่ไหว จังหวะการตอบรับตอบสนองของสองหญิงชายก่อเกิดความสุขกระสันต์จนแผ่ซ่านไปทั่วเรือนกายในที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD