สองวันต่อมา
ครืด ครืด ครืด…
“ค่ะ”
(แกตามสืบผู้หญิงที่ไอ้ไทมันกำลังสนใจให้ฉันหน่อยนะ)
“ค่ะ”
(อย่าให้ไอ้ไทมันรู้ตัว)
“ค่ะ”
(แล้วงานแต่งแกจะจัดแบบไหน คุยกับทางนั้นหรือยัง)
“พ่อให้คนจัดการได้เลย เดี๋ยวนิรับบทหุ่นยนต์ให้”
(ดี พูดง่าย ๆ จะได้ไม่มีปัญหา) ก็ไม่ใช่คำที่พ่อลูกควรจะคุยกันอะนะ มันควรจะมีคำที่ดีกว่านี้ แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้น เป็นเรื่องปกติไปแล้วล่ะ
ความรักน่ะเป็นยังไงกันนะ ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยสัมผัสรักจริง ๆ สักครั้ง แม้แต่แม่ฉันก็สัมผัสคำนั้นไม่เจอ พี่สาวสองคนก็ไม่เคยเห็นจะมีความรักให้ฉันรู้สึกอิจฉา
“เธอ” น้ำเสียงดังมาจากด้านหลัง มาเร็วกว่าที่เพื่อนบอกไว้อีก น่าจะขยับตัวไม่ได้สักอาทิตย์ ฉันคงสบายหูสบายตาอีกนาน
เมื่อหันไปมองแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เฟิงหวงยืนได้เพราะมีเพื่อนพยุง ขาเข้าเฝือก บริเวณแขนมีรอยช้ำรอยถลอก อย่าบอกว่าจะมาเป็นภาระฉันนะ
“มันคิดถึงนิใจจะขาด พวกเรารำคาญก็เลยหิ้วมาทิ้งไว้ที่นี่” ธีร์พูดพร้อมกับยิ้มเจื่อน ก็ชอบตามใจกันแบบนี้ไงฉันถึงได้ตกที่นั่งลำบาก
“นิไม่ดูหรอกนะ มีธุระต้องไปทำ”
“เธอโคตรใจร้าย” เฟิงมองมาที่ฉันด้วยสายตาผิดหวัง ต้องสนเหรอในเมื่อท้าทายฉันเอง ตอนนี้จะมาตัดพ้อเพื่ออะไร
“พวกเราช่วยดูแลไง” เพื่อนพูดพร้อมเพรียงกัน
“…” สามคนนี้มาแบบนี้ถ้าไม่เบื่อเฟิงมาก ๆ ก็คงจะมีแผนอะไรบางอย่าง ถึงได้คะยั้นคะยอฉันแบบนี้
“ไอ้เฟิงมันคุยกับครอบครัวแล้ว มันให้บ้านมันยืดงานแต่งออกไปเหมือนเดิม และมันก็จะเปิดขนส่งทางเรือให้ครอบครัวนิได้เดินทางสะดวก” กลัฟบอกเล่าถึงสาเหตุ แล้วฉันจำเป็นจะต้องเชื่อใจคนอย่างเฟิงหวงไหม ผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้เชื่อไม่เคยได้
“เค้ารู้เธอไม่เชื่ออะไรเค้าแล้ว แต่ฟังนะที่รักต่อไปเค้าจะไม่บังคับเธออีกแล้ว ถ้าไม่อยากแต่งเราก็ยังไม่ต้องแต่ง เดี๋ยวเค้าคุยกับครอบครัวเธอเอง” ลูกไม้ตื้น ๆ ฉันไม่ติดกับหรอก “เธอไม่เชื่อก็ตามใจเธอ เค้าเบื่อที่ต้องวิ่งตามเธอแล้วนิ คนอย่างเฟิงหวงทำไมต้องวิ่งตามคนที่ไม่รัก ในเมื่อตอนนี้เค้าได้ตัวเธอจนเบื่อแล้ว เค้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจเธออีก”
“อืม ถ้าไม่ใส่ใจก็ดี งั้นฉันไปทำธุระนะ อาจจะกลับเย็น ๆ หรือไม่ก็ค้างคืนที่อื่น” ถ้าเฟิงทำได้อย่างที่พูดก็ดี ฉันก็เบื่อที่เขาไม่รู้จักโตเหมือนกัน แต่ถ้าพูดจากความรู้สึกถ้อยคำที่เฟิงหวงพูดมาฉันไม่เชื่อสักนิด
“ไกลไหม ให้ไปเป็นเพื่อนเปล่า” ทีมถามหลังจากที่พยุงเฟิงหวงมานั่งที่โซฟา
“ร้านที่ไทมันไปตีกลอง”
“ไปทำไม” ธีร์ถามบ้าง เฟิงหวงน่ะนั่งเงียบกริบ
“คุณสมิงเขาอยากให้สืบผู้หญิงที่ไทมันสนใจ”
“ทำไมเป็นนิที่ต้องจัดการเรื่องนี้”
“ก็ใครก่อเรื่องไว้ล่ะ พี่สาวของนิถูกกักบริเวณ” แต่จะว่าไปพ่อเพิ่งจะโทรมาถามเรื่องงานแต่ง เฟิงหวงพูดจริงหรือเปล่า แล้วถ้าไม่จริงล่ะ ฉันหันมองเฟิงหวงก่อนจะพูด “เมื่อกี้พ่อยังถามเรื่องงานแต่งอยู่นะ”
“เค้ายังไม่ได้บอกครอบครัวเธอ เค้าบอกแม่ว่าเค้าจะจัดการเอง”
“อืม งั้นขอไปจัดการเรื่องไทก่อนนะ” ฉันลุกขึ้นยืนหมุนตัวไปทางห้องนอน แค่บอกคุณนายเอื้องดาวจะมีประโยชน์อะไร
“นิ” กลัฟเรียกเอาไว้ ก็เลยต้องหันไปมอง เดาเล่น ๆ คงมีอะไรแน่
“ว่า”
“ไม่มีงานแต่งก็จริง แต่ไอ้เฟิงมันอยากให้นิจดทะเบียนสมรสกับมันนะ”
“ไหนบอกไม่สนใจแล้วไง” ว่าแล้วเชียว คนอย่างเฟิงหวงน่ะเหรอจะยอมแพ้
“ก็แค่จดทะเบียนสมรสไว้เอง ทำไมอะ เมียในทะเบียนไง ต่อไปเฟิงจะมีใคร นิจะมีใครยังไง คนพวกนั้นก็พรากเราจากกันไม่ได้”
“จะบ้าตาย อะไรวะเฟิง นินึกว่าเฟิงคิดได้แล้วว่าพยายามแค่ไหนนิก็ไม่รู้สึก”
“นิจะรับข้อเสนอไหมคะที่รัก” ก็ไม่สนคำพูดฉันเช่นเคย ก็ว่าทำไมเพื่อนยิ้มเจื่อน ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ไม่”
“คิดดูให้ดีนะคะที่รัก เธอจะแต่งกับเค้า ประกาศให้คนรู้หรือเธอจะจดทะเบียนกับเค้าเงียบ ๆ ไม่ต้องจัดงาน”
“ทะเบียนสมรสจดเมื่อไหร่”
“ถ้าเธอตกลงพรุ่งนี้เลยก็ได้ เค้าพร้อมมาก”
“แต่ฉันไม่พร้อม งั้นก็จัดงานแต่งเหมือนเดิม คงยืดเวลาได้อีกสักพัก ขายังไม่หายดีนี่ คงไม่ดันทุรังแต่งทั้งอย่างนี้อะเนอะ” ฉันบิดยิ้มสมเพชแล้วเดินเข้ามาเอากระเป๋ากับกุญแจรถภายในห้อง ปล่อยให้เฟิงหวงแหกปากไม่พอใจต่อไป
ฉันยอมจัดงานแต่งประกาศให้คนรู้ดีกว่าโดนเฟิงหวงมัดมือชกแบบซึ่งหน้า นี่คงคิดมาแล้วว่าไม่หายดีง่าย ๆ ถึงได้หาทางมาหลอกล่อให้ฉันหลงกล เพราะเดินเหินไม่สะดวกจึงคิดหาทางผูกติด
เสียใจด้วยเฟิงหวง ฉันไม่พลาดอีกแล้ว
ฉันใช้เวลาในการขับรถมาร้านเหล้าที่น้องชายต่างแม่เล่นดนตรีประมาณสองเกือบสามชั่วโมง พ่อฉันมีผู้หญิงเยอะ ไข่ทิ้งเรี่ยราด ใครมาเรียกร้องก็จับตรวจดีเอ็นเอ ถ้าเป็นสายเลือดก็รับเลี้ยงดู
ทุเรศสิ้นดี
“มาทำไม” เสียงไทเกอร์น้องชายต่างแม่ ซึ่งแม่ของไทเป็นผู้หญิงที่ได้ถือครองใบทะเบียนสมรส ทั้งที่เป็นเมียคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ ขอเพียงมีลูกชายให้ก็จะได้สิทธิ์เหนือเมียคนอื่น
“…” ฉันไม่ตอบ เดินผ่านน้องชายต่างแม่เหมือนเขาไม่มีตัวตนในสายตา มาร้านเหล้าก็ต้องนั่งกินเหล้า ดื่มด่ำบรรยากาศสิ
ต้องเท้าความไปว่าฉันและพี่ ๆ ไม่ถูกชะตากับพวกเมียน้อยหรือลูกเมียน้อยทุกคน แม่สอนเรามาแบบนั้น ถ้าเห็นใจทางนั้นแม่จะบอกว่าเราไม่รักแม่ ไม่เชื่อฟังแม่ เห็นพวกนั้นดีกว่าแม่บังเกิดเกล้า พวกฉันจึงทำตามที่แม่ต้องการ พี่ ๆ ทั้งสองอาจจะไม่ชอบไทเกอร์และน้ำเหนือหรือลูกคนอื่น ๆ ทว่าฉันไม่ได้รู้สึกไม่ชอบ ซ้ำยังเห็นใจพวกเขาด้วย ไม่มีใครอยากเกิดมาแล้วโดนคนในครอบครัวเมิน
ถึงฉันจะเห็นอกเห็นใจ ยังไงซะก็ไม่คิดจะตีสนิท ไม่คิดผูกมิตร
เมื่อวงน้องชายขึ้นเล่นฉันก็ได้เห็นผู้หญิงที่พ่อบอกมาว่าไทสนใจ ก็น่ารักดี แต่คงต้องสืบดูอีกทีว่าใคร ถึงยังไงก็หวังว่าจะถอนตัวถอนใจทัน คงไม่รักกันหรอกนะ ไม่งั้นคนที่เสียใจคงไม่พ้นไทเกอร์ ส่วนคนเจ็บก็ผู้หญิงคนนั้น เจ็บมากเจ็บน้อยก็ดูอีกที
ไทมันคงคิดว่าไม่ได้อยู่บ้านใหญ่คือการเดินออกมาจากตระกูล เฮอะ ขอโทษทีเถอะคิดผิดแล้วไอ้น้อง ตราบใดที่มีเลือดคุณสมิงไหลเวียนในตัวยังไงก็หนีจากคุณสมิงไม่ได้ ยิ่งเป็นลูกชายคนแรก ก็รับความประสาทแดก ความเจ้าเล่ห์จากคุณสมิงให้ได้แล้วกัน
ฉันนั่งจนร้านปิดแล้วก็กลับ ตอนแรกก็จะขับรถกลับบ้านกลัฟ พอคิดไปคิดมาฉันรำคาญเฟิงหวงหาโรงแรมพักดีกว่า