เพลงเพียง
“เพลง!” เสียงเรียกชื่อฉันดังขึ้นทำให้ฉันหันไปมองก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนที่เรียก ก่อนจะเดินไปหาเธอ
“มานานแล้วหรอ” ฉันถามจูน เพื่อนสนิทของฉันที่กำลังนั่งเขียนงานบางอย่างอยู่ออกไป
“ใช่สิ” จูนตอบกลับออกมาด้วยสายตาเหนื่อยๆ
“ทำไมทำหน้างั้นล่ะ” ฉันถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนดูเหนื่อยๆ เบื่อๆ
“จะอะไรล่ะ ก็งานอาจารย์นงนุชเหลืออีกตั้งเยอะ” จูนตอบกลับอย่างหนักใจ
“เหลือตรงไหนบ้างล่ะ เดี๋ยวฉันช่วย” ฉันบอกออกไปก่อนจะหยิบหนังสือตัวเองออกมาเพื่อช่วยสรุปให้เพื่อนจะได้ทันเวลา
“เหลือข้อสี่กับข้อหกอ่ะ แกหาข้อหกให้หน่อยสิ” จูนพูดขึ้นเพราะวิชาอาจารย์นงนุชจะไม่เคยให้งานนักเรียนเหมือนกันเลยสักครั้ง เรียกได้ว่าเวลาแจกชีทก็เหมือนเป็นการสุ่มว่าใครจะได้อะไรเพราะหัวข้ออาจารย์จะเป็นคนคิดให้เอง
“ได้” ฉันตอบรับก่อนจะอ่านโจทย์ของจูนแล้วมาเปิดหาในหนังสือก่อนจะนั่งไฮไลน์ส่วนสำคัญไว้ให้เพื่อสะดวกต่อการเขียน
“เสร็จสักที!” เสียงของจูนดังขึ้นหลังจากนั่งเขียนงานด้วยความรวดเร็ว
“งั้นไปเรียนกันเถอะ วันนี้อาจารย์ให้ไปเรียนตึกวิศวะด้วยนี่” ฉันพูดขึ้น เพราะวันนี้อาจารย์มีการเรียนที่ต้องใช้สื่อของทางคณะวิศวะ เลยให้พวกฉันต้องไปเรียนที่นั่นจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำเรื่องขนย้ายมาที่คณะบริหารของพวกฉัน
“เออจริงด้วย ฉันยังไม่เคยได้ไปคณะนั้นเลยอ่ะ เห็นคนอื่นๆเขาว่าพี่ๆคณะนั้นหล่อมาก” แล้วจูนก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น แต่ที่พวกฉันไม่เคยไปก็ไม่แปลกหรอก เพราะพวกฉันพึ่งเข้าปีหนึ่งเอง เลยไม่มีเหตุให้ต้องไปที่คณะอื่น
“ก็คงงั้น” ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไป ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่มีความรู้สึกหรือตื่นเต้นกับผู้ชายนะ เพียงแต่ฉันไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่
“คงงั้นอะไรของแก รีบไปกันเถอะ จะได้มีเวลาเดินดูรุ่นพี่หล่อๆ เผื่อฉันจะได้แฟนสักคน” แล้วจูนก็เพ้อขึ้นมาก่อนจะรีบเก็บของ ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ทำหน้าเหนื่อยเหมือนกับแบกโลกไว้ทั้งใบจนฉันอดส่ายหน้าให้กับเพื่อนตัวเองไม่ได้
ฉันกับจูนเก็บของลงกระเป๋าก่อนจะเดินไปยังคณะวิศวะที่ไม่คุ้นเคย และทันทีที่ก้าวเข้ามาในคณะฉันยอมรับเลยว่าฉันเกร็งมาก เพราะมันมีผู้ชายถึงแปดสิบเปอร์เซ็นเลยด้วยซ้ำ แล้วพวกเขาก็มองมายังพวกฉันเหมือนกับเป็นตัวแปลกปลอมที่หลงเข้ามาในคณะเขายังไงก็ไม่รู้
“ไปไหนกันครับน้อง ให้พี่ไปส่งไหม” แล้วเสียงของพวกผู้ชายบางกลุ่มก็ดังขึ้น ดีที่ตอนนี้มันไม่ได้มีแค่ฉันกับจูน แต่ยังมีเพื่อนกลุ่มอื่นๆที่เดินนำไปบ้าง เดินตามมาบ้าง เลยทำให้ไม่กลัวเท่าไหร่เพราะยิ่งคนเยอะก็ยิ่งเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกฉันได้มากเท่านั้น
“หน้ากลัวมากเลย” ทันทีที่หลุดมาถึงห้องเรียนฉันก็พูดกับจูนออกไปทันที ที่ว่าหน้ากลัวไม่ได้หมายถึงหน้าตาหรอกนะ แต่ฉันหมายถึงการจู่โจมและการเอ่ยแซวของพวกเขา
คือฉันก็ไม่เข้าใจผู้ชายหลายๆคนที่ชอบนั่งอยู่เป็นกลุ่มใหญ่แล้วเอ่ยแซวผู้หญิงที่เห็นด้วยเสียงดังและเสียงหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องสนุกแบบนี้จริงๆ มันไม่ได้ทำให้ผู้หญิงอย่างฉันและผู้หญิงหลายๆคนสนใจเลย แต่มันกลับลดความน่าสนใจของผู้ชายพวกนั้นลงไปแทน
แต่ช่างเถอะ แค่พวกเขาไม่ยุ่งกับฉันตรงๆก็ดีแล้ว อย่างน้อยครั้งนี้พวกเขาก็แซวกันรวมๆ และฉันคิดว่าคงไม่ต้องเจอกับอะไรแบบนี้อีก
“นั่นดิ เล่นเอาฉันเกร็งจนปวดฉี่ไปหมดเลย” จูนพูดขึ้นอย่างเห็นด้วย
“งั้นไปห้องน้ำไหม ฉันไม่อยากลุกไปตอนอาจารย์สอน” ฉันเสนอขึ้น เพราะฉันเองก็ปวดนิดๆเหมือนกัน
“อืม” แล้วฉันกับจูนก็เดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากห้องที่ฉันเรียนทันที
เพลงเพียง หรือเพลง หญิงสาวผู้อ่อนหวาน อ่อนโยน แต่ข้อเสียของเธอ เธอไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกินไป จนเธอต้องเจ็บเพราะความดีของเธอ
ม่านหมอก
ปึก! จังหวะที่ผมกับเพื่อนเดินผ่านทางเลี้ยวเข้าห้องน้ำ อยู่ๆก็มีใครบางคนเดินออกมาชนผมอย่างจัง
“ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ” เสียงผู้หญิงตรงหน้าดังขึ้นพร้อมกับก้มหัวเป็นการขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร” ผมตอบกลับไปพร้อมกับมองเธออย่างไม่ได้ใส่ใจ
“ขอโทษอีกครั้งนะคะ” แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมาขอโทษอีกครั้งด้วยสีหน้ารู้สึกผิดมาก
แต่พอผมได้เห็นหน้าเธอเท่านั้นแหละ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตผมมันก็ไหลเข้าหัวผมทันที ผู้หญิงตรงหน้าที่ผมจำได้ขึ้นใจ และไม่คิดว่าจะได้เจอเธอเร็วขนาดนี้
“ไอ้หมอก น้องเขาขอโทษแล้ว จ้องเหมือนกับจะกินเลือดน้องเลยวะ” แล้วเสียงฮันเตอร์ก็ดังเรียกสติผม ทำให้ผมปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติ
“น้องเรียนคณะนี้หรอ พี่ไม่เคยเห็นหน้า” ผมถามเธอออกไปอย่างที่คิดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเป็นปกติ
“ปละ...เปล่าค่ะ หนูเรียนบริหาร แต่อาจารย์ต้องใช้สื่อของคณะนี้เลยให้มาเรียนที่นี่” เธอตอบด้วยท่าทีเกร็งๆและสายตาที่จ้องมองผมอย่างกลัวๆออกมา
“อ๋อ” อย่างน้อยผมก็รู้แล้วว่าเธอเรียนที่นี่ และเรียนคณะอะไร
“งะ...งั้น หนูขอตัวก่อนนะคะ แล้วก็ขอโทษอีกครั้งนะคะ” เธอพูดขึ้นด้วยความกลัวก่อนจะรีบดึงมือเพื่อนเธอเดินออกไปทันที ผมได้แต่มองตามหลังเธอไปด้วยความคิดบางอย่าง
“มองขนาดนั้นคือสนใจ?” ไอ้โชน เพื่อนอีกคนของผมถามขึ้น
“คงงั้น” ผมตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจอะไรก่อนจะเดินนำมันไปยังที่ที่ผมต้องการจะไปก่อนหน้านี้
ส่วนที่พวกเพื่อนผมมันถามออกมาแบบนี้ไม่ใช่ว่ามันไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านผมตอนนี้นะ เพียงแต่มันยังไม่เคยรู้เห็นหน้าของผู้หญิงตัวต้นเหตุต่างหาก
ม่านหมอก หรือหมอก ชายหนุ่มที่ภายนอกน่าเข้าหาและจริงใจ แต่เขาไม่มีทางให้ใครล่วงรู้ความคิดของเขาได้ นอกจากเขาจะบอกมันด้วยตัวเอง จนบางครั้งมันก็เป็นสิ่งที่ทำร้ายคนอื่นได้อย่างแสนสาหัส