คู่หนุ่มสาวถูกบังคับให้ไปจดทะเบียนสมรสที่อำเภอและถ่ายรูปมาเป็นหลักฐาน แต่นั่นก็ยังไม่น่าหนักใจเท่ากับที่เธอต้องย้ายไปอยู่กับเขาด้วยนี่สิ
แบบนี้มันเกินไปแล้วนะ…รินลณีย่นคิ้วบ่นในใจ
“พี่พัฒน์ ไม่ต้องให้น้องย้ายไปอยู่กับพี่ก็ได้ เราแค่แต่งกันในนามเอง”
“อ๋อได้ เดี๋ยวพี่บอกพ่อกับแม่เราก่อนนะ หรือน้องอยากบอกเอง” ระพีพัฒน์เลิกคิ้วถาม
“กวนตีน” รินลณีพึมพำ
“อะไรนะ”
“เปล่าค่ะ น้องแค่เกรงใจกลัวพี่พัฒน์อึดอัด” ก็เขาเป็นเกย์ไง แล้วจะไม่เกลียดชะนีแบบเธอรึ ซึ่งในความคิดเธอ แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาต้องเกลียดชะนีแบบเธอ โดยเฉพาะชะนีที่เคยเป็นแฟนเก่าของคู่ขาตัวเอง
“ถ้าอึดอัดแล้วจะบอก” เขาตอบเสียงเรียบ
“ค่ะ” รินลณีไม่กล้าพูดต่อ เพราะโดยปกติระพีพัฒน์เป็นคนดุอยู่แล้ว ใครจะกล้าต่อปากต่อคำกับเขาล่ะ
หลังจากจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อย พี่พัฒน์ก็พาเธอมาเก็บข้าวของย้ายไปอยู่ด้วยกัน
ห้องนอนเขาที่เธอเพิ่งเคยเข้ามาครั้งที่สอง ครั้งแรกคือตอนถ่ายรูปเมื่อวันก่อน ห้องนอนสีน้ำเงินเข้มไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นเก้งกวางเลย รินลณีเดินดูรอบ ๆ หัวเตียงมีรูปครอบครัวของเขาตั้งอยู่ และอีกรูปเมื่อตอนเด็ก ๆ มีเธอ ณิกา ภพ และพี่พัฒน์ ตอนนั้นบ้านเธอเพิ่งย้ายมาอยู่ข้างบ้านเขา และถ่ายหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน ซึ่งเป็นวันเกิดของรณภพ น้องชายของเธอเอง เด็กทั้งสี่ยิ้มให้กล้อง กาลเวลาทำให้เธอหลงลืมเรื่องราวในอดีตซึ่งผ่านมานานมากแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขายังคงเก็บรูปนี้ไว้
“ตู้เสื้อผ้าฝั่งซ้ายของน้องนะ พี่ย้ายของพี่มาอยู่ฝั่งขวาหมดแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น เขาเพิ่งเดินออกมาจากห้องแต่งตัวซึ่งถัดไปเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่
“ค่ะ”
“เดี๋ยวพี่ต้องเข้าโรงพยาบาล น่าจะกลับมาตอนเย็น ๆ”
“ค่ะ”
“เอ้อ น้อง”
“คะ”
“เฮีย...อยากให้น้องเรียกว่า เฮีย”
“คะ...?”
“ต่อไปเรียกเฮียนะ”
รินลณีขมวดคิ้ว ทำไมต้องอยากให้เรียกว่าเฮีย แต่เธอก็ยอมเรียกตามเขาขอ
“ค่ะ เฮียพัฒน์”
จากนั้นเขาก็ยิ้มหวานให้เธอ นี่ใช่ไหมอานุภาพของเดือนมหาวิทยาลัย ความหล่อระดับทำลายล้าง แล้วรอยยิ้มนั่นอีก
บ้าน่า...อย่าเชียวนะยัยรินณี หล่อนเพิ่งโดนเก้งหักอกมาได้แค่อาทิตย์เดียว จะมาตกหลุมเก้งคู่ขาแฟนเก่าอีกไม่ได้นะ รินลณีได้แต่บ่นในใจ เธอจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือพวกเขาอีกแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอ อย่ามาสร้างรอยด่างพร้อยในชีวิตมากกว่านี้เลย...เธอสั่งใจตัวเองว่าห้ามรัก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ห้ามรักคนอย่างเขาเด็ดขาด
“เฮียไปก่อนนะ มีอะไรก็โทร.หาเฮียแล้วกัน” หลังจากระพีพัฒน์เดินออกจากห้องไป หญิงสาวก็ทรุดนั่งลงบนเตียง เฮ้อ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน จู่ ๆ เธอก็บังเอิญได้ผัวตัวเป็น ๆ มาเฉยเลย
“รินณี” เสียงทักทายจากภัคณิกาดังขึ้นก่อนที่เพื่อนสาวจะยื่นหน้าเข้ามาในห้องนอนของเธอกับเขา
“ว่าไง” ผู้ถูกเรียกหันไปตามเสียง
“เออ หรือฉันต้องเรียกแกว่า พี่สะใภ้ หรือ อาซ้อดี” ภัคณิกาทำหน้าล้อเลียนเพื่อน เพราะเธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่พูดอะไร เพราะพี่ชายสั่งห้ามไว้
“ไม่ต้องเลย ยัยอีกา” รินลณีเหยียดมุมปากขึ้น
“ณิกาย่ะ เรียกให้มันถูกหน่อย” ภัคณิกายู่หน้าโมโหใส่เพื่อน ทั้งสองโตมาด้วยกันตั้งแต่อายุสิบขวบ สนิทกันตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน ภัคณิกานั้นมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดงละครเวที ส่วนรินลณีใฝ่ฝันอยากมีบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เธออยากสร้างถนนดี ๆ ที่ไม่ต้องซ่อมแล้วซ่อมอีกเหมือนทุกวันนี้
“นี่แกมอมเหล้าเพื่อเคลมพี่ฉันเหรอ” ภัคณิกาต่อว่า แต่เสียงเย้าแหย่ชัดเจน
“เปล่า” รินลณีรีบปฏิเสธ
“อย่ามาเนียน” ภัคณิกาชี้นิ้วใส่หน้าเพื่อน
“มันเป็นอุบัติเหตุ” รินลณีลากเสียงย้ำ
“อุบัติเหตุมาก ห้องเฮียอยู่ชั้นสอง แกเมาจนเข้าห้องเขาเลยนะ”
“ยุ่ง”
“จ้า อาซ้อ ไม่ยุ่งก็ได้ แต่ก็ดีเหมือนกัน แกจะได้ลืมไอ้พี่วินเร็ว ๆ”
“หึ” ฉันทำได้แค่ส่งเสียงในลำคอ คงจะลืมหรอกนะ ไม่รู้เหรอว่าทุกครั้งที่มองหน้าระพีพัฒน์ เธอก็เหมือนเห็นหน้านาวินและภาพที่พวกเขาจูบกัน
“ตกลงแกจะบอกฉันได้หรือยังว่าคู่ขาไอ้พี่วินคือใคร”
รินลณีจะบอกได้อย่างไรว่าคู่ขาแฟนเก่าของเธอก็คือสามีตีทะเบียนคนปัจจุบันของเธอนี่ไง
“ช่างมันเถอะ แกไม่ต้องรู้หรอก ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีก”
“อือ ตามใจแกก็แล้วกัน” ภัคณิกาก็ไม่ได้รบเร้า เพราะถ้าเพื่อนอยากบอกก็คงจะบอกเอง
“เฮียพัฒน์ไปโรงพยาบาลทุกวันเลยเหรอ”
“อุ๊ย...อุ๊ย...พอได้กันแล้วสรรพนามเปลี่ยนเลยนะ ก็เกือบทุกวัน เขามีตารางงานสัปดาห์หนึ่งหยุดสองวัน”
รินลณีค้อนเพื่อนด้วยหางตา ได้เด้ยอะไรกัน ยังไม่ทันจะได้อะไรเลย
“ไม่ต้องมาแซวได้ไหม เฮียเขาอยากให้เรียกอะ แล้วเข้ามามีอะไร อย่าบอกนะว่ามาแซวอย่างเดียว”
“เปล่า จะบอกว่าปิดเทอมฉันจะไปบ้านย่าที่เชียงใหม่ ส่วนแกอยู่นี่ดูแลผัวแกด้วย นี่คือรายการอาหารที่พี่พัฒน์ชอบ แล้วแกก็ห้ามใส่ผงชูรส เพราะพี่พัฒน์ไม่กินชูรส เขาไม่ชอบกินข้าวนอกบ้านด้วยนะ เพราะงั้นแกไม่ต้องสั่งจากข้างนอกมา ต้องทำเอง” ภัคณิกายื่นแผ่นกระดาษใบเล็กให้รินลณี
“หา! อะไรนะ ฉันไม่ชอบทำกับข้าว แกก็รู้”
“แต่แกทำอร่อย” ภัคณิการู้ดีกว่ารินลณีไม่ชอบทำอาหาร แต่น่าแปลกที่กลับทำกับข้าวอร่อย ถึงขั้นอร่อยมาก อย่างนี้ละมั้งที่เรียกว่าพรสวรรค์
“แต่ฉันไม่ชอบทำ ทำไมแกไม่อยู่นี่แล้วทำให้พี่ชายกิน” รินลณีเบ้หน้า
“ใช่พี่ชายฉัน แต่ตอนนี้เป็นผัวแก เมียก็ควรดูแลผัว”
“ไม่รู้แล้ว ฉันไปละ” ภัคณิกาเดินออกจากห้องไปไม่แยแส ทิ้งคนที่เพิ่งมีผัวและต้องดูแลผัวยืนงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนเธอก็อยากเอาเวลาไปหาผัวของตัวเองบ้าง
รินลณีเริ่มอึ้งกับการต้องอยู่กันสองต่อสอง แถมยังต้องทำกับข้าวให้สามีตีทะเบียนของเธออีก อะไรเนี่ย...ปิดเทอมแทนที่จะได้ไปเที่ยวพักผ่อน เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว แล้วทริปเที่ยวทะเลของเธอล่ะ
ติ๊ง!...เสียงข้อความเข้า ทำให้หญิงสาวหันไปมองมือถือ
‘มาหาเฮียที่โรงพยาบาลตอนบ่ายโมง’
“นี่คือคำสั่งใช่ไหม หมั่นไส้!” เธอบ่นกับโทรศัพท์ แต่สติกเกอร์ที่ส่งกลับไปเป็นรูปคนชูสัญลักษณ์ว่า ‘โอเค’