บทที่ 2 ตระกูลเพมเบอร์ตัน สูญเสียโจลีนผู้เป็นที่รัก
“พี่โจชัว ทำใจเถอะครับ โจลีนไปสบายแล้ว อย่าทำให้เธอต้องเป็นห่วงสิ”
เสียงของโจฮัน ลูกชายคนกลางของตระกูลเพมเบอร์ตันพูดปลอบใจผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งพึ่งสูญเสียน้องสาวคนเล็กไปอย่างกะทันหันเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
“...!”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาไม่พูดอะไร เพราะยังรับความจริงไม่ได้ เขาเป็นคนที่รักน้องสาวมาก ใช้ชีวิตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ภาพความทรงจำในหัวนั้นก็ผุดเข้ามาอย่างไม่จบไม่สิ้นอยู่แล้ว
“พี่จะยืนอยู่ที่นี่นานไหม ผมกลัวนะเนี่ย”
โจฮันพูดเสียงหลง พลางยกมือหนามาลูบต้นแขนเบา ๆ เขาอยู่เมืองนอกมาตั้งแต่เด็ก แต่เรื่องลี้ลับแบบนี้ยังหวาดกลัวอยู่ดี เพราะตอนเด็ก ๆ แม่นมมักจะเล่าเรื่องผีให้ฟังอยู่เสมอ
จนตอนนี้เป็นเวลาใกล้พลบค่ำแล้ว พระอาทิตย์เริ่มจะลาลับขอบฟ้าไป ทว่าโจชัวยังคงยืนจ้องมองหลุมศพของน้องสาวอยู่ที่เดิมไม่คิดจะขยับไปไหน
“ไปเถอะพี่ มันจะค่ำแล้ว วันนี้ก็เสร็จพิธีแล้วด้วย ค่อยกลับมาเยี่ยมใหม่ ถึงยังไงโจลีนก็อยู่ที่นี่”
ผู้เป็นน้องชายพยายามพูดปลอบใจพี่ชายของตัวเอง โดยแววตายังคงมีความขี้เล่นอยู่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เสียใจแต่ โจฮันเสียใจพอ ๆ กับโจชัวเพียงแค่ไม่แสดงออกมาแค่นั้น หากมัวแต่เสียใจน้องสาวจะจากไปอย่างสงบได้อย่างไร
“แกมันไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก พึ่งกลับมาเอาป่านนี้ จะไปเข้าใจความรู้สึกได้ยังไง”
โจชัวหันมาค้อนใส่น้องชาย เมื่อเห็นว่าน้องชายยังคงไม่เปลี่ยนนิสัยที่ติดเล่น แม้กระทั่งงานศพของน้องสาว ก็ยังหัวเราะได้ปกติ
“เฮ้อ ไม่ใช่อย่างนั้น พี่จำคำพูดของโจลีนได้ไหมตอนเด็ก”
โจฮันพูดพลางส่ายหน้าเบา ๆ เขาเอือมระอากับพี่ชายที่เสียใจ แล้วจมปรักอยู่กับมัน จนชายหนุ่มเองต้องหยิบเรื่องราวตอนเป็นเด็กขึ้นมาพูดบ้าง เผื่อว่าคนตรงหน้าจะเริ่มได้สติ
ส่วนโจชัวที่ได้ยินก็ปั้นหน้านิ่ง ยืนนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้ง เพียงชั่วพริบตาเขาก็พูดขึ้นมาว่า
“แกกลับไปก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”
“โถ พี่ถ้าผมกลับไปก่อนคุณแม่ก็ด่าผมน่ะสิ ว่าทำไมถึงไม่พาพี่กลับมาด้วย”
“เดี๋ยวฉันอธิบายเอง แม่จะได้ไม่ว่าแก”
“แต่...”
“จะไปไม่ไป บอกจะกลับเดี๋ยวกลับเอง”
ผู้เป็นพี่พูดเสียงเรียบ แต่แฝงด้วยความเยือกเย็น ทำให้โจฮันเงียบไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นค่อย ๆ เดินจากไปอย่างเงียบ ๆ
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง
เวลา 18.30 น.
จนพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามาแทน บรรยากาศโดยรอบเริ่มลดลง พร้อมกับเสียงลมพัดเริ่มแรงขึ้น
เรื่อย ๆ เนื่องจากพายุเข้า
ที่ตั้งหลุมศพของผู้เป็นน้องสาว ได้ถูกนำมาฝังรวมกับบรรพบุรุษของตระกูล โดยด้านข้างจะเป็นหลุมศพของผู้เป็นพ่อที่ถูกลอบยิงจนเสียชีวิตในขณะที่ไปดูงานต่างจังหวัด สาเหตุมาจากความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ
ซึ่งในขณะนั้นเอง โจชัวก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ผู้เป็นพ่อบอกให้หลบอยู่ใต้เตียง จากนั้นเดินออกไปข้างนอกก็ถูกลูกกระสุนปืนกระหน่ำยิงจนเสียชีวิตคาที ส่วนเขารอดมาได้เพราะมีเด็กผู้หญิงต่างจังหวัดคนหนึ่งหน้าตามอมแมม ยกมือขึ้นมาปิดปากเขาเอาไว้ และพาไปหลบยังที่ปลอดภัย
ในตอนนั้นก่อนที่พ่อของเขาจะออกไปได้ฝากฝังไว้ให้เขาดูแลน้องสาวให้ดี แต่มาวันนี้ไม่อาจทำตามสัญญาได้ อีกทั้งยังตามหาเด็กผู้หญิงที่ช่วยชีวิตเอาไว้ไม่เจออีก จนตอนนี้เขากลายเป็นผู้ชายที่ล้มเหลวด้านความรักมากที่สุด ในขณะที่การงานมันรุ่งเรืองจนขึ้นเป็นบริษัทส่งออกเครื่องเทศอันดับหนึ่งของประเทศ
~ซ่าส์ ซ่าส์~
เสียงฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักจนทำให้แทบมองไม่เห็นวิสัยทัศน์โดยรอบ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงโปร่งรู้สึกรู้สาขยับเขยื้อนร่างกายไปไหน
เขายังคงยืนอยู่หน้าหลุมศพของน้องสาวในชุดสูทสีดำเข้ม ขณะนี้มันปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย
~ครืด ครืด~~
เสียงโทรศัพท์มือถือราคาแพงกำลังสั่นอยู่ภายใต้กระเป๋ากางเกงสีดำเข้ม ในขณะที่โจชัวยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน เป็นเวลาไม่ถึงนาทีมือหนาของเขาก็ล้วงลงไปในกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หน้าจอโชว์หราว่าเป็นชื่อของเลขาคนสนิท
เมื่อเห็นว่าผู้ที่โทรมาคือใคร เขาก็ไม่ได้กดรับสายในทันที สายตาอันคมกริบเริ่มมองหาที่หลบฝนรอบ ๆ ทว่ากลับไม่พบ ชายหนุ่มจึงพาร่างสูงโปร่งเดินไปที่รถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูคันหรูซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะพาร่างเข้าไป จากนั้นค่อยกดรับสาย
"ว่า"
คนตัวสูงพูดเสียงห้วน เร่งให้ต้นเสียงพูดเข้าประเด็น
[ครับ คุณโจชัว ผมสืบทราบตัวคนทำแล้วครับ]
“ใคร!!!”
โจชัวเค้นถามเสียงเข้มทำเอาลูกน้องคนสนิทรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
[คนที่ขับรถยนต์คันสีดำคนขับเป็นผู้หญิงครับ แต่คนที่ถูกดำเนินคดีเป็นผู้ชาย]
“นี่หมายความว่าคนที่ติดคุกไปคือแพะรับบาปอย่างนั้นใช่ไหม” “นี่”
[ครับ]
“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร!!”
ชายหนุ่มถามย้ำ น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวอย่างควบคุมอารมณ์เอาไว้แทบไม่อยู่
[ตอนนี้ผมได้ยินมาว่า เธอคือลูกสาวคนโตของตระกูลไพศาลครับ ซึ่งตอนนี้กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่ ยังไม่ทราบอาการ]
“อย่างนั้นเหรอ...”
โจชัวถามยืนยันอีกครั้ง พร้อมกับกำลังประมวลผลอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งตระกูลไพศาลเป็นตระกูลที่รวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งเทียบเท่าได้ระดับเดียวกันกับตระกูลของเขา หากตอนนี้จะใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือแก้แค้นคงไม่มีผลดีสักเท่าไหร่ เนื่องจากอีกฝั่งก็เป็นตระกูลที่มีอิทธิพลเช่นกัน
ถ้าจะแก้แค้นให้โจลีนคงต้องรอโอกาสที่เหมาะสม และคิดแผนอย่างรอบคอบ
[ครับ จะเอายังไงต่อดีครับ]
“รอดูอาการ ถ้ารอดฉันจะแก้แค้นให้โจลีน ถ้าไม่รอดก็ถือว่าชีวิตแลกด้วยชีวิต”
[ครับ ให้ผมกลับไปบริษัทไหมครับ]
ลูกน้องคนสนิทถามผู้เป็นเจ้านาย แม้จะเป็นเวลาเลิกงานแล้ว แต่ช่วงเวลานี้เจ้านายของเขายังสภาพจิตใจไม่พร้อมทำงาน เผื่อเขาจะช่วยเหลืองานบางอย่างให้เบาลงได้ นั่นคือสิ่งที่ลูกน้องคนนี้ทำมาโดยตลอด
“ไม่ต้อง กลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยมา แล้วติดตามเรื่องนี้ต่ออย่าให้เงียบ”
[รับทราบครับ]
บรืนน..เอี๊ยดด..
เสียงรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูคันหรู ได้ขับเข้ามาจอดในบริเวณบ้านของตระกูลเพมเบอร์ตัน เพียงชั่วพริบตาก็มีเจ้าของร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากรถคันหรูด้วยสภาพที่เปียกโชก
“นายน้อยคะ ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ รีบเข้ามาค่ะ มาอาบน้ำเปลี่ยนชุดค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
เสียงแม่นมวัย 55 ปี พูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ รีบปรี่เข้าไปหาโจชัว อีกทั้งเข้าไปประคองคนตัวสูงที่สภาพค่อนข้างอิดโรย
“โจลีน...”
“ค่ะ แม่นมเข้าใจค่ะ คุณหนูโจลีนไปสวรรค์แล้ว ทำใจเถอะนะคะ”
“โจลีน...น้องของผม...”
โจชัวพูดเสียงสั่น เขากำลังอยู่ในอาการเพ้อ พูดแค่ประโยคเดิม
ซ้ำ ๆ จนแม่นมต้องให้คนช่วยลากตัวชายหนุ่มเข้าไปในบ้าน
หลังใหญ่
ตุ้บ!
หลังจากที่โจชัวเปลี่ยนเสื้อผ้ามาอยู่ในชุดนอนสีกรมเนื้อผ้าซาติน เขาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดท่า นั่นเป็นเพราะฤทธิ์ไข้ทำให้เขาตัวร้อน แถมยังอยู่ในอาการเพ้อหาผู้เป็นน้องสาวไม่หาย
30 นาทีผ่านไป
“พี่โจชัวหลับไปแล้วใช่ไหมครับ”
เสียงของโจฮันถามแม่นมของโจชัวด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวล แววตายังพะว้าพะวงมองเข้าไปในห้องอย่างมันห่วง ทว่าไม่กล้าเดินเข้าไป
“ค่ะ คุณโจฮัน หลับไปเพราะไข้และเหนื่อยค่ะ”
“ครับ แล้วคุณแม่ไปไหนครับ ทำไมผมกลับมาบ้านถึงไม่เห็นเลย”
“คุณหญิงคงจะกลับไปต่างประเทศแล้วค่ะ เห็นว่ามีงานด่วน ฝากให้แม่นมดูแลคุณโจชัวกับคุณโจฮันค่ะ”
“ครับผม แม่นมไปดูแลพี่โจฮันเถอะครับ ผมไม่เป็นอะไรจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย ไม่ได้กลับไทยมานานแล้ว”
“ค่ะ”
แม่นมโค้งศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบาง ๆ ให้โจฮัน แล้วคิดในใจอย่างเงียบ ๆ โจชัวเป็นคนที่ดูจะเข้มแข็งที่สุดกลับอ่อนแอที่สุด โจฮันคนที่ดูเหมือนจะอ่อนแอที่สุดกลับเข้มแข็งที่สุดในเวลานี้ ทว่าหญิงวัย 55 ปี เลี้ยงทั้งสองคนมาเองกับมือ ย่อมรู้ดีว่าชายทั้งสองคงจะเจ็บไม่น้อยไปกว่ากันที่สูญเสียคนในครอบครัวไปอย่างกะทันหัน