ตอนที่ 4 พี่ชาย?

2242 Words
ณดลนั่งมองฟางข้าวเพลิน จนพนักงานเดินเข้ามาส่งเมนูให้ และเตรียมจดออเดอร์ เขาถึงรู้สึกตัว “ข้าวอยากทานอะไรสั่งเลย” ณดลบอกฟางข้าวพลางส่งเมนูจากพนักงานให้เธอ “ดลสั่งเลย เราไม่มีอะไรที่อยากทานเป็นพิเศษน่ะ” ฟางข้าวดันเมนูตรงหน้ากลับคืนให้ณดล เขาเลิกคิ้วแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะหยิบเมนูมาสั่ง 4-5 รายการ แล้วส่งเมนูคืนให้พนักงานไป ณดลนั่งมองฟางข้าวเงียบๆ เขาค่อนข้างแปลกใจ ที่เธออยู่ง่ายทานง่ายแบบนี้ ฟางข้าวมีบุคลิกที่ดูบอบบาง เขาคิดว่าเธอจะเรื่องมาก เรื่องเยอะเหมือนพวกผู้หญิงคนอื่นเสียอีก ไม่นานนัก อาหารที่สั่งไปก็ทยอยมาเสิร์ฟ ณดลกับฟางข้าวนั่งทานอาหารพลางพูดคุยสัพเพเหระไป หลังจากนั้นเขาก็ไปส่งฟางข้าวที่บ้านของเธอ และขับรถกลับคอนโดไป “ทำไมวันนี้คุณแม่กลับมาเร็วจังล่ะคะ” หลังจากเข้ามาในบ้านแล้วพบมารดาของเธอนั่งรออยู่ เธอจึงทักท่านด้วยความแปลกใจ “งานมีปัญหาน่ะสิ พรุ่งนี้แม่ต้องไปฝรั่งเศส น่าจะประมาณอาทิตย์กว่าเลย” มารดาของเธอตอบพลางถอนหายใจหนักๆ “ไปเถอะค่ะแม่ ข้าวอยู่ได้” เธอยิ้มให้มารดาสบายใจ “แม่เป็นห่วงข้าวจังเลย แม่รู้สึกว่ารอบนี้แม่อาจจะไปนาน” ปลายฝนบอกบุตรสาวด้วยความไม่สบายใจ เธอสังหรณ์ว่าการไปทำงานของเธอครั้งนี้ จะทำให้อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป “ไม่เห็นเป็นอะไรนี่คะ ในบ้านเราอยู่กันตั้งหลายคน ข้าวอยู่ได้ค่ะ” ฟางข้าวบอกกับมารดาเสียงร่าเริง เพื่อให้มารดาสบายใจ ฟางข้าวต้องใช้เวลาพักใหญ่ๆ ในการปลอบมารดาของเธอ ท่านจะได้ไปทำงานอย่างสบายใจ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เธอใช้เวลาอยู่กับมารดานานพอสมควร ก่อนที่ท่านจะบอกให้เธอไปพักผ่อน เพราะท่านเองก็ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวเดินทางในวันพรุ่งนี้เช่นกัน “คุณแม่ไม่ลืมอะไรใช่มั้ยคะ” ฟางข้าวถามมารดา ระหว่างที่กำลังรอส่งมารดาของเธอขึ้นเครื่อง “ไม่ลืมแน่นอน ข้าวดูแลตัวเองดีๆ นะลูก แม่โทรบอกให้พี่เฟรมมาอยู่เป็นเพื่อนข้าวที่บ้านแล้ว คงจะมาถึงบ่ายๆ” ฟางข้าวพยักหน้ารับ ‘เฟรม’ หรือ วัชระ เป็นญาติผู้พี่ของฟางข้าว คุณพ่อของเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของปลายฝน มารดาของฟางข้าว เขาอายุมากกว่าเธอ 5 ปี แต่ความต่างทางอายุไม่ได้ทำให้เธอห่างเหินกับญาติผู้พี่เลย ในทางกลับกัน เธอกลับสนิทกับเขาในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ตอนเด็กๆ เธอติดเขามาก จนมารดาต้องพาไปหาเขาทุกปิดเทอม จนคุณลุงของเธอต้องจัดห้องนอนไว้ให้เธอที่บ้านของท่าน จนเธอเข้ามหาวิทยาลัย ก็ยังนัดเจอกันบ่อยๆ “ใกล้เวลาแล้ว ไปเถอะค่ะคุณแม่” ฟางข้าวบอกมารดาหลังจากก้มดูนาฬิกาข้อมือ “แม่ไปนะ ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ ติดต่อแม่เรื่อยๆ นะ” ปลายฝนสั่งบุตรสาวก่อนจะเดินไป “เดินทางปลอดภัยค่ะ” เธอยืนส่งจนมารดาเดินลับสายตาไป เธอถึงจะโทรหาอำนวยให้มารับเธอ หลังจากได้ขึ้นรถ ฟางข้าวที่ยังไม่ทันได้เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า ได้กดโทรออกหาใครบางคน ก่อนจะยิ้มอย่างดีใจเมื่อปลายสายส่งเสียงใจดีมาให้เธอ “ว่าไงครับตัวแสบ พร้อมเจอพี่หรือยัง” “พร้อมสุดๆ เลยค่ะ พี่เฟรมอยู่ไหนคะ” “กำลังไปบ้านเรานั่นล่ะ อีกประมาณชั่วโมงน่าจะถึง” “งั้นพี่น่าจะถึงก่อนข้าวนะคะเนี่ย ข้าวเพิ่งออกจากสนามบินเองค่ะ” “งั้นเจอกันที่บ้านเลยนะ พี่ขับรถก่อน” “รับทราบค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ” ฟางข้าวจบบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม หลังจากผ่านการเดินทางที่แสนจะน่าหงุดหงิด ทั้งรถติด ทั้งฝนตก ในที่สุดฟางข้าวก็กลับมาถึงบ้าน เธอรีบเข้าบ้านด้วยรอยยิ้ม และรอยยิ้มของเธอก็ไม่สูญเปล่า หลังจากที่เธอเดินพ้นประตู ก็เห็นว่าพี่ชายของกำลังยืนกางแขนรอเธออยู่ด้วยรอยยิ้ม เธอโผเข้าไปกอดเขาด้วยความคิดถึง ก่อนจะพากันเดินเข้าไปด้านใน “พี่มาถึงนานหรือยังคะ” ฟางข้าวถามเขาระหว่างเดินเข้าไปในห้องนั่นเล่นด้านใน “ถึงก่อนเราพักเดียวเอง เปียกฝนมั้ยเนี่ย” ชายหนุ่มถามเธอพลางลูบศีรษะเธอ สำรวจว่าเธอเปียกฝนหรือไม่ “ไม่เปียกค่ะ ข้าวจะเปียกฝนได้ยังไงล่ะคะ ข้าวอยู่บนรถนะคะ” เธอบอกเขาก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ก็เรามันตัวแสบ ชอบแอบหนีไปเล่นตากฝนเวลาฝนตก” เขาแซวฟางข้าว ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “พี่เฟรม เรื่องนี้มันเก่าแล้วค่ะ พี่แซวข้าวมาเป็น 10 ปีแล้วนะคะ” เธอแกล้งทำหน้ามุ่ยใส่เขา เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะดึงแก้มเธอด้วยความมันเขี้ยว “ไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ ข้าวหิวละ” เธอบอกเขาแล้วลุกขึ้น ดึงแขนเขาเดินเข้าห้องรับประทานอาหารไป “เรื่องกินเรื่องใหญ่จริงนะเรา” “พี่เฟรม…” “พี่ล้อเล่นน่า ไปกินข้าวกัน” เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดันหลังให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ หลังจากเขาขยับมันให้เธอ “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มหวานให้เขาก่อนจะนั่งลง ระหว่างทานอาหารมื้อเย็น ฟางข้าวพูดคุยกับพี่ชายของเธออย่างสนุกสนาน เธอไม่ได้มีเพื่อนทานอาหารมื้อเย็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ แทบจะทุกวัน ที่เธอกลับมาถึงบ้าน เธอต้องทานมื้อเย็นคนเดียว เพราะมารดาของเธอกลับบ้านหลังจากเธอขึ้นห้องไปพักผ่อนแล้วเกือบทุกครั้งก็ว่าได้ ท่านยุ่งมากจนแทบจะเรียกได้ว่า ได้พบหน้ากันแค่ตอนเช้า กับวันที่เธอไม่มีเรียนเท่านั้น แต่เธอไม่เคยโกรธมารดาเลย เธอเข้าใจว่าท่านทำทุกอย่างก็เพื่อเธอ และเพื่อปากท้องของชีวิตอีกหลายชีวิต วัชระเองก็มีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าตัวแสบของเขา เขาไม่ได้นัดเจอกับฟางข้าวหลายเดือน ตั้งแต่ที่ฟางข้าวขึ้นปี 4 เธอแทบไม่มีเวลาว่างเลย เขาจึงดีใจมาก ตอนที่อาของเขาโทรมาบอกให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนฟางข้าวที่บ้าน เพราะท่านไปทำงานครั้งนี้ น่าจะไปนานกว่าทุกครั้ง หลังทานอาหารเสร็จ ฟางข้าวพาเขาไปส่งที่ห้องที่จันตา หัวหน้าแม่บ้านจัดให้กับเขา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องของเธอเท่าไหร่ มีเพียงห้องหนังสือคั่นกลางเท่านั้น “พักผ่อนนะคะ ข้าวต้องไปพักแล้วค่ะ พรุ่งนี้ข้าวมีเรียน” “ให้พี่ไปส่งมั้ย” “ไม่เป็นไรค่ะ พรุ่งนี้ข้าวต้องขับรถเพื่อนไปคืนด้วยค่ะ” “โอเค งั้นขากลับโทรหาพี่นะ เดี๋ยวพี่ไปรับ” “น้อมรับคำสั่งค่ะ ข้าวไปก่อนนะ ฝันดีนะคะ” “จ้า เราก็ฝันดีเหมือนกันนะ” หลังจากที่ส่งวัชระเข้าห้องไปแล้ว เธอก็กลับไปที่ห้องของเธอ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เธอเป็นผู้หญิงที่เรียกว่าอาบน้ำเร็วก็ว่าได้ เธอไม่เคยอาบน้ำเกิน 20 นาทีเลย หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ฟางข้าวก็เข้านอนเลย วันนี้เธอคงจะหลับสนิทในรอบหลายวัน ที่เธอไม่ต้องอยู่ชั้นบนเพียงคนเดียว “แก ฉันใกล้ถึงแล้วนะ รถติดอยู่ก่อนถึงหน้ามหาวิทยาลัยเนี่ย” ฟางข้าวโทรบอกลลัลนา เธอกลัวเพื่อนสนิทเป็นห่วง เพราะเธอไม่เคยมาสายเลย “เออ ฉันมาถึงละ วันนี้มาพร้อมพี่นัท เลยมาถึงเร็ว แกก็ไม่ต้องรีบ ไม่สายแน่นอน” “โอเค กดวางให้ฉันด้วย” ฟางข้าวบอกลลัลนา ก่อนจะเลี้ยวรถเข้ามหาวิทยาลัย หญิงสาววนหาที่จอดรถสักพัก พลางบ่นอุบอิบในใจ ไม่จำเป็นเธอจะไม่ขับรถมามหาวิทยาลัยเองเด็ดขาด นอกจากรถติดที่ต้องทำใจแล้ว ยังหาที่จอดรถยากอีกด้วย เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเห็นล็อกว่างอยู่ไม่ไกลเธอรีบเลี้ยวเข้าไปจอดทันที “อ้าว ดล มาทำอะไร” ฟางข้าวล็อกรถเสร็จ หันกลับมาก็เจอณดลเดินมาพอดี เลยทักชายหนุ่มออกไป “เรามาเอาของที่รถน่ะ ข้าวรอเราแป๊บหนึ่งสิ เดี๋ยวเดินไปด้วยกัน” “โอเคจ้ะ” ฟางข้าวยืนรอณดลที่หน้ารถของลลัลนาสักพัก ณดลก็เดินกลับมา จึงพากันเดินไปพร้อมกัน “อ้าว ทำไมมาด้วยกันล่ะ” “เจอตอนจอดรถน่ะ” ฟางข้าวเดินมาที่โต๊ะ ณดลตามมานั่งด้วย ทำให้ลลัลนาแอบผิดสังเกตเล็กน้อย “วิชาแรกเราว่าง อาจารย์ไลน์แจ้งยกคลาส ค่อยขึ้นวิชาต่อไป” ลลัลนาหันมาบอกฟางข้าวที่กำลังวางกระเป๋า และนั่งลงตรงข้ามกับลลัลนา “โอเค” มือบางจะยื่นกุญแจรถคืนให้ลลัลนา ลลัลนารับกุญแจรถคืนไปเก็บใส่กระเป๋า ก่อนจะพากันคุยเรื่องเรียนจบ ว่าใกล้เวลาเข้ามาทุกที “ลัล วันนี้กลับก่อนได้เลยนะ พี่มีเข้าบริษัทต่อ” ขณะที่ทั้ง 3 คนกำลังนั่งคุยกันอยู่ นัทธีได้เดินมานั่งข้างๆ ลลัลนา ก่อนจะโอบเอวเธอแล้วบอกกล่าวกับเธอ “ค่ะ เดี๋ยววันนี้ลัลขับรถกลับเองค่ะ” ลลัลนาหันไปยิ้มให้เขา เขาลูบศีรษะเธอเบาๆ ก่อนจะลุกออกไป “แหม หวานจริง” ฟางข้าวแซวลลัลนาพลางเบ้ปาก “หวานอะไร ก็ปกติ” ลลัลนาหัวเราะเบาๆ “ลัลคบกับอาจารย์อยู่เหรอ” ณดลถาม หลังจากที่เขาสงสัยมาหลายวัน “อ๋อ เปล่าจ้ะ ไม่ได้คบ” ลลัลนาบอกปฏิเสธ “ไม่ได้คบ แต่แต่งงานแล้ว” ฟางข้าวพูดต่อให้ “ห๊ะ” ณดลเหวอ หันมอง 2 สาวสลับไปมา “ก็ประมาณนั้นแหละ” ลลัลนาตอบออกมายิ้มๆ “เออ เราคงตกข่าวเนอะ” “ไม่หรอก ไม่มีใครรู้เลย แต่งกันภายในครอบครัวน่ะ” ลลัลนาบอกเขาให้คลายอาการตกใจ “อ้อ ไม่ต้องห่วงนะ เราไม่บอกใครหรอก” “ขอบใจจ้ะ” ฟางข้าวมองเขากับลลัลนาคุยกันเงียบๆ จนบทสนทนาจบลง เธอจึงหยิบกระเป๋ามาสะพาย เตรียมขึ้นห้องเรียน หลังเลิกเรียน ฟางข้าวกับลลัลนาแยกย้ายกันกลับเลย ลลัลนาเดินไปที่รถ ในขณะที่ฟางข้าวเดินมานั่งที่โต๊ะ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาคนที่เธอนัดเอาไว้ “ยังว่างมารับข้าวอยู่มั้ยคะ” เธอพูดกับปลายสายน้ำเสียงทะเล้น “ว่างเสมอครับ สำหรับยัยตัวแสบของพี่” “ข้าวเลิกเรียนแล้วค่ะ” เธอหัวเราะชอบใจออกมาเบาๆ “รับทราบครับคุณหนู เดี๋ยวใกล้ถึงพี่โทรไปจ้ะ” หลังจากที่เขาพูดจบและวางสายไป ฟางข้าวหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านระหว่างนั่งรอ “ข้าว” ณดลที่กำลังจะกลับ เห็นฟางข้าวนั่งอยู่คนเดียวจึงเข้ามาทัก “อ้าว ดล ยังไม่กลับเหรอ” ฟางข้าวละสายตาจะหนังสือ เห็นว่าณดลกำลังนั่งลงตรงข้ามกับเธอ “กำลังจะกลับ แต่เห็นข้าวก่อน ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ” ฟางข้าวหน้าเสียไปชั่ววินาที ก่อนจะปรับให้เป็นปกติ “ลัลกลับไปแล้วน่ะ ข้าวรอที่บ้านมารับ” ณดลพยักหน้ารับรู้ “ให้เรารอเป็นเพื่อนมั้ย” “ไม่เป็นไรจ้ะ ดลกลับเถอะ เราอยู่คนเดียวได้” ฟางข้าวยิ้มให้ณดล “งั้นเดี๋ยวเรากลับก่อนนะ” ฟางข้าวพยักหน้ารับ ณดลลุกขึ้น เดินพ้นจากโต๊ะมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ชะงักเท้าลง หลังจากได้ยินฟางข้าวรับโทรศัพท์ “ค่ะพี่เฟรม” “พี่เลี้ยวเข้ามาแล้ว ให้พี่ไปรับตรงไหนครับ” “ตรงมาเลยค่ะ พอถึงสี่แยกเลี้ยวขวาแล้วจอดเทียบซ้ายค่ะ ข้าวนั่งอยู่ใต้ตึกค่ะ” “โอเค พี่เลี้ยวละ” ชายหนุ่มกดวางสาย หลังจากจอดเทียบซ้าย เขาเห็นฟางข้าวกำลังเก็บหนังสือลงกระเป๋า ก็ลงจากรถมาหาเธอ “ทำไมมาเร็วจังคะ” “ก็บริษัทพี่อยู่แถวนี้นี่ครับ” เขาตอบเธอก่อนจะยิ้มให้ แล้วพากันเดินไปที่รถ เขาเปิดประตูให้เธอ “เชิญครับ คุณหนู” ฟางข้าวหัวเราะออกมา “ขอบคุณค่ะ คนขับรถ” เธอแซวเขากลับ เขาหัวเราะแล้วเดินกลับมาที่ฝั่งคนขับ เปิดประตูขึ้นรถแล้วขับออกไป ที่หลังเสาต้นใหญ่ ข้างๆโต๊ะที่เคยเป็นที่นั่งของฟางข้าวเมื่อสักครู่ ณดลที่ยืนพิงเสาอยู่ ได้ก้าวออกมา มองตามหลังรถที่ขับออกไปจนลับตา รอยยิ้มอบอุ่นหายไปจากใบหน้าของเขา เหลือไว้แค่เพียงใบหน้านิ่งขรึม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD