“คุณแม่ออกไปแล้วเหรอคะ” ฟางข้าวถามจันตา หัวหน้าแม่บ้านที่เข้ามาดูแลเธอหลังจากที่เธอเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร
“ค่ะ คุณหนูรับอาหารเลยมั้ยคะ”
“ค่ะ” ฟางข้าวขานรับพลางพยักหน้ารับรู้
ฟางข้าวนั่งทานอาหารเช้าเพียงลำพัง มารดาของเธอไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเธอมากนัก เพราะท่านต้องดูแลทุกอย่างภายใต้ชื่อ ‘พรหมพรเพชรรัตน์’ สิ่งที่บิดามารดาของเธอร่วมกันสร้างขึ้นมา ก่อนที่บิดาของเธอจะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตอนเธออายุ 17 ปี
หลังจากบิดาของเธอเสียชีวิต ปลายฝน มารดาของเธอต้องรับหน้าที่ดูแลทุกอย่างให้ธุรกิจของครอบครัวเดินต่อไปให้ได้ ต้องเผชิญกับปัญหาหลายๆ อย่างเพียงลำพัง แต่ท่านก็พาบริษัทก้าวผ่านปัญหาทุกอย่างมาได้ ฟางข้าวเองไม่เคยคิดน้อยใจมารดาเลย ที่มารดาไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ เธอรู้ดีว่าท่านรักเธอมากแค่ไหน และบริษัทสำคัญแค่ไหน เพราะยังมีอีกหลายชีวิต ที่มารดาของเธอดูแลอยู่
“ป้าตาคะ รบกวนบอกลุงนวยเตรียมรถหน่อยนะคะ ข้าวจะออกไปหาซื้อหนังสือค่ะ” ฟางข้าวหันไปบอกหัวหน้าแม่บ้านหลังจากที่เธอทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับประทานอาหารกลับไปยังห้องของเธอเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอกตามที่เธอเอ่ยปากบอกกับหัวหน้าแม่บ้านไป
“คุณหนูจะให้ลุงมารับกี่โมงครับ” อำนวยถามฟางข้าว หลังจากมาส่งเธอที่หน้าห้างที่เธอมาเป็นประจำ
“ข้าวคงเดินไม่นานค่ะ มาหาซื้อหนังสืออย่างเดียว ลุงเดินเล่นรอข้าวก็ได้นะคะ หรือจะไปทำอะไรก่อนก็ได้ น่าจะประมาณ 3-4 ชั่วโมงค่ะ” ฟางข้าวบอก ก่อนจะลงจากรถไปโดยไม่รอฟังคำตอบจากอำนวย
ฟางข้าวเดินไปเรื่อยๆ เธอไม่ได้รีบร้อนอะไร เพราะดูคร่าวๆ มาแล้วว่าจะซื้อหนังสืออะไร
ครืด ครืด
“ฮัลโหล”
“ข้าว เธออยู่ห้างใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ ใครคะ” ฟางข้าวถามปลายสายด้วยความแปลกใจ
“อ้าว ข้าวไม่เคยเมมเบอร์เราเอาไว้เหรอ”
“ดลเหรอ เราเพิ่งเปลี่ยนเครื่องไม่นานนี้เอง”
“อื้ม เราอยู่ที่ห้างเหมือนกัน เราเหมือนจะเห็นข้าวเดินผ่านไป แต่เราไม่แน่ใจว่าใช่ข้าวมั้ย เลยโทรมาถามน่ะ”
ณดลบอกกับฟางข้าว หลังจากที่เขาทำเสียงรับรู้ว่าทำไมฟางข้าวถึงไม่ได้เมมเบอร์ของเขา
“ข้าวมาทำอะไร มาคนเดียวเหรอ”
“อยู่บ้านเบื่อๆ เลยมาหาซื้อหนังสือน่ะ ดลล่ะ”
“มาหาอะไรทานน่ะ วันนี้ต้องเข้าบริษัท แต่ยังขี้เกียจอยู่ เลยถ่วงเวลาก่อน” เขาบอกกับเธอน้ำเสียงขำๆ
“เกเรนี่นา” ฟางข้าวอมยิ้ม
“เปล่าสักหน่อย รอตรงนั้นนะ เดี๋ยวเราเดินไปหา” ณดลบอกก่อนจะวางสายไป ฟางข้าวยังไม่ทันได้ตอบอะไร ยืนถือโทรศัพท์งงๆ ก่อนจะเปิดกระเป๋าเพื่อเก็บโทรศัพท์ ณดลก็เดินมาถึงพอดี
ณดลมาถึงตอนที่ฟางข้าวกำลังเก็บโทรศัพท์อยู่ เขาจึงแกล้งเข้าไปใกล้ๆ แล้วเอามือวางบนไหล่ของฟางข้าว เธอสะดุ้งปัดมือเขาออก ก่อนจะหันมา
“ดล” ฟางข้าวถอนหายใจโล่งอกออกมาเบาๆ ณดลหัวเราะ ก่อนจะดันหลังเธอให้เดินไปข้างหน้า
“ไปเถอะ ไปเดินเล่นกัน” ฟางข้าวเดินตามแรงของณดลก่อนจะหันมามองเขา
ฟางข้าวชวนณดลไปซื้อหนังสือกับเธอ หลังซื้อหนังสือเสร็จ ตัวเธอเองก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน เพราะแต่เดิมคือตั้งใจออกมาซื้อหนังสือแล้วกลับบ้าน
“ข้าวไปที่บริษัทกับเรามั้ย” ณดลชวนฟางข้าวไปด้วย แต่เดิมการที่เขาต้องเข้าบริษัทก็เพื่อไปให้มารดาเห็นหน้าอยู่แล้ว
ฟางข้าวชั่งใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบตกลง พลางหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าต่อสายหาอำนวย
“ลุงคะ เดี๋ยวข้าวไปธุระกับเพื่อนสักพักนะคะ ลุงกลับบ้านเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวก่อนกลับ ข้าวจะโทรหาค่ะ” เธอพูดจบก็วางสายไป
หลังจากฟางข้าววางสาย ณดลพยักหน้าให้เธอ และพาเธอเดินไปที่จอดรถ เพื่อไปที่บริษัทตามคำสั่งของมารดา
“เจ้าดลมาหรือยัง” ภัทรา มารดาของณดลโทรออกมาถามเลขา หลังจากโทรตามเขาตอนเช้า และเห็นว่าสายมากแล้ว บุตรชายตัวดีก็ยังไม่มา
“ยังค่ะคุณภัทรา” เลขาของเธอตอบ ก่อนจะได้รับคำสั่งให้โทรตามบุตรชายคนเดียวของเจ้านาย
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ยกหูโทรศัพท์ ณดลก็ได้เดินเข้ามาพอดี พร้อมกับพาสาวน้อยหน้าตาน่ารักมากับเขาด้วย พนักงานที่กำลังนั่งทำงานต่างหันมามองด้วยความแปลกใจ
ณดลไม่ได้สนใจสายตาของใคร เขาพาฟางข้าวตรงเข้าไปยังห้องทำงานของมารดาเขา
“กำลังด่าผมอยู่เหรอครับแม่” เขาผลักประตูเข้าไป เห็นมารดากำลังนั่งทำหน้าไม่พอใจ จึงพูดแซวมารดา
“ย่ะ ฉันกำลังนั่งด่าแกอยู่” มารดาเขาพูดก่อนจะเงยหน้ามามองเขา แต่ก็ต้องชะงักไปที่เห็นบุตรชายพาหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักมาด้วย
“แม่ นี่ฟางข้าว เพื่อนของผม”
“หน้าอย่างแกมีเพื่อนด้วยเหรอ หนูไม่น่าหลงผิดมาเป็นเพื่อนเจ้าดลเลยลูก” ภัทรารับไหว้ก่อนจะพูดกับฟางข้าวแต่เป็นการพูดที่กระแนะกระแหนบุตรชายของตัวเอง
ฟางข้าวที่ยกมือขึ้นพนมไหว้มารดาของณดล ยิ้มหน้าเจื่อนๆ ให้กับท่าน ก่อนจะที่ท่านจะมาดึงเธอให้ไปนั่งที่โซฟารับแขก
“เป็นเพื่อนจริงเหรอลูก เป็นแฟนหรือเปล่า ถ้าเป็นแฟนบอกแม่นะ แม่จะหาผู้ชายที่ดีกว่าเจ้าดลให้”
“อย่าหาเรื่องกันน่า แม่” ณดลยังต่อปากต่อคำกับมารดาของเขาอยู่ ต่างกับฟางข้าวที่นั่งทำหน้าไม่ถูก
“ตกใจหรือเปล่าข้าว ไม่มีอะไรหรอก ปกติบ้านเราก็คุยเล่นกันแบบนี้แหละ” ฟางข้าวพยักหน้าเข้าใจ
หลังจากคุยกันสักพัก ณดลก็ลากฟางข้าวไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ที่ตอนนี้บนโต๊ะทำงานมีแต่แฟ้มเอกสารกองพะเนิน เขาทำสีหน้าเบื่อหน่าย
“ข้าวนั่งรอก่อนนะ ขอเราเคลียร์งานแป๊บหนึ่ง แล้วเดี๋ยวเราพาไปทานข้าว”
ฟางข้าวพยักหน้ารับรู้ เธอเดินไปนั่งลงที่โซฟา ก่อนจะหยิบหนังสือที่เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ขึ้นมาอ่าน เธอแอบมองณดลแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
อันที่จริงเธอไม่คิดว่าเขาจะต้องรับผิดชอบงานจริงจังตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่อาจจะเป็นเพราะธุรกิจในเครือของบ้านณดลค่อนข้างเยอะ เลยทำให้เขาต้องเข้ามาช่วยงานของครอบครัวเร็วกว่าเธอ
“ข้าว หิวมั้ย” เขาเซ็นเอกสารได้สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาถามฟางข้าว
“ยังจ้ะ เราทานก่อนออกจากบ้านมาแล้วล่ะ” ณดลพยักหน้ารับรู้ก่อนจะก้มหน้าเซ็นเอกสารต่อ
หลังจากอ่านและเซ็นเอกสารจนครบ เขาลุกขึ้นดึงฟางข้าวออกไปจากห้อง ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานพอดี มีพนักงานมากหน้าหลายตาที่กำลังเดินออกจากบริษัท แต่ที่หนีไม่พ้นคือการตกเป็นเป้าสายตา พนักงานที่นี่ไม่เคยมีใครได้เห็นณดล ทายาทเพียงคนเดียวของคุณภัทรา เจ้าของบริษัท พาผู้หญิงมาที่นี่ เรื่องนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจของพนักงานที่พบเห็น
“รีบไปเถอะดล คนมองเยอะแล้ว” ฟางข้าวเริ่มอายกับการที่ถูกคนมากมายจ้องมองเธอ จึงเร่งให้เขาเดินเร็วขึ้น ณดลหัวเราะชอบใจแต่ก็ยอมเดินไปตามแรงดึงของเธอ
“ข้าวอยากทานอะไร เดี๋ยวเราพาไป” ณดลถามฟางข้าวระหว่างที่กำลังสตาร์ทรถ
“อะไรก็ได้ เราไม่เรื่องมาก”
“โอเค” ณดลตอบรับ ก่อนจะออกรถพาฟางข้าวไปยังร้านอาหารที่เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะพาเธอไป
ฟางข้าวนั่งเงียบไปตลอดทาง เธอไม่ค่อยเข้าใจ ว่าทำไมอยู่ๆ เขาถึงพาเธอมาที่บริษัทของครอบครัวเขา แต่อาจจะเพราะเธอเป็นเพื่อนของเขา เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป จึงพยายามตอกย้ำตัวเองในคำว่าเพื่อนเอาไว้ เพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอตัวเผลอใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่
ฟางข้าวจมเข้าสู่ภวังค์ของตัวเองสักพักใหญ่ๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อณดลบอกว่ามาถึงที่ร้านอาหารแล้ว เธอลงจากรถด้วยความแปลกใจ ร้านอาหารที่ณดลพาเธอมา เป็นร้านอาหารธรรมดา แต่บรรยากาศดีมาก ในร้านตกแต่งด้วยต้นไม้ ดอกไม้นานาพรรณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง เธอมองเขาด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรเหรอ” ณดลถามขึ้น เมื่อเห็นฟางข้าวเอาแต่จ้องหน้าเขา
“เราไม่รู้นะเนี่ย ว่าดลชอบร้านอาหารแนวนี้น่ะ”
“ก็เวลานั่งทาน เพลินดีอะ ทานไปมองบรรยากาศไป ดีจะตาย” เขาตอบเธอ ก่อนจะพาเธอไปที่โต๊ะประจำของเขา เป็นมุมที่สวยที่สุดของร้านก็ว่าได้
ณดลมาเจอที่นี่โดยบังเอิญ แต่เป็นการบังเอิญที่คุ้มค่าสำหรับเขา สำหรับความรู้สึกของตัวเขาเอง เขาว่าร้านนี้ดีกว่าหลายๆ ร้านที่เขาเคยทานมา ทั้งรสชาติอาหาร ทั้งบรรยากาศ ทั้งความเป็นส่วนตัว เขาจึงมาที่นี่บ่อยๆ มาคนเดียวบ้าง มากับเพื่อนสนิทบ้าง แต่ที่แน่ๆ เขาไม่เคยพาผู้หญิงมาแน่นอน ฟางข้าวเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาพามา และเป็นคนแรกที่เขาเปิดเผยเรื่องส่วนตัวให้ได้รับรู้มากขนาดนี้
ชายหนุ่มคิดกับตัวเองพลางเหลือบตามองหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามกับเขา เธอกำลังนั่งมองซ้ายมองขวาอย่างชื่นชอบบรรยากาศ ณดลแอบดีใจอยู่ลึกๆ เพราะผู้หญิงแต่ละคนที่เขารู้จัก ชอบให้เขาพาไปร้านอาหารในโรงแรมบ้าง หรือให้เขาพาไปช้อปปิ้งบ้าง ไม่มีใครสนใจหรือถามเขา ว่าเขาต้องการอะไร หรือชอบไปไหน เขาจึงไม่เคยพาใครเข้ามาให้รู้จักพื้นที่ส่วนตัวของเขาเลยสักคน ณดลมองฟางข้าวด้วยสายตาที่อ่อนโยน ที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว