วันรุ่งขึ้น
บริษัทอัสดา อินทีเรีย
ญาดาเดินเข้ามาในห้องสัมภาษณ์งานที่เธอบุกเข้ามาโดยถือวิสาสะเข้ามาเอง เมื่อวานนี้เธอเข้ามาด้วยความโมโหและเกรี้ยวกราด แตกต่างจากวันนี้ที่ดูสำรวมมากจนเขาแปลกใจ
“ท่าทางของเธอวันนี้แตกต่างจากเมื่อวานสิ้นเชิงเลยนะ..”
“ก็คุณเรียกให้ฉันมาสัมภาษณ์นี่คะ ฉันก็ต้องสำรวมซิ..ไม่งั้นคุณอาจจะใช้สิทธิ์ในการตัดชื่อฉันออกอีกก็ได้..”
“...”
เขามองหน้าเธอนิ่งๆแล้วนั่งพิงเก้าอี้กอดอกจ้องใบหน้าของเธอ
“แนะนำตัวเองซิ..”
“จริงๆในประวัติของฉันก็น่าจะบอกคุณได้ระเอียดแล้ว แต่ไม่เป็นไรค่ะฉันจะแนะนำตัวฉันให้คุณได้รู้จักฉันอีกครั้งก็ได้..”
“...”
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆเพราะต้องใช้ความอดทนค่อนข้างสูงในการที่จะคุยกับเด็กหัวนอกอย่างเธอ ที่มีความมั่นใจในตัวเองเกินไปแบบนี้
“ฉันชื่อ ญาดา อินนุกรวงศ์ ค่ะ อายุ 27 ปี เรียนจบตรีด้าน Human Resource Management เกี่่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และก็ไปต่อโทด้าน International Relations เป็นสาขาเกี่ยวกับการปกครองระหว่างประเทศจบแล้วก็กลับมาไทยนะคะ..”
“แล้วทำไมถึงไม่เรียนต่อ..?”
“ไม่มีคนส่งแล้วนะคะก็เลยกลับมาหางานทำดีกว่า และที่บริษัทของคุณก็เป็นที่แรกที่ฉันอยากร่วมงานด้วย..”
“แล้วครอบครัวเธอละ ในประวัติเธอไม่เห็นมี..?”
“...”
เธอนิ่งไปเพราะที่เธอไม่ได้กรอกลงไปในใบสมัคร เพราะตั้งใจที่จะไม่ให้พวกเขารู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นใคร และก็ดีตรงที่นามสกุลที่เธอใช้อยู่ทุกวันนี้เป็นนามสกุลของพ่อ ซึ่งญานินไปใช้นามสกุลของแม่ พวกเธอทั้ง 2 คนจึงใช้นามสกุลไม่เหมือนกัน
“ฉันอาศัยอยู่กับพี่สาวนะคะ แต่ว่าตอนนี้พี่สาวฉันเขาแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ฉันเลยต้องกลับมาทำงานหาเงินเอง..”
เธอแต่งเรื่องขึ้นมาโกหกเขาเพราะไม่อยากให้เขารู้
“งั้นก็แปลว่าพี่สาวเธอเป็นคนส่งเธอไปเรียนต่อเมืองนอกนะซิ..?”
“ค่ะ..พี่สาวฉันเป็นคนส่งเสียฉันทุกอย่างทั้งค่ากิน ค่าที่อยู่ แล้วก็ค่าเรียน ฉันรักพี่สาวของฉันมากก็เรามีกันอยู่แค่ 2 คนนี่คะ..”
เธอพูดไปแล้วก็เผลอยิ้มออกมาเมื่อได้พูดถึงพี่สาวตัวเอง
“ดูเธอจะรักพี่เธอมากนะ..?”
“รักมากค่ะ..และใครที่คิดมาทำร้ายพี่สาวฉัน ฉันจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด ใครหน้าไหนก็มาทำร้ายพี่สาวฉันไม่ได้..”
“...”
เธอจ้องหน้าเขานิ่งโดยไม่พูดอะไรต่อ จนเขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ พอเธอตั้งสติได้ก็ปรับสีหน้าของตัวเองให้เป็นปกติ
“นี่คุณจะซักประวัติฉันไปเขียนหนังสือหรือไงคะ..ถามซะระเอียดยิบเลยนะ..?”
“ฉันถามเพราะฉันจะได้รู้ว่าฉันไม่ได้รับพวกมิจฉาชีพที่ไหนเข้ามาทำงาน..เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง อย่างเช่น พวกที่ปลอมแปลงเอกสาร ประวัติปลอมๆ หรือวุฒิการศึกษา ถ้าฉันจับได้ฉันไม่ปล่อยไว้แน่..”
“เชิญคุณตรวจสอบได้เต็มที่เลยค่ะ เพราะวุฒิการศึกษาของฉันจริง 100%..”
เขามองหน้าเธออย่างรู้สึกหมั่นไส้ ที่เห็นเธอดูมั่นใจในตัวเองมากเกินไป
“งั้นฉันตกลง..”
“ตกลง ตกลงอะไรคะ.. นี่คุณจะรับฉันเข้าทำงานแล้วใช่ไหมคะ..?”
“ทดลองงาน ตามเงื่อนไขของเธอไง 3 เดือนที่เธอจะทำงานให้บริษัทฉัน โดยไม่รับค่าจ้างตามที่เธอเสนอมา..ฉันตกลง..”
“...”
เธอมองเขาตาค้าง เพราะไม่คิดว่าบริษัทใหญ่โตขนาดจะขี้เหนียวแบบนี้
“ถ้าเธอโอเคก็เซ็นสัญญา..แล้วพรุ่งนี้เธอก็มาเริ่มงานได้เลย..”
“...”
“คุณนพ..เอาสัญญาเข้ามาเลย..”
นพดนัยเปิดประตูถือสัญญาเข้ามาวางตรงหน้าเธอ เธอมองหน้าเขาอย่างนึกโกรธเพราะไม่คิดว่าเขาจะเอาจริง
“น้องได้ทำงานที่บริษัทนี้สมใจแล้วนะ เซ็นเลยๆ..”
เธอก้มหน้าอ่านสัญญาทุกหน้าที่เขาร่างขึ้นมา ก็ต้องไปสะดุดกับประโยคสุดท้าย
“นี่มันมากเกินไปไหม..? ถ้าฉันทำงานให้คุณตามที่ตกลงครบ 3 เดือน แล้วคุณไม่รับฉันเข้าทำงานเป็นพนักงานในบริษัท ฉันต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้คุณตั้ง 5 แสนบาทเลยหรอ..?.”
“ถูกต้อง..นี่เป็นเงื่อนไขที่เธอเสนอมาเอง..”
“ฉันต้องทำงานให้คุณฟรีๆ 3 เดือน แล้วถ้าคุณแกล้งฉันไม่รับฉันเข้าทำงาน ฉันไม่ต้องเสียเงินให้คุณเพิ่มอีก 5 แสนหรอ..มันไม่แฟร์กับฉันเลยนะคะ..”
“มันแฟร์สำหรับเธอที่สุด..เพราะถ้าเธอทำงานโอเคฉันไม่รอให้ถึง 3 เดือนก็ได้ ฉันยินดีจ่ายให้เธอทันทีเหมือนกัน 5 แสนบาท..หรือถ้าเธอทำครบ 3 เดือนแล้วฉันพอใจ ฉันยินดีจ่ายเงินเดือนให้เธอย้อนหลัง 3 เดือนบวกกับเงินอีก 5 แสนเลยก็ได้ ถ้าเธอมั่นใจว่าเธอทำได้ก็ลองดู..”
เธอมั่นใจในตัวเองว่ายังไงก็จะต้องทำให้เขายอมรับเธอเข้าทำงานให้ได้ เพราะที่เธอตั้งใจมาสมัครงานที่นี่ ก็เพราะเธอต้องการเข้ามาสืบเรื่องของญานินและนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
เธอจึงตัดสินใจจับปากกาขึ้นมาแล้วเซ็นลงบนสัญญาด้วยความตั้งใจ
“ฉันจะทำให้คุณรับฉันเข้าทำงานให้ได้คอยดู”
....