4

1009 Words
“ใครว่าข้าจะมาถอนหมั้น แต่จะมาแจ้งว่าวันแต่งงานจะถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น จากสองเดือนข้างหน้าเป็นสิ้นเดือนนี้แทน” “สิ้นเดือนนี้เลยหรือ แล้วพวกเราจะเตรียมงานแต่งงานทันได้ยังไงกัน” จื่อเหวินพูดแทรก “นั่นสิเจ้าคะ” ปี้หลินพูดเสริมพี่ชาย “ถ้าพวกท่านเตรียมงานไม่ทันก็ไม่เป็นอะไร แค่ส่งคุณหนูสามมาจวนโหวก็พอแล้ว” หวังหนานโหวสบตาปี้เหยาร้อนแรง จนนางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ภาพการตายในชาติก่อน ทำให้นางลืมไม่ลงเลยจริง ๆ “ข้าไม่แต่งก็คือไม่แต่ง เชิญท่านโหวไม่แต่งกับคุณหนูหนิงเถิด” ปี้เหยารีบเดินออกจากเรือน วันนี้นางจะต้องเข้าวังไปพบสวีกุ้ยเฟยให้ได้ ทว่าเดินไปไม่นานหวังหนานโหวก็เดินติดตามมา “คุณหนูสามเป็นพวกชอบปัดความรับผิดชอบให้ผู้อื่นสินะ ถึงได้คิดอยากแต่งก็แต่ง คิดอยากเลิกก็เลิก” คำพูดประชดประชันนั้นดังอยู่ข้างหูปี้เหยา “ข้าเหนื่อยจะเถียงกับท่านโหวแล้ว ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” ปี้เหยาหันหน้าไปมองและเห็นแววตาเกลียดชังจากนัยน์ตาคมคู่นั้น ที่ปกติไม่เคยมองนางดี ๆ เลยสักครั้งหนึ่ง หากไม่ติดว่าหวังหนานโหวมีใบหน้าคมคายชวนให้เหล่าสตรีเคลิบเคลิ้ม นางคงคิดว่าตนเองตาบอดแล้วที่หลงรักคนเช่นนี้ แต่ก่อนที่คุณหนูสามจะหมุนเท้าเดินจากไป ข้อมือของนางก็ถูกฉุดรั้งเอาไว้เสียก่อน “ทะ ทำอะไรเจ้าคะ” สตรีเลิกคิ้วมอง ส่วนบุรุษก็แสยะยิ้มเย็น “เจ้าได้ร่างกายข้าแล้ว คิดจะปัดความรับผิดชอบหรือ” เอาอีกแล้ว เขาพูดประโยคที่น่าเหลือเชื่อออกมาอีกแล้ว เหตุใดหวังหนานโหวที่ไม่เคยญาติดีกับนางถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ “ได้อะไร...ข้าไม่เคย” ปี้เหยาหยุดพูดเพียงเท่านั้นก็ยิ่งตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีเป็นแดงระเรื่อ เมื่อสายตาคมเหลือบมองมาที่ปกเสื้อของนาง “น่าอายนัก กลัวคนอื่นมองไม่ออกหรือไง” หวังหนานโหวพูดจบก็สะบัดมือนางทิ้งไม่ไยดีสักนิด เรื่องราวชวนฝันเป็นนางที่คิดเพ้อเจ้อขึ้นมาเองทั้งหมดสินะ ปี้เหยารู้สึกเจ็บที่ข้อมือ นางยืนมองแผ่นหลังที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ ด้วยสายตาสับสน เยว่ชิงเห็นคุณหนูสามสีหน้าดูไม่ดีนักเลยเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูจะไม่ตามไปจริง ๆ หรือเจ้าคะ” เพราะตามปกติแล้วปี้เหยาจะไม่ปล่อยให้เรื่องจบลงเท่านี้ แต่ครั้งนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว “ไม่หรอก...ข้าจะไม่วิ่งตามอีกแล้ว” แล้วโฉมสะคราญของจวนแม่ทัพก็เดินกลับห้องพักของตนเอง ทางหวังหนานโหวที่เดินออกมาจากจวนแม่ทัพจนกระทั่งขึ้นรถม้ากลับจวนโหวก็ไม่เคยรู้สึกประหลาดใจมากเท่านี้มาก่อน เขานั่งมองกล่องของหมั้นที่ตอนนี้อยู่ในมือของตนด้วยแววตาเหม่อลอย ไม่นานภาพเร่าร้อนเมื่อคืนก็ปรากฏขึ้น สำหรับเขาที่คิดว่าอีกไม่กี่เดือนก็แต่งงานกับคุณหนูสามแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ถือว่าผิดแต่อย่างใด “จะถอนหมั้นก่อนหรือ แล้วคิดว่าข้าไม่อยากถอนหมั้นกับเจ้าหรือไง” หวังหนานโหวพูดพึมพำรู้สึกขัดแย้งในใจ ตกเย็นปี้เหยารู้สึกเบื่อเลยชวนพี่ชายและพี่สาวไปกินข้าวนอกบ้าน ส่วนบิดาก็หนีไปดื่มสุราสังสรรค์ที่บ้านสหาย จวนแม่ทัพไม่มีฮูหยินใหญ่มานานแล้วเพราะมารดาป่วยตายไปได้สิบปีกว่า ดังนั้นอำนาจในบ้านส่วนใหญ่จึงขึ้นอยู่กับปี้หลินที่เป็นคนดูแลจวนเสียส่วนใหญ่ “พ่อครัวทำอาหารไม่ถูกใจเจ้าหรือไง ให้พี่เปลี่ยนพ่อครัวคนใหม่หรือไม่” ปี้หลินสัมผัสได้ว่าน้องสาวเปลี่ยนไปตั้งแต่กลับมาจากจวนโหวเมื่อคืนนี้ เนื่องจากปี้เหยาเกิดเป็นลูกสาวคนเล็กทุกคนจึงคอยประคบประหงมตามใจนางมาก “ถูกใจเจ้าค่ะ ข้าแค่รู้สึกว่าพวกเราไม่ได้ออกมากินข้าวข้างนอกด้วยกันนานแล้ว”​ ปี้เหยาหันไปส่งยิ้มให้ปี้หลินสบายใจ ชาติก่อนนางละเลยพี่น้องและทำให้พี่สาวลำบากใจสารพัด เมื่อมีโอกาสกลับมาแก้ตัวมีหรือว่าจะไม่อยากแก้ไขให้ทุกอย่างดีขึ้น “เจ้าอยากถอนหมั้นกับท่านโหวจริง ๆ หรือ” อยู่ ๆ พี่ชายก็เอ่ยถามขึ้น และนั่นก็ทำให้ภายในรถม้าตกอยู่ในความเงียบ ปี้เหยาเห็นสายตาพี่ชายเต็มไปด้วยความกังวลก็รู้สึกว่าตัวเองทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนอีกแล้ว ถ้าครั้งนี้นางตัดไฟตั้งแต่ต้นลมได้ทัน เรื่องราวทั้งหมดก็จะไม่บานปลายไปมากกว่านี้ ตระกูลสวีทั้งหมดจะไม่ถูกใส่ความว่าเป็นกบฏ จวนแม่ทัพจะไม่ต้องโทษประหาร การที่ทุกคนตายหมดยกเว้นนางนั้นช่างเป็นความเจ็บปวดที่ทุกข์ทรมานมากนัก “จริงสิเจ้าค่ะ ข้าเพิ่งรู้ว่าตนเองไม่เหมาะกับสถานที่แห่งนั้น” ท้ายประโยคปี้เหยาพูดเสียงเบาคล้ายจะคุยกับตัวเอง เมื่อรถม้าแล่นมาถึงภัตตาคารขึ้นชื่อซึ่งตั้งอยู่ท้ายเมือง บรรยากาศคึกคักจึงทำให้ทุกคนมีความสุขในดวงตา ปี้เหยาพาพี่สาวเข้าไปรอพี่ชายที่ด้านใน เพราะจื่อเหวินเจอกับสหายที่ด้านหน้า “มีห้องส่วนตัวบ้างหรือไม่” ปี้หลินถามเสี่ยวเอ้อ แต่เสี่ยวเอ้อมีสีหน้าลำบากใจ “ห้องส่วนตัวเต็มหมดแล้วขอรับ เหลือแค่โต๊ะชั้นลอยที่ยังว่าง” เสี่ยวเอ้อชี้มือไปที่ชั้นสองของภัตตาคาร นัยน์ตาหงส์มองตามไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วนางก็สบตากับเขา คนที่ไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD