ปี้เหยาเดินลากสังขารออกมาจากจวนโหวด้วยท่าทางเหม่อลอยกระทั่งสาวใช้ที่ยืนรออยู่เห็นเข้าจึงรีบเดินเข้ามาหา
และนั่นจึงทำให้นางมีสติขึ้นมา “เยว่ชิง...” นานแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าสาวใช้จวนแม่ทัพที่คอยดูแลใกล้ชิดมาตลอด แต่พอได้ย้ายมาอยู่จวนโหว หวังหนานโหวกลับไม่ให้เยว่ชิงตามมาดูแล
เยว่ชิงรีบมาประคองคุณหนูทันทีที่เห็นว่านางดูเหม่อลอย
“ไม่สำเร็จหรือเจ้าคะ” สาวใช้ถามเสียงเบา
“เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่” ปี้เหยาเอ่ยออกมา นางก็เพิ่งใส่ใจวันนี้เอง ไม่คิดว่าเยว่ชิงจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้
“กะ ก็คุณหนูต้องการครอบครองท่านโหวไม่ใช่หรือเจ้าคะ” เยว่ชิงคิดว่าตัวเองหวังดี เลยลอบใส่ยาปลุกกำหนัดในสุราแล้วพาคุณหนูมาที่นี่ เมื่อท่านโหวพบเข้าก็ดึงปี้เหยาเข้าห้องนอนโดยไม่พูดพร่ำเพื่อ
“ช่างเถิด พวกเรากลับจวนแม่ทัพกันก่อน” แม้อยากตำหนิ สาวใช้นักแต่ก็ยังไม่ทำ แสดงว่านางเข้าใจผิดมาตลอดว่าฉินหนิงอี้เป็นคนวางยา ทว่ากลับไม่ใช่สตรีคนนั้นจริง ๆ
“เจ้าค่ะคุณหนู” เยว่ชิงอ่านสีหน้าคุณหนูสามไม่ออก เลยรีบพาคุณหนูไปขึ้นรถม้าแล้วพากลับจวนแม่ทัพ
ถ้าถามว่าเหตุใดพวกสาวใช้ถึงกล้าทำเรื่องใหญ่มากถึงเพียงนี้ สาเหตุก็เพราะปี้เหยามักให้ท้ายพวกนางอยู่เสมอ กระทั่งรถม้าแล่นมาถึงจวนแม่ทัพใหญ่ คุณหนูสามก็กลับเข้าบ้าน
“เจ้าหายไปไหนมา!” แน่นอนว่าเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ตวาดบุตรีเสียงดังด้วยความเป็นห่วง เพราะอยู่ดี ๆ ปี้เหยาก็หายตัวไปตั้งแต่ตอนเย็นไม่อยู่ในงานเลี้ยง พอตกดึกส่งคนออกตามหาแต่ก็ยังหาตัวไม่เจอ ความกระวนกระวายนี้ทำให้ทุกคนในจวนอกแทบแตกตาย
นัยน์ตาหงส์เหลือบมองใบหน้าแก่ชราของบิดาแล้วก็ร้องไห้ออกมา สาเหตุก็เพราะชาติก่อนหวังหนานโหวเกลียดชังนางมากถึงขั้นใส่ร้ายทุกคนในตระกูลทำให้ต้องโทษประหาร
“ท่านพ่อ ข้าขอโทษเจ้าค่ะ” ปี้เหยาวิ่งไปกอดบิดาแล้วก็ร้องไห้ออกมาสิ่งนี้นั้นทำให้ทุกคนตกใจจนหน้าถอดสี
“เยว่ชิงรีบพูดมา ใครรังแกคุณหนู” จื่อเหวินหันไปคาดคั้นสาวใช้ เยว่ชิงเห็นว่าโอกาสดีมาเยือนแล้วก็รีบโพล่งออกไปทันที
“ท่านโหวเจ้าค่ะ ท่านโหวรังแกคุณหนู” เมื่อสาวใช้พูดเช่นนี้ สีหน้าและแววตาของแม่ทัพใหญ่พลันแปรเปลี่ยน ปี้เหยาที่จำไม่ได้ว่าเคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นก็รีบหันไปปรามสาวใช้ทันที
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ! ไม่ใช่ท่านโหว ข้าหลงทางเอง ไม่มีใครรังแกข้าทั้งนั้น เยว่ชิง...ถ้าเจ้าไม่รู้อะไรก็อย่าพูดพล่อย ๆ ออกมา” นัยน์หงส์ตวัดมองสาวใช้ด้วยความดุดันจนเยว่ชิงตกใจรีบก้มหน้าลง
“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าตาไม่ดีมองผิดไปเอง”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” แม่ทัพใหญ่ยังไม่คลายความสงสัย เพราะถ้าหากท่านโหวรังแกปี้เหยาจริง เขาไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน
“ตามที่ลูกบอกเลยเจ้าค่ะ ลูกเผลอดื่มสุราไปหลายจอกจนมึนเมาจึงออกจากงานมาเดินเล่น แต่เดินไปเดินมากลับหลงทางเลยนั่งพักที่ศาลาในสวน กระทั่งท่านโหวมาพบเข้าเลยให้คนพาไปพักที่จวนโหว พอลูกหายมึนศีรษะแล้วก็ขอลากลับ ส่วนเยว่ชิงก็พาคนขับรถม้าออกมาตามหาแล้วขับรถผ่านหน้าจวนโหวพอดี” ปี้เหยาพูดลื่นไหลไม่มีพิรุธ แม่ทัพใหญ่จึงไม่ได้เซ้าซี้ต่อ
“เจ้ากลับมาปลอดภัยก็ดีแล้ว รีบไปพักผ่อนเถิด ส่วนทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอนได้แล้ว” แน่นอนว่าบิดาย่อมเชื่อบุตรี แม้ว่าสิ่งที่นางพูดจะฟังไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไรก็ตาม
“เจ้าค่ะ” ปี้เหยายิ้มให้บิดาแล้วก็พี่ชายและพี่สาว จากนั้นก็เดินกลับเรือนนอนของตนเอง ส่วนเยว่ชิงก็รีบเดินติดตามหลังไป
“คะ คุณหนูเจ้าคะ...” เยว่ชิงรู้ว่าคุณหนูโกรธที่นางพูดถึงท่านโหวออกมา แต่ก็รู้สึกไม่เข้าใจ
เมื่อเข้ามาในห้องนอนแล้ว ปี้เหยาก็เรียกเยว่ชิงมาสั่งสอน
“เจ้าห้ามพูดอะไรอีกเด็ดขาด โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับท่านโหว” เยว่ชิงรีบก้มหน้าหมอบลงกับพื้นเรือนทันทีที่ถูกคุณหนูตวาดใส่
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
“รีบไปต้มน้ำร้อน ข้าจะแช่ตัว” ปี้เหยาโบกมือไล่ ท่าทางไม่พอใจมาก เมื่อเยว่ชิงออกจากห้องไปแล้ว ร่างบางก็ทรุดตัวลงกับเก้าอี้แล้วมองเข้าไปในคันฉ่องสีเหลืองทอง
“ข้าไม่น่าย้อนเวลากลับมาวันนี้เลย ไม่น่าเลยจริง ๆ” เพราะหลวมตัวมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหวังหนานโหวไปแล้ว แบบนี้สัญญาหมั้นหมายจะยกเลิกได้ง่ายหรือไม่ก็อยู่ที่ท่านโหวแล้วก็บิดาของนางแล้ว
ฝั่งจวนโหว หวังหนานรู้สึกประหลาดใจที่คุณหนูสามกล้าทิ้งเขาไว้ ทั้งที่นางก็เป็นคนวางยาปลุกกำหนัดในสุราด้วยตัวเอง แม้จะกอดนางไปแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ
“ทะ ท่านโหวไหวหรือไม่ขอรับ ให้ข้าพาสาวใช้เข้ามาหรือไม่” จางรั่วเอ่ยถามที่หน้าประตูห้อง แต่กลับได้ยินเสียงรองเท้าปาใส่ประตูมาแทน
“ขะ ขอโทษขอรับ”
“ปี้เหยา ฝากเอาไว้ก่อนเถิด สตรีไร้ยางอาย” แน่นอนว่าหวังหนานโหวจำเป็นต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ โชคดีที่ยาปลุกกำหนัดนั้นถูกปลดปล่อยไปบ้างแล้ว เลยทำให้เขาไม่รู้สึกทรมานมากไปกว่านี้