บทอัศจรรย์อาละวาด

2057 Words
จากตัวตึกฉาบปูนสีขาวนวลๆ บนชั้นสองตรงหน้าต่างห้อยระย้าม่านระบายลูกไม้ แม่หญิงจันจีนมองลอดลงไปยังลานหินหน้าหมู่ตึก ได้อย่างถนัดชัดตา นางพบว่าคนสนิททั้งคู่ กำลังถูกเหล่าพลพรรคสักไซ้ไล่เรียงมาตลอดทั้งช่วงเช้า เกรงว่าเหล่าพรรคพวกกว่าร้อยชีวิต ปราถนารู้รายละเอียดการเข้าวังหาขุมทรัพย์ในตำนานกันทั้งสิ้น แม่หญิงจันจีนได้แต่ขมวดคิ้วขุ่น ส่ายหัวด้วยความขัดเคือง รู้สึกว่าเหตุใดพรรคพวกนางพิลี้พิไลเช่นนี้ พวกมันเอาแต่รวมตัวสอบถาม ทำไมไม่เร่งรีบส่งคนไปตามพี่สาวนาง ทั้งๆที่รู้แน่ชัดว่าพวกชายชุดดำล้วนเป็นฝารั่งมั่งค่า พวกฝารั่งมีชุมชนอยู่เพียง 3 แห่งเท่านั้นทั่วบางกอก ใช้เวลาตามหาไม่ยากเย็นนักดอก ความขุ่นเคืองของนางคล้ายจะขยายเพิ่มขึ้น เมื่อปรากฏสี่สาวใช้ยกถาดใส่อาหารและเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาภายในห้อง ในถาดไม้ทางซ้ายมีผ้าพับลายวิจิตรและสไบไหมอยู่เบื้องบน ส่วนอีกถาดเป็นชุดแบบแม่หญิงชาวจีนสีเขียวอบอุ่น แม่หญิงจันจีนเขม้นมองสี่สาวใช้ ขึ้นเสียงเขียวดุดันทันใด “ พวกเจ้ารีบไปนำชุดบุรุษของพี่สาวข้ามา ข้าไม่ปราถนาเป็นแม่หญิงอีกแล้วหนา ! “ เหล่าสาวใช้ต่างหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง ท่าทีเก้ๆกังๆลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ตราบกระทั้งมีเสียงชราแหบพร่าเข้ามาจากด้านหลัง “ คุณหนูสั่งแล้ว พวกเจ้าไม่ได้ยินฤา ! รีบไปโดยไว !...” พ่อบ้านม่านก้าวเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทีสุขุมเรียบนิ่ง หากทรงพลังเสียจนทั้งสี่สาวใช้รีบค่อมศรีษะ ก้มหน้าเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้พ่อบ้านม่านเดินเชื่องช้าเข้าไปหาแม่หญิงจันจีน ในมือที่ถือพัดขนห่านสีขาวนวลพัดเบาๆ เคล้าคลอเข้ากับวาจาแว่วแผ่วราวสายลมโชย “ คุณหนูเล็กท่านพักผ่อนสักชั่วครู่ชั่วยามเถิด เร่าร้อนไปไม่ช่วยให้พบคุณหนูใหญ่เร็วขึ้นดอก “ “ นี่ท่านเป็นทองไม่รู้ร้อนหรือกระไร พี่ซีเป็นตายเช่นไรยังไม่ประจัก จะให้ข้าพักผ่อนได้เช่นไร ? “ ฮึ ฮึ ฮึ …พ่อบ้านม่านหัวร่อในลำคอ มือหนึ่งลูบคลำเคราขาวโพน อีกมือโบกพัดแผ่วๆ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยด้วยวาจาเจ้าเล่ห์เจ้ากล “ เล่าลือกันว่าหลายปีมานี้คุณหนูเล็กมีฝีมือปรุงของหวานได้เลอเลิศนัก ไม่ทราบว่าผู้ชรามีวาสนาได้ลิ้มรสหรือไม่ ? ” “ เอะ !...พ่อบ้านม่านนี่ กล่าววาจานอกลู่นอกทางยิ่งนัก ข้าพูดถึงพี่ซีอยู่ดีๆ เหตุใดถึงมาอยากกินขนมหวานไปได้ ” ผู้เฒ่ายิ้มละมัยนั่งลงอย่างเยือกเย็น แล้วเอื้อนเอ่ยวาจาระรื่น “ หาได้นอกลู่นอกทางแม้แต่น้อยคุณหนูเล็ก ขนมหวานคือสิ่งที่ท่านเลื่องชื่อลือนามเป็นเอกอุเหนือผู้ใด แม้แต่พี่สาวท่านยังต้องศิโรราบ การที่ท่านถูกส่งเข้าวังจ้าวฟ้าก็ด้วยรสมือของท่านเยี่ยงนี้ เป็นภาระกิจที่พี่สาวท่านทำมิได้ ! ” “ และภาระกิจของพี่ซี ข้าพเจ้าก็ทำไม่ได้ใช่หรือไม่ ? “ แม่หญิงจันจีนเสริมเติม คล้ายจะรู้ความในใจพ่อบ้านม่านขึ้นมาครามครัน “ ท่านฉลาดหลักแหลมยิ่ง คุณหนูใหญ่กับท่านเป็นดั่งเหรียญคนละด้าน หนึ่งเฉียบคม หนึ่งอ่อนหวาน หนึ่งกล้าหาญเข้มแข็ง หนึ่งนุ่มนวลอ่อนหวาน “ พ่อบ้านม่านผงกหัวไปมา ขณะเอ่ยวาจาเรียบรื่น โดยอีกมือล้วงเข้าอกเสื้อ หยิบเอาสมุดข่อยเล่มสีน้ำตาลเข้มออกมาวางไว้บนโต๊ะ “ ทั้งคุณหนูใหญ่และท่าน ต่างเรียนรู้วัฒนธรรมชาวสยามคนละด้าน ระหว่างในรั้วในวัง กับวิถีบ่าวไพรพ่อค้าชาวประชา เพราะหากเราไม่เข้าใจจิตวิญญาณชาวสยาม พวกเราย่อมไม่อาจหาขุมทรัพย์วิเศษนั้นพบได้ “ ผู้เฒ่ากล่าวพลางลูบมือเบาๆไปตามขอบสมุดข่อย ดั่งจะเน้นให้เห็นความสำคัญในสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า “ ถึงบัดนี้ท่านถ่องแท้หรือไม่ว่ารากลึกชาวสยามคือฉันใด ? “ แม่หญิงจันจีนครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะต้องเบิกตาโพลงเมื่ออ่านอักษรที่จานไว้บนสมุดข่อยได้ถนัดชัดตา… ‘ โคบุตร !..’ “ ท่านคิดว่าชาวสยามเป็นเช่นเรื่องราวในสมุดข่อยนี้ฤา ออกจะรวบรัดไปกระมั้ง …ชาวสยามดูเหมือนจะรักสนุกไม่ยึดถือกฏเกณฑ์ แต่เคร่งครัดในวรรณะชาติตระกูล นับถือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมๆกับพึงพอใจทำผิดศีลธรรม ร่ำเมลัยเคล้านารี “ “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า … ไม่เสียแรงอยู่ในรั้วในวังมา5-6ปี เข้าใจชาวสยามได้แตกฉานนัก “ ผู้เฒ่าหัวร่อเบิกบานขณะยันตัวลุกขึ้น แล้วโบกพัดในมืเชื่องช้า ขณะกล่าววาจาระรื่นลอยลมไป “ ถ้าเช่นนั้นท่านสงบใจอ่านเรื่องราวในสมุดข่อยให้จบความ แล้วช่วยมาเล่าบอกผู้เฒ่าที่เถิด เมื่อท่านอ่านแจ้งจบสิ้น พวกพ้องเราคงสืบข่าวรู้ที่อยู่คุณหนูใหญ่แล้ว ” ถ้อยคำสุดท้ายของผู้เฒ่าบันดาลให้หญิงสาวตาลุกวาว เข้าใจความหมายของพ่อบ้านได้แจ่มแจ้งหมดสิ้นแล้ว “ ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ยังจะเห็นข้าเป็นเด็กน้อยอยู่อีก จะเอานิทานมาหลอกล่อให้ข้าหลับใหลหรือไร ! ” แม่หญิงจันจีนบ่นงึมงำไล่หลังผู้เฒ่าที่ค่อยๆเดินเชื่องช้าไปจากห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ต่างจากใบหน้าที่คุยกับแม่หญิงลิบลับ… “ จงแย้มเยือนเบือนพักตร์รับรักบ้าง ประโลมนางแนบกายสายสมร แสนสำราญอยู่ในร่มนิโครธร พระกางกรประดิพัทธ์วัจนา อัศจรรย์บรรดาสาคเรศ อรัญเวศหวั่นไหวไพรพฤษา เทพทั่วทั้งโห่ร้องเป็นโกลา สนั่นป่าลั่นเสียงสำเนียงดัง บรรดาฝูงเทพาวลาหก ก็ตื่นตกใจวิ่งไม่เหลียวหลัง อึกทึกกึกก้องฆ้องระฆัง ด้วยกำลังพระอาทิตย์ฤทธิรงค์ “... คิก คิก คิก …ผิงซีหัวร่อเบาๆในลำคอ ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจฟังการร่ายกลอนของพ่อภู่ แต่สำเนียงเสนาะที่ลอยผ่านกรงเหล็กมา ได้เข้าไปก่อกวนนางจนต้องเปิดเปลือกตาลืม ออกจากการนั่งสมาธิผนึกลมปราณในทันใด “ ฮิ ฮิ ฮิ …นี่มันบทอัศจรรย์อันใดของเจ้ากัน ทำฟ้าสะท้านแผ่นดินสะเทือน สรรพสัตว์หิมพานต์วิ่งหนีกระเจิง นี่มันเสพสังวาสกันเยี่ยงไร ถึงได้อึกทึกครึกโครมปานนี้ ! “ ผิงซีเอ่ยถามแย้มยิ้ม รู้สึกผ่อนคลายใจไปชั่วครู่ชั่วยาม แม้สถานะการณ์จะยังคงบีบคั้นอึดอัดอยู่ไม่วาย “ อ้าว !...นี่น้องหวนกลับมาโลกแล้วฤา พี่เห็นถอดจิตไปเฝ้าพระอินทร์เสียนาน นึกว่าจะหลงลืมทางกลับโลกเสียแล้วกระมั้ง “ พ่อภู่หันมากล่าวกับนางด้วยใบหน้าแดงกร่ำ ดวงตาหรี่ปรือดั่งมีอาการมึนเมาเข้าครอบงำ ทำเอาผิงซีที่อยู่อีกมุมห้องรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ทั้งที่เมื่อครู่นางเห็นพ่อภู่กินเพียงขนมปังกับหมูแฮม ไร้เมลัยสักหยด เหตุใดจึงมีอาการมึนเมาไปได้ “ พี่นี้คงบาปหนักหนายิ่ง ไปฉุดคร่าให้นางฟ้าตกสวรรค์ได้เยี่ยงไร เหตุเพราะน้องคงตรมตรอมด้วยคิดถึงพี่เต็มประดากระมั้ง มาเถิดเข้ามาใกล้ๆ พี่จะปลอบประโลมให้คลายใจ “ พ่อภู่พร่างพรูถ้อยคำเกี้ยวพา พลางยื่นแขนไขว่คว้าออกจากซีกลูกกรงเหล็ก ราวกับมันถวิลหากามรสสุดระงับ “ ไอ้โจรสลัดเจ้าเล่ห์ นี่มันวางยาในอาหารเป็นแน่ ! “ ผิงซีแผดเสียงกร้าว เมื่อรู้แน่แก่ใจว่าพ่อภู่ถูกเล่ห์ร้ายของจอมสลัดเข้าแล้ว “ เจ้านี่หนา !...เหตุใดตะกละตะกลามเช่นนี้ จะหาชีวิตไม่เพราะอาหารแล้วกระมั้ง “ ผิงซีร้องเสียงเขียว สายตามองถาดอาหารของพ่อภู่ที่ไม่เหลือสิ่งใดในจาน ดีที่นางไม่แตะต้องอาหารแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นคงมีสภาพทุเรศทุรังสิ้นดี “ เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างเพียงข้างขึ้น กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า อันทรามวัยใสสุกทุกเวลา น้ำใจข้ามึนเมาทั้งขึ้นแรม …” พ่อภู่พูดละเมอเคลิบเคลิ้ม ใบหน้าแดงเคล้าคลอกับลูกกรงเหล็ก สองมือโอบรัดกระถางทองเหลืองประหนึ่งได้กอดประคองนาง อันเป็นที่รักอยู่แนบอก “ เจ้าคนงมงาย อย่าได้โอ่นอ่อนผ่อนตามอารมณ์ไป เจ้าเคยบวชเรียนฝึกหัดทำสมาธิมามิใช่ฤา เร่งรีบขัดสมาดสงบใจเข้า “ เสียงร้องบอกของผิงซีราวลมระบายผ่านหู พ่อภู่หาได้รับรู้ยินยล มันเอาแต่พร่ำเพ้อละเมอหา เคลื่อนคล้อยวงแขนดั่งเคลิ้มลอยในม่านฝัน จนผิงซีรู้สึกขุ่นเคืองรำคาญใจยิ่ง นางจึงพลันคว้าพัดบนถาด แล้วปัดจานใส่ขนมปังพุ่งปะทะกรงเหล็ก จนเกิดเป็นสะเก็ตปลิวกระเด็น ทำให้นางต้องรีบคลี่พัดกางป้องกันใบหน้า จากเศษอาหารที่ปลิดปลิว แต่แล้วการกางพัดปกปักกาย กลับทำให้นางเห็นละอองสีส้มจางๆลอยฟุ้งออกจากพัด “ คุณพระช่วย ! …” ผิงซีอุทานลั่น รีบโยนพัดในมือทิ้ง แล้วบ่ายหน้าหนีละอองฝุ่นสีส้ม ทว่านางเชื่องช้าไปชั่วอึดใจ ผงพิษรัญจวนได้ลอยฟุ้งจนนางสูดดมเข้ากายไปเฮือกใหญ่ พิษร้ายแทรกซึมเข้าสู่สายโลหิตแผ่ซ่านไอร้อนเร่าไปตามเส้นชีพจร กระจายเข้าไปในทุกอณูเนื้อนางในบัดดล นางร้อนละอุราวน้ำเดือด หัวใจรัวระทึกรุนแรง ขนลุกเกลียว ยอดปทุมถันชูชันแข็งเป็นไต เกิดอารมณ์กำหนัดสบัดซ่านสยิว นางกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ เมื่อเบือนหน้าไปสบตากับพ่อภู่ ที่มองเหม่อเลื่อนลอยมา “ ไอ้โจรสลัดชั่วช้าลามก !...” ผิงซีสบถด่าเสียงเครือ พลางถอยตัวไปติดผนังห้อง รีบดึงชายสไบมาห่มคลุมไหล่เปลือยอีกด้าน แล้วรีบยกแขนกอดอกบดบังสัดส่วนของสงวน ที่กำลังระริกสั่นเกิดอาการถวิลหาโดยไม่มีสาเหตุ “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า …ผงอะโพดังเต้ ช่างทรงฤทธิ์โดยแท้ เจ้าสยิวสยายจนสิ้นจริตแม่หญิงเรียบๆร้อยๆไปแล้วหนา แม่สาวชาววัง ! “ เสียงหัวร่อร่าของอูซาเรเน่กึกก้อง เข้ามากับร่างสูงใหญ่ที่เปิดประตูพร้อมชายกำยำชาวฝรั่งเศสอีกสองนาย ที่ถอดเสื้อเปลือยอกอวดมัดกล้ามแน่นเนื้อ ส่วนอูซาเรเน่ยังคงอยู่ในชุดสูททรงยาว สวมหมวกกัปตันเรือทรงสามเหลี่ยม ไม่เปลี่ยนแปลง “ ไอ้โจรโฉดชั่ว เจ้ามันไร้ยางอาย ใช้วิธีสกปรกต่ำช้านัก ! “ ผิงซีแผดเสียงด่าทอ ทั้งที่ดวงตาสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น เมื่อเห็นสองชายเปลือยอกเดินเข้ามาใกล้ แล้วแยกย้ายยืนคุมเชิงนางไว้ทั้งซ้ายขวา “ นี่พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ? “ ผิงซีกล่าวเสียงสั่นเครือ สองแขนกอดอกแน่น อารมณ์หลากหลายปะทุขึ้น….นางทั้งโกรธเคือง หวาดหวั่น ซ้ำยังกระสันสวาท จนไม่กล้าเงยหน้ามองร่างกายชายกำยำทั้งคู่ “ โอ๊ะ !..โอ๊ะ !...นี่ท่านหวาดกลัวฤาแม่หญิง ช่างแปลกตายิ่งนัก แม่หญิงผู้มีเชิงดาบล้ำเลิศหายสาปสูญไปอยู่ที่ใดแล้วเล่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ….? ” จอมสลัดกู่ร้องสำราญ คล้ายกับจิ้งจอกร้ายหยอกเย้าเหยื่อ ก่อนจะขย้ำกินให้สาสมใจ “ หากพวกเจ้าแตะต้องนางสักปลายเล็บ ข้าจะทิ่มแทงตาตัวเองให้บอดสนิท ดูซิว่าจะมีใครมาแก้กลเปิดแผนทีให้เจ้า ” พ่อภู่กล่าวดังลั่น ขณะใช้สองมือเกาะกรง ยื่นหน้ากู่ร้องด้วยใบหน้าแดงซ่าน เหมือนจะได้สติบ้างเลอะเลื่อนบ้างบางครา ถ้อยคำอันห่วงใย บันดาลให้ผิงซีมองชายเมามายผิดแปลกออกไป มิคาดว่าภายนอกอันเหลวไหลไร้แก่นสาร จะมีหัวใจละอุอุ่นถึงเพีงงนี้ “ ชะ ชะ ช๊า !...อารักษ์ผู้กล้าหาญ ออกหน้ามาช่วยแม่หญิงในดวงใจเสียแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า …พวกเจ้าว่าข้าสมควรโอ่นอ่อนผ่อนตามมันหรือไม่ ? “ คำกล่าวที่ตามต่อท้ายหันไปกล่าวกับสองชายกำยำ ที่เหลียวหน้ามาแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ราวกับเห็นถ้อยคำของอูซาเรเน่ เป็นดั่งแรงผลักส่งให้พวกมันกระเหี้ยนกระหือลือมากกว่าเก่า !..

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD