อ้ายอ้ายดื่มนมจนเกลี้ยงเต้าทั้งสองแต่ก็ยังไม่อิ่มเช่นเคยทว่าวันนี้ยังตักตวงได้มากกว่าทุกครั้ง อ้ายอ้ายจึงพยายามอดทนเอาไว้และหลังจากนมหมดเต้าอ้ายอ้ายก็ดวงตาปรือ
ให้ตายเถิดง่วงนอนอีกแล้ว น่ารำคาญชะมัด
ไม่เพียงแต่ง่วงนอนอ้ายอ้ายยังปัสสาวะราด สองสามวันมานี้ล้วนมีแต่เรื่องน่าอาย
ถึงตอนแรกจะอับอายจนอยากตายไปอีกครั้งแต่เพราะสัมผัสของมารดาช่างอ่อนโยนทำให้อ้ายอ้ายรู้สึกเบาสบายตัว ดังนั้นนอกจากมองหน้าหม่าม้าและชอบฟังเสียงหวาน ๆ ของหม่าม้าแล้ว อ้ายอ้ายยังชอบให้หม่าม้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้อีกด้วย
หลังจากเช็ดก้นเปลี่ยนผ้าอ้อมให้บุตรสาวและห่อตัวทารกน้อยจนกลายเป็นซาลาเปาก้อนกลมก้อนหนึ่งแล้วเมิ่งสืออีก็กล่อมให้บุตรสาวนอนด้วยเพลงพื้นบ้านที่มารดาของนางเคยร้องให้ฟังบ่อย ๆ เมื่อตอนสมัยเด็ก ๆ แต่ครานี้ร้องเพลงจบไปรอบหนึ่งแล้วบุตรสาวก็ยังไม่ยอมนอน เมิ่งสืออีจึงได้หันมาพูดคุยกับไฉไฉแทน
ไฉไฉช่วยเมิ่งสืออีเก็บผ้าอ้อมที่เปื้อนใส่ไว้ในตะกร้าหวายจากนั้นก็ส่งนมแพะให้เมิ่งสืออีดื่มแทน
"เช่นนั้นฮูหยินดื่มนมแพะนี่เถิดนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวบ่าวจะไปต้มยาบำรุงพร้อมกับนำอาหารเย็นมาให้ท่าน"
เมิ่งสืออีรับนมแพะไปดื่มจนหมด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่จะช่วยบำรุงร่างกายของนางแม้จะไม่ชอบแต่เมิ่งสืออีก็พยายามกินทั้งหมดเพื่อบุตรสาว
ไฉไฉมองใบหน้ากลมป้อมของทารกน้อยพร้อมกับเอ่ยเบา ๆ
"เรื่องชื่อของคุณหนูจะทำอย่างไรเจ้าคะ จะรอนายท่านหรือเจ้าคะ หากนายท่านไม่สนใจ..."
เมิ่งสืออีตอบว่า
"ยังไม่รีบ เรียกอีเจี่ยเอ๋อร์ไปก่อน จดหมายที่ข้าวานเจ้าไปส่งเรียบร้อยหรือไม่"
ไฉไฉพยักหน้า
"เรียบร้อยเจ้าค่ะ แต่คงอีกนานกว่าจะถึงมือท่านเจ้าเมือง"
"ข้ารู้ น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน"
ไฉไฉเอ่ยต่อ
"ฮูหยินที่จวนใหญ่ เรื่องของนายท่าน..."
"ไม่ต้องพูดถึงคนพวกนั้นแล้ว ข้าไม่อยากฟัง ข้าคลอดอีเจี่ยเอ๋อร์ออกมาอย่างปลอดภัยแล้วข้าก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกันอีก"
เมิ่งสืออีไม่อยากฟัง นางรู้สึกว่าตนเองไม่อยากเจ็บช้ำน้ำใจและได้รับความกระทบกระเทือนอันใดอีก
ที่ผ่านมาไม่ว่าจะได้รับความลำบากเพียงใดนางไม่เคยปริปากบ่นหรือตัดพ้อต่อว่าผู้ใด ซ้ำยังยินยอมรับคำดูถูกจากผู้อื่นโดยไม่ตอบโต้นั่นเป็นเพราะว่านางต้องการให้บุตรในครรภ์ของนางคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
หลังจากนี้นางวางแผนเอาไว้แล้ว เมื่อนางแข็งแรงขึ้นนางจะลักลอบพาบุตรสาวจากไปอย่างเงียบ ๆ เมิ่งสืออีคิดว่าผ่านมานานเพียงนี้แล้ว บิดาและมารดาคงมั่นคงแล้วกระมังนางจึงตัดสินใจคิดหย่าขาดจากสามีและกลับไปที่บ้านเกิดเมืองนอนที่จากมา เวลานั้นค่อยให้บิดาตั้งชื่อให้หลานสาวด้วยตนเอง
"แต่ว่า...ดูเหมือนว่านายท่านจะไม่ทราบว่าท่านถูกไล่มาอยู่ที่นี่"
เมิ่งสืออียิ้มเย็น
"ข้าบอกแล้วว่าไม่สำคัญ เขากับข้านับแต่นี้ไม่เกี่ยวข้องกัน"
อ้ายอ้ายส่งเสียงอ้อแอ้ในลำคอพยายามดึงให้ตัวเองมีสติถึงแม้ว่าดวงตาปรือแทบจะปิดลงมาแล้วแต่นางก็ยังพยายามฝืนเอาไว้อย่างน่าขัน นั่นเป็นเพราะเรื่องของบิดาที่นางกำลังได้ยินในยามนี้ ตั้งแต่มาอยู่ในโลกใหม่นี่เป็นครั้งแรกที่หม่าม้าพูดถึงผู้ชายคนนั้น
แต่แล้วอ้ายอ้ายก็สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงของเย็นขาบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น
"ผู้ใดบอกว่าข้ากับเจ้าไม่เกี่ยวข้องกัน ในเมื่อเจ้าคลอดบุตรสาวให้ข้าเช่นนี้!"
"ลูกของข้าเจ้าจะพาไปไหนไม่ได้"
อ้ายอ้ายได้ยินเสียงนั้นพร้อมกับท่าทางตกอกตกใจของมารดานางก็เข้าใจได้โดยพลันว่าผู้ที่มาใหม่นั้นคือผู้ใด ในใจของอ้ายอ้ายคิดแค้นเคืองนัก นี่หรือคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อเขาทักทายคนที่เป็นภรรยาหลวงที่ไม่ได้เจอกันมานานแบบนี้หรือ
ช่างน่าชังนัก นางอยากจะหยุมหัวผู้ชายคนนั้นจริง ๆ
แม้จะง่วงเพียงใดอ้ายอ้ายก็ยังก่นด่าออกมา
"อ้า อ้า อ้อ อ้อ..."
หานชางเหยียนได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของบุตรสาวก็พลันรู้สึกตื่นเต้น ยิ่งทำให้เขาอยากเห็นใบหน้านั้นทว่าเขากลับไม่กล้าขยับ
บุรุษร่างสูงมองแผ่นหลังของเมิ่งสืออีที่ยังนั่งหันหลังให้เขา พร้อมกับบังร่างทารกเอาไว้อย่างหวงแหนไม่ยอมให้เขาได้เห็นหน้าจึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กดข่มความเกรี้ยวกราดเอาไว้
"ลูกสาวข้า ให้ข้าดูนางหน่อย"
เมิ่งสืออีทั้งโกรธทั้งแค้นนางหันมามองเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าว สายตาของคนสองคนพลันประสานกันท่ามกลางปุยหิมะที่พัดเข้ามา หานชางเหยียนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่อยู่ในเนตรคู่งาม แต่เขากลับแสร้งไม่รับรู้
"อย่ามายุ่งกับลูกของข้า อากาศเย็นมากเปิดประตูลมหนาวเข้ามาลูกของข้าจะไม่สบาย "
ไฉไฉที่เพิ่งได้สติจึงขยับกาย นางเป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยจึงไม่กล้ามองหน้านายท่าน ได้แต่คลานไปปิดประตูไม่ให้ลมเข้ามา
นางสังเกตเห็นว่ามีคนตามนายท่านมาหลายคนแต่เพราะว่าด้านนอกมืดจึงไม่ได้สำรวจว่ามีผู้ใดที่มาบ้าง เวลานี้จึงได้แต่นั่งอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับก้มหน้าปิดปากเงียบเชียบ ทำตัวราวกับว่าเป็นหุ่นไม้ที่อยู่ภายในบ้านหลังนี้
หานชางเหยียนกำมือแน่น เขาไม่ได้พบหน้านางมาเกือบเจ็ดเดือนแล้ว แต่ทันทีที่พบหน้านางกลับมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ความจริงเขามาถึงที่นี่ได้ครู่หนึ่งแล้วแต่เขายังไม่เปิดประตูเข้ามาจึงได้ยินเมิ่งสืออีและสาวใช้พูดคุยกันทุกประโยค
บัดนี้เขาจึงได้รับรู้ว่าลับหลังเขานั้น คนที่บ้านปฏิบัติกับนางเช่นไร ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจอยู่มาก
"นางคือลูกของข้าเช่นกัน เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาสั่งข้า เจ้าเป็นภรรยาของข้า"
เมิ่งสืออีแค่นคำออกมา
"ท่านเคยคิดจริง ๆ หรือว่าข้าคือภรรยา หานชางเหยียนท่านทำให้ข้าขบขันแล้ว"
จากนั้นเมิ่งสืออีก็หัวเราะในลำคอ หานชางเหยียนย่อมรู้สึกผิดในใจแต่เขาเป็นบุรุษหน้าบาง ยิ่งกับเมิ่งสืออีที่เขาเคยเย็นชามาตลอดเขาก็ไม่เคยคิดจะทำให้นางได้ใจ
ถึงจะเป็นมารดาของบุตรสาวแล้วแต่นางก็คือคนสกุลเมิ่ง สตรีจากสกุลคู่แค้นที่สังหารท่านปู่ของเขา เขาไม่อาจลืมความแค้นนี้ไปได้ แต่เมื่อเห็นแผ่นหลังเหยียดตรง ใบหน้างดงามบึ้งตึงขาวซีดจนเหมือนคนป่วย ทั้ง ๆ ที่เมิ่งสืออีในยามนี้ที่แม้จะเพิ่งคลอดบุตรนางสมควรอ้วนท้วน แต่เมิ่งสืออีกลับผอมแห้งเหมือนคนอดอยากมาเนิ่นนาน ทำให้เขายิ่งบังเกิดความรู้สึกสงสารและไม่กล้าทำรุนแรงกับนางมากไปกว่านี้
ถึงจะรู้สึกผิดหานชางเหยียนก็ยังเอ่ยกับนางด้วยถ้อยคำที่เย็นชา
"เจ้าจะคิดเช่นใดข้าไม่สนใจ ส่งเจี่ยเอ๋อร์มาให้ข้า"
เมิ่งสืออีคาดไม่ถึงว่าหานชางเหยียนจะดื้อรั้นเพียงนี้ หากเป็นก่อนหน้านี้แค่เห็นหน้านางเขาก็เดินหนีแล้ว แต่ยามนี้ถูกนางขับไล่เขาก็ยังคงไม่ไปไหน
"ท่านมาถึงก็ไม่มีแม้แต่คำขอโทษหรือคำอธิบายให้แก่ข้า หานชางเหยียนท่านช่างใจคอคับแคบเสียจริง ท่านกลับไปเถิดพวกเราแม่ลูกไม่จำเป็นต้องมีท่าน"
"เจ้าจะโทษข้าได้อย่างไร ไยเจ้าจึงไม่เคยบอกข้าว่าเจ้าตั้งท้อง เพราะข้าไม่รู้ข้าจึงละเลยเจ้าไปเช่นนี้"
เมิ่งสืออีจ้องเขาเขม็ง ดวงตาฉายแววแห่งความเจ็บช้ำ นางแค่นเสียงดูแคลนคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า
"ข้าส่งจดหมายไปหาท่านหลายฉบับ หานชางเหยียนเพราะเป็นจดหมายของข้า ท่านคงไม่เคยเปิดอ่านสินะ จึงไม่รู้ว่าข้าแม่ลูกได้รับความลำบากเพียงใด ข้าย่อมเจียมตัวแล้วเพราะรู้ดีว่าคนในดวงใจของท่านนั้นก็คือลู่ลี่มิใช่ข้า ท่านจึงได้เมินเฉยเย็นชากับข้าและลูกของข้าเพียงนี้"
หานชางเหยียนได้ยินดังนั้นถึงกับทำสิ่งใดไม่ถูก เจ็ดเดือนก่อนเขาถูกส่งตัวไปรบที่แดนเหนืออย่างเร่งด่วนก่อนหน้านั้นเขากับนางก็แทบจะไม่ค่อยได้พบเจอกัน
เขามีความสัมพันธ์กับนางเพียงครั้งเดียวและก็ไม่เคยนอนกับนางอีกหานชางเหยียนจึงไม่คิดว่าเพียงครั้งเดียวนั้นจะทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ได้
นางส่งจดหมายถึงเขาจริง แต่เขาคิดว่าเขาไม่มีเวลามาอ่านจดหมายของผู้ใดด้วยการศึกที่กระชั้นชิดเรื่องของนางจึงไม่มีความสำคัญเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่เคยรู้ว่านางตั้งท้องมาก่อน